การสู้รบครั้งนี้ประเทศไทยได้รับชัยชนะอย่างเบ็ดเสร็จ วันนี้เหตุการณ์ค่อนข้างสงบ แต่การต่อสู้ยังอีกยาวไกล ฝ่ายตรงข้ามมีความพยายามต่อเนื่องให้โลกล้อมบีบไทย พล.ต.วิทัย ลายถมยา โฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย ฉายภาพให้เห็นถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา หลังลงพื้นที่พร้อมเอกอัครราชทูต ผู้ช่วยทูตฝ่ายทหารประเทศต่างๆประจำประเทศไทย สื่อมวลชนลงพื้นที่จังหวัดชายแดน สังเกตการณ์พื้นที่พลเรือนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าวโดยชี้ให้เห็นถึงลำดับเหตุการณ์ ข้อเท็จจริง สถานการณ์ปัจจุบัน และการตอบโต้การบิดเบือนข้อมูลของกัมพูชาอย่างเป็นระบบ ขอให้ประชาคมระหว่างประเทศร่วมติดตามสถานการณ์และร่วมกันผลักดันให้มีการ “เจรจาทวิภาคี แก้ปัญหาด้วยสันติวิธี”ทางโฆษกกองทัพไทยพยายามหลีกเลี่ยงคำว่าอยู่ในภาวะ “สงคราม” เรายังไม่ได้เป็นประเทศที่เข้าข่ายเสี่ยงมีปัญหา แต่เป็นการต่อสู้กรณีชายแดนไทย-กัมพูชา มีเหตุการณ์พิพาทใหญ่ 2 ครั้ง ถ้าจำไม่ผิดครั้งแรก ปี 2554 และ ปี 2568 เป็นครั้งที่สองครั้งนี้รูปแบบการรบแตกต่างจากครั้งก่อนค่อนข้างเยอะ สมัยก่อนเป็นลักษณะสงครามรูปแบบเก่า อย่างมากเป็นเรื่องกำลังพล ครั้งนี้สงครามลูกผสม (Hybrid Warfare) มีไซเบอร์สเปซ (Cyberspace) ใช้สงครามอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Warfare หรือ EW) ปฏิบัติการไอโอเชิงรุกเป็นมิติใหม่วอร์แฟร์ วอร์ไฟติ้งที่เชื่อว่าทั่วโลกจับตาดูอยู่การเปิดศึกรูปแบบใหม่ทำไมทั่วโลกจับตาดู และชาติมหาอำนาจเข้ามามีบทบาทขอให้ไทย-กัมพูชาเจรจากัน พล.ต.วิทัย บอกว่า ข้อพิพาทระหว่าง 2 ประเทศ ปกติกลไกเจรจาระดับทวิภาคีมีอยู่แล้ว ทั้งระดับหน่วยทหารในพื้นที่ ขยับขึ้นมาเป็นกองทัพภาค ขยับขึ้นเป็นระดับ รมว.กลาโหม และในระดับรัฐบาลแต่ด้วยกลไกหลักเหล่านี้ใช้ไม่ได้กับการพิพาทครั้งนี้ เนื่องจากฝ่ายตรงข้ามรู้ว่าทำสงครามเสียเปรียบไทย จึงพยายามเหมือนสร้างดราม่าให้เห็นว่าประเทศเล็กถูกรังแก เพื่อดึงประชาคมโลกบีบไทยฝ่ายตรงข้ามพยายามทำตัวเองให้ประชาคมโลกเห็นว่าเป็น “เหยื่อ” พล.ต.วิทัย บอกว่า เป็นยุทธศาสตร์ชาติของฝ่ายตรงข้าม สื่อสารตั้งแต่ผู้นำประเทศจนถึงทหารคนสุดท้ายให้ประชาคมโลกเห็นว่า เขาถูกรังแกไทยถึงมีศบ.ทก.หรือศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยมี พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม เป็น ผอ.มีบทบาทอย่างมากในการบูรณาการ ติดตามสถานการณ์ พร้อมเปิดการสื่อสารยุทธศาสตร์ระดับชาติ เป็นไปในแนวทางเดียวกันกองทัพมีส่วนช่วยคลี่คลายที่ฝ่ายตรงข้ามใช้โลกล้อมไทยอย่างไร พล.ต.วิทัยบอกว่า กองทัพให้ความมั่นใจปกป้องอธิปไตยชาติ รักษาความปลอดภัยให้ประชาชนความมั่นคงในชีวิตของประชาชน อธิปไตยของชาติ เป็นเรื่องเดียวกัน กองทัพมั่นใจมีขีดความสามารถดูแลประชาธิปไตย ปกป้องอธิปไตยของชาติได้อย่างดีที่สุดรวมถึงสื่อสารให้โลกรู้ ต่อสู้ด้วยข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น เพื่อแสดงให้ประชาคมโลกได้เห็นความเป็นมาเป็นอย่างไร กองทัพไม่เคยปกปิดข้อเท็จจริงสมมติพูดถึงปราสาทตาควาย กองทัพบกยืนยันชัดเจนว่าไม่สามารถควบคุมตัวปราสาทได้ 100% อาจขัดใจความรู้สึกคนไทยที่เคยมีทหารอยู่ในปราสาทแต่วันนี้ไม่มีทหารอยู่ในปราสาท เพราะมีกับระเบิดวางอยู่ข้างๆ คนไทยเข้าใจและรับได้ ไม่อยากให้เราสูญเสียไปมากกว่านี้ในฐานะที่ผมเป็นทหาร มีครอบครัวเหมือนทหารของกัมพูชา ต้องถามว่า เขารบเพื่อได้ดินแดนเพิ่มไม่กี่ตารางกิโลเมตร แต่เขาต้องสูญเสีย ทำไมไม่พัฒนาร่วมกัน ทำสงครามไม่มีใครชนะ แพ้ทั้งคู่ มีแต่การสูญเสียสิ่งที่ทำผลประโยชน์ตกแก่ผู้นำประเทศกัมพูชาตระกูล “ฮุน” ร่ำรวย แต่ความเป็นอยู่ของคนกัมพูชา ทั้งแรงงานที่มาทำงานเมืองไทยกลับไปไม่มีงานทำ ทหารตามแนวชายแดนได้เบี้ยเลี้ยงคนละ 10 บาทชี้ให้เห็นระบบข่าวกรองในพื้นที่ของไทยที่ตรวจจับความเคลื่อนไหวทั้งทหาร มวลชน และโซเชียลมีเดียของกัมพูชา ครั้งนี้ทำงานหนักพอสมควร พล.ต.วิทัย บอกว่า ไทยเห็นมานานแล้วถึงการเพิ่มกำลังเข้ามาอยู่ในพื้นที่ริมชายแดน เป็นสิ่งที่กระทำได้ โดยที่ไทยไม่คิดว่าต้องรบกับกัมพูชา รบเพื่ออะไรผมยังไม่รู้เลยรบกันแล้วมันฝังลึกอยู่ในใจของทั้งคนไทยที่มีญาติอยู่กัมพูชา คนกัมพูชาที่มีญาติอยู่ไทย มองหน้ากันไม่ได้หลังเกิดเหตุการณ์ศึกตามแนวชายแดนสู้กันหนัก ขณะที่สงครามด้านวัฒนธรรมก็มาพร้อมๆกัน เป็นชนวนปลุกตอกลิ่มให้คนไทยและคนกัมพูชาร้าวลึกกว่าเดิม พล.ต.วิทัย บอกว่า ขอตั้งคำถามอีกครั้งถ้ากัมพูชาได้ครอบครองตัวปราสาทแล้วดูแลได้หรือไม่ ทุกวันนี้สามารถขึ้นมากราบไหว้ อธิษฐาน ถ่ายรูปได้เช่น ปราสาทเขาพระวิหารไม่ได้บูรณะใดๆ ล่าสุดยังระบุทหารไทยทิ้งระเบิดใส่ ถ้ากองทัพอากาศไทยทิ้งระเบิด 2,000 ปอนด์ ไม่เป็นหลุมเหมือนปลักควายที่ถ่ายรูปมาโชว์ ตรงนี้กัมพูชาต้องการเคลมหรือไม่ว่า สูญเสียมรดกโลกขอให้ไทยจ่ายเงิน เพื่อซ่อมแซมบูรณะปราสาทกัมพูชาอยู่ได้เพราะการขอหรือ ล่าสุด พล.ท.หญิง มาลี โสเจียตา โฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชา พูดทำนองน้อยใจ ขอส่งทหารที่บาดเจ็บมารักษาที่ไทย แต่ไทยปฏิเสธ“กัมพูชายิงจรวดเข้ามา โรงพยาบาลตามแนวชายแดนพัง ต้องปิด ไม่ปลอดภัย วันนี้คนไทยมีผู้บาดเจ็บอยู่จำนวนมาก ทุกวันนี้ยังมีหน้าให้ทหารกัมพูชาเข้ามารักษาอยู่อีกหรือทำไมไม่เอางบประมาณที่ไปซื้ออาวุธ ไปสร้างโรงพยาบาล ดูระบบสาธารณสุขให้กัมพูชาดีขึ้น อยากให้คนกัมพูชาเห็นว่างบประมาณของประเทศ เอาไปซื้ออาวุธเข่นฆ่ากันเพื่ออะไร”วันนี้ความสัมพันธ์ระหว่างสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา กับ พล.อ.เตีย บัญ อดีตรองนายกฯและ รมว.กลาโหมกัมพูชา สส.เสียมราฐ หนึ่งในผู้นำฝ่ายความมั่นคงที่ทรงอิทธิพล นำไปสู่สิ่งที่ทำให้มีการละลายทหารภายใต้บังคับบัญชาอย่างไร พล.ต.วิทัย บอกว่า ความหวาดระแวงระหว่าง 2 ตระกูลมีแน่นอนจะเห็นได้ว่า พล.อ.เตีย เซ็ยฮา รมว.กลาโหมกัมพูชา บุตรชาย พล.อ.เตีย บัญ คราวนี้ไม่ได้บัญชาการรบเลย กลายเป็นนายฮุน มาเน็ต นายกรัฐมนตรีกัมพูชาบัญชาการรบเองฉะนั้นต้องยอมรับสมเด็จฮุน เซน และนายฮุน มาเน็ต ไม่แคร์ มีอำนาจเบ็ดเสร็จ มีเครือข่ายธุรกิจทั้งขาว เทา ดำกัมพูชาในยุคนี้มีทั้งเครือข่ายเศรษฐกิจ เทคโนโลยี การทูตระดับภูมิภาคที่ทรงพลัง เปิดปฏิบัติการโลกล้อมไทย เอก อัครราชทูต ผู้ช่วยทูตฝ่ายทหารประเทศต่างๆประจำประเทศไทย สื่อมวลชนลงพื้นที่จังหวัดชายแดน สามารถล้างภาพที่กัมพูชาบิดเบือนออกไปได้อย่างไร พล.ต.วิทัย บอกว่า คนเหล่านี้ฟังข้อมูล 2 ด้านอยู่แล้วเมื่อลงพื้นที่ทำให้เห็นภาพชัดถึงการโจมตีเป้าหมายพลเรือนผู้บริสุทธิ์ ต่างกับกัมพูชาที่พาคณะผู้ช่วยทูตทหารลงไปในพื้นที่รบ เพราะเขาไม่มีบ้านเรือนที่ถูกโจมตีให้ดูชี้ให้เห็นว่ากองทัพไทยกำหนดเป้าหมายทางทหารที่ชัดเจน แม้เป้าหมายดังกล่าวอยู่ใกล้ชุมชนที่เป็นครอบครัวทหาร เรายังไม่กล้าใช้อาวุธ นั่นคือข้อจำกัดของไทยที่ตอบโต้กัมพูชากองทัพ ฝ่ายความมั่นคงวางน้ำหนักอย่างไรในยุทธศาสตร์อินโดแปซิฟิก พล.ต.วิทัย เห็นว่าประเด็นนี้เป็นโจทย์ใหญ่ ไม่ขอก้าวล่วง ขอเน้นเฉพาะศึกครั้งนี้ที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะเมื่อสัมผัสกับผู้ช่วยทูต 23 ประเทศทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ไม่อยากให้เหตุการณ์บานปลาย ถ้าเขาทำได้อยากมีส่วนทำให้การพิพาทครั้งนี้จบเร็วที่สุด แม้มาเลเซียมีความสัมพันธ์ที่ดีกับไทยและกัมพูชา เสนอตัวเข้ามาเชื่อมให้ 2 ประเทศได้พูดคุยบนโต๊ะเจรจาเท่านั้น ไม่เข้ามาก้าวก่ายหวังกลไกทวิภาคีแก้ปัญหาข้อพิพาทกลับไปสู่ภาวะปกติในเร็ววัน.ทีมการเมืองคลิกอ่านคอลัมน์ “วิเคราะห์การเมือง” เพิ่มเติม