ประเทศไทยเปิดตลาดให้สหรัฐอเมริกาอย่างกว้างขวาง ยอมแลกในหลายมิติ ไม่ว่าจะเป็นการยกเว้นภาษีเกือบทั้งหมดหรือเก็บภาษี 0% เพิ่มโควตานำเข้าพืชเกษตร เปิดตลาดให้สหรัฐฯมากขึ้น ตลอดจนความร่วมมือด้านความมั่นคง ทั้งหมดเพื่อแลกกับที่สหรัฐฯลดอัตราภาษีสินค้าจากไทยที่ 36% เหลือ 19% มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค.68การยุติสงครามการค้าเป็นสัญญาณให้ไทยต้องเร่งปรับตัว มุ่งหน้าสร้างเศรษฐกิจที่มั่นคง แข็งแกร่ง พร้อมรับมือกับความท้าทายก้าวสู่โลกเศรษฐกิจในอนาคตได้อย่างมั่นใจ ตามที่นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง หัวหน้าทีมไทยแลนด์ ชี้ให้เห็นถึงภารกิจที่ยังไม่จบ ประเทศต้องเดินหน้าต่อไปรัฐบาลเริ่มต้นด้วยมาตรการรองรับเกษตรกรและผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบ โดยจัดสรรงบประมาณในรูปแบบ Soft Loan เงินอุดหนุน มาตรการทางภาษี ปฏิรูปกฎระเบียบที่จำเป็น ที่ถือเป็นเพียงการเริ่มต้น ในระยะยาวต้องวางนโยบายรับมือโครงสร้างเศรษฐกิจที่กำลังเปลี่ยนไป และเปิดเผยรายละเอียดให้สาธารณชนได้รับทราบหนึ่งในแนวทางปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ ควรเริ่มต้นด้วยการใช้งบประมาณแผ่นดินด้วยความโปร่งใส โดยเฉพาะการใช้งบประมาณสำรอง 5 หมื่นล้านบาท รับมือภาษีของสหรัฐฯ รวมทั้งเพิ่มวงเงินทดรองจ่ายเยียวยาภัยพิบัติจากธรรมชาติในพื้นที่ภาคเหนือ ภัยพิบัติที่เกิดจากน้ำมือมนุษย์ ที่ชายแแดนไทย–กัมพูชาขณะที่การตั้งงบประมาณแผ่นดินปี 69 เป็นแบบขาดดุล ต้องกู้เงินมาใช้ในการลงทุน และยังคาดว่าเก็บรายได้ไม่เข้าเป้า ยิ่งสะท้อนว่าตั้งแต่นี้ไปจะต้องใช้งบฯโดยปราศจากการทุจริต หากต้องการให้เศรษฐกิจฟื้นตัวอย่างแท้จริง แม้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้แต่งตั้งคณะกรรมการจัดทำงบฯบูรณาการในปี 69ต่อต้านการทุจริตและประพฤติมิชอบ เป็นแผนงานบูรณาการที่รัฐบาลเน้นย้ำให้ความสำคัญ ทำหน้าที่กำหนดหลักเกณฑ์ ขอบเขต ภารกิจ เป้าหมายร่วม แนวทางดำเนินงาน ตัวชี้วัดหน่วยงานที่รับงบประมาณ จัดทำข้อเสนอส่งสำนักงบ ประมาณ มีเป้าหมายทำให้ประเทศปลอดจากการทุจริตและประพฤติมิชอบแผนนี้จะสำเร็จได้อยู่ที่รัฐบาลต้องเอาจริง กล้าใช้อำนาจเหมือนที่เคยประกาศนโยบายสงครามปราบยาเสพติดให้หมดไปจากแผ่นดินไทย หากหน่วยงานไหนเกิดการทุจริต ต้องถูกลงโทษอย่างเด็ดขาด เพื่อเชือดไก่ให้ลิงดู เชื่อว่านี่จะเป็นจุดเริ่มต้นในการฟื้นเศรษฐกิจ และส่งผลให้ค่าดัชนีการรับรู้การทุจริต หรือ ซีพีไอของไทยดีขึ้น.คลิกอ่านคอลัมน์ “บทบรรณาธิการ” เพิ่มเติม