บันทึกไว้บนหน้ากระดาษหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ เพื่อเชิดชูเกียรติประวัติและเอกสารหลักฐานทางประวัติศาสตร์ให้ลูกหลานไทยในภายภาคหน้าได้รับทราบและจดจำวีรชน1.พลทหารวรัญชิต ยวงสุวรรณ 2.สิบโทศราวุฒิ นามสวัสดิ์ 3.จ่าสิบเอกธวัชชัย บุสภา 4.สิบเอกนพดล บุญเลิศ 5.สิบเอกกฤษฎา น้อยโคตร6.สิบเอกจิรายุ สิงห์อ้น 7.สิบเอกจิรายุส อินทุมาน 8.พลทหารญาณพัฒน์ โคตรสาขา 9.สิบเอกอัมรินทร์ ผาสุข 10.จ่าสิบเอกอโณทัย ป้องแก้ว 11.พลทหารสิรวิชญ์ ภิญโญสุข12.จ่าสิบเอกธีระยุทธ สีจุ้ยจ้าย 13.จ่าสิบเอกอภิรมย์ ทรงพุฒิ 14.พลทหารธีรยุทธ กระจ่างทอง 15.สิบโทต่อพงษ์ พันดวงสดุดี 15 ทหารหาญ ผู้พลีชีพในเหตุการณ์ปะทะชายแดนไทย–กัมพูชานับตั้งแต่นาทีเสียงปืนแตกนัดแรกวันที่ 24 กรกฎาคม จนถึงเที่ยงคืนวันที่ 28 กรกฎาคม ที่สองฝ่ายทำข้อตกลงหยุดยิงอย่างไม่มีเงื่อนไขทหารไทยลุยสู้ตาย ไล่ทหารกัมพูชาออกจากแผ่นดินแม่เขาเหล่านี้คือกำลังพลที่ทรงคุณค่าของกองทัพไทยที่สู้แบบถวายชีวิตในการปกป้องผืนแผ่นดินไทยจากการถูกอริราชศัตรูรุกรานรบอย่างกล้าหาญ แลกเลือดกับทหารกัมพูชาตาต่อตาฟันต่อฟันเดิมพันด้วยชีวิต เอาร่างเข้ารับระเบิด กระสุน เจ็บจริง ตายจริง ไม่อิงดราม่า ไม่ต้องใช้ปฏิบัติการไอโอ ไร้วาระแฝงเกมอำนาจการเมือง ไม่มีผลประโยชน์เรื่องธุรกิจภารกิจปกป้องมาตุภูมิ รักษาบูรณภาพแห่งดินแดนแลกกับการปักธงชาติไทยใน 11 จุดยุทธศาสตร์ ช่องสายตะกู ปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาควาย ช่องจอม พลาญยาว ภูมะเขือ พระวิหาร โดนตวล สัตตะโสม ช่องอานม้า ช่องบกกองทัพไทยบุกตะลุยยึดพื้นที่ยุทธศาสตร์ไว้ได้เกือบทั้งหมดถือเป็นชัยชนะอย่างเด็ดขาด หมดจด ในการขับไล่กัมพูชาออกจากเขตแดนที่จ้องเคลมแผ่นดินไทย อย่างที่พยายามแทรกซึม แอบรุกคืบมาตลอดแม้นาทีก่อนข้อตกลงหยุดยิง ทหารกัมพูชาลุยหนักแถมยังละเมิดข้อตกลงหยุดยิง แต่โดนตีแตกกระเจิงเสียหายย่อยยับทั้งกำลังพลและยุทโธปกรณ์ถึงจังหวะรบจริง ปะทะกันซึ่งๆหน้า ทหารไทยสั่งสอนกองทัพของ “ฮุน เซน–ฮุน มาเนต” ผู้นำสองพ่อลูกจอมเจ้าเล่ห์ของกัมพูชา ให้รู้พิษสงการต่อสู้ตามรูปแบบไม่ให้เป็นไปตามแผนผู้นำกองโจรกัมพูชาแดง สันดานลอบกัดผิดจากเกมถนัดตีหัวเข้าบ้าน ตีสองหน้า โร่ฟ้องโลกโดนไทยรังแก แต่กลายเป็นตกที่นั่งลำบาก โดนลากขึงพืดประจาน “อาชญากรสงคราม” ภาพหลักฐานชัดสั่งยิงปืนใหญ่ถล่มไม่เว้นโรงพยาบาล เป้าหมายพลเรือนบริสุทธิ์ตรงกันข้ามกับยุทธการของกองทัพไทยที่รบแบบชาติอารยะล็อกเป้าทำลายเฉพาะฐานทหาร ตัดเส้นทางการรบของศัตรู แม้จะมีอาวุธยุทโธปกรณ์ที่ทันสมัย โดยเฉพาะเครื่องบินรบสมรรถนะสูง กำลังพลศักยภาพเหนือกว่า แต่ก็ไม่ได้มุ่งทำลายล้างฝั่งตรงข้ามแบบหน้ามืดตามัวแสดงถึงความชัวร์ มาตรฐานการรบขั้นสูงและยังรวมถึงปฏิบัติการด้านการข่าว ความแม่นยำในการรายงานข้อมูลที่เน้นข้อเท็จจริงตามสถานการณ์ ไม่มั่ว ไม่อวดศักดาสำคัญเลยก็คือแม่ทัพบัญชาการหน้างาน บทบู๊ถึงลูกถึงคนของ พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 คนที่ทำให้ “ฮุน เซน” วิตกกังวล ถึงกับต้องเอ่ยถึงชื่อใน “คลิปร้อน อังเคิล”“ฮีโร่ที่ยังมีชีวิต” ของไทย แสดงให้เห็นว่าจริงอย่างที่ผู้นำกัมพูชาผวา“พ่อลูกตระกูลฮุน” ต้องจดจำขึ้นใจ ยุคแม่ทัพภาคที่ 2 ชื่อ “พล.ท.บุญสิน” คือผู้ทำให้แผนชั่วร้ายเคลมพื้นที่ชายแดนไทย–กัมพูชา ที่กำลังคืบคลานใกล้ความจริงต้องพังทลาย ไอ้ที่ลักลอบฮั้วกับผู้มีอำนาจไทยที่ผ่านมามีอันพังครืนยังไม่นับผลพลอยได้จากยุทธศาสตร์กองทัพไทยที่สั่งปิดด่านชายแดนไทย–กัมพูชา ลงกลอนแน่นทุกจุด ตัดไฟฟ้า ตัดสัญญาณอินเตอร์เน็ต บล็อกเส้นทางขนน้ำมันเชื้อเพลิง อุดช่องอาชญากรข้ามชาติผิดกฎหมายถึงวันนี้ “นายร้อยปอยเปต” หายหน้าหายตาไปจากออนไลน์ประชาชนคนไทยรู้สึกได้เลยว่า แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ก๊วนพนันออนไลน์ เบาบางลงไปถนัดตา เพราะฐานบัญชาการใหญ่คือกัมพูชา กำลังเดี้ยงหนัก สะเทือนศูนย์รวมอาชญากรรมข้ามชาติแหล่งฟอกเงินใหญ่ที่สุดของโลกกำลังโดนทลายผลจากชัยชนะของกองทัพไทยที่แลกมาด้วยเลือดเนื้อชีวิตวีรชนทหารกล้านั่นไม่เท่ากับชัยชนะของทหารไทยในหัวใจคนไทยทั้งประเทศ กระแสให้กำลังใจนักรบแนวหน้า เสียงขอบคุณผู้กล้าเสียสละดังกระหึ่มเมืองอารมณ์ที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติแบบที่เห็นประชาชนวิ่งเอาอาหาร ขนมนมเนย หรือแม้แต่พระเครื่อง เครื่องรางของขลังมอบให้ขบวนรถทหารที่กำลังวิ่งไปชายแดน พ่อค้า แม่ค้า ไม่คิดเงินกำลังพลที่แวะซื้อเสบียงแทนคำขอบคุณจากใจคนไทยทั้งชาติที่แน่ๆประโยคคำถาม “มีทหารไว้ทำไม” ในอารมณ์ของทีมเด็กรุ่นใหม่กองทัพส้ม ได้เปลี่ยนเป็นการร่วมกันเรียกร้องให้เพิ่มผลประโยชน์ตอบแทนกำลังพล ทหารชั้นผู้น้อยให้มากขึ้น สมกับภาระหน้าที่กองทัพไทยกำชัยชนะทั้งในสนามรบและในใจคนไทยแต่นั่นมันตรงกันข้ามเลยกับสภาพของรัฐบาลเพื่อไทย ในภาวะไร้หัว “ตัวจริง” เหลือแค่ “ผู้นำจำเป็น” อย่างนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและ รมว.มหาดไทย ในฐานะรักษาการตำแหน่งนายกรัฐมนตรี“เบอร์รอง” ต้องคุมเกมฝ่ายบริหารการเมืองรับมือวิกฤติสู้รบชายแดนไม่มีแม้แต่ “รมว.กลาโหม” ในท่ามกลางสถานการณ์เขม็งเกลียว ลำพังมีแค่ตัวช่วยอย่างนายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.ต่างประเทศ เป็นคู่หูตามประกบต่อกรกับเกมรบในเวทีนานาชาติ เป็นรอง “พ่อลูกตระกูลฮุน” เห็นได้ชัดโดนเสียงวิจารณ์ ฟอร์มอ่อนยวบยาบ เนิบนาบ ทั้งๆที่ถือภาพหลักฐาน คลิปประจาน ข้อเท็จจริงอยู่ในกำมือแท้ๆ แต่กลับไม่ทันลูกเขี้ยวของผู้นำเจ้าเล่ห์กัมพูชาที่เดินสายปั้นเรื่องเท็จฟ้องโลก ชิงหาเวทีโกหกหน้าด้านๆได้แบบรัวๆแม้แต่การไปทำข้อตกลง “หยุดยิงอย่างไม่มีเงื่อนไข” ก็แต้มอ่อน“ภูมิธรรม” ต้องกลับมาเจอกับคำถามสื่อมวลชนจี้ใจดำ เจอจี้ต่อมฉุนกึ้ก ตอบแบบอึกๆอักๆกับการเอาภาษี “คาวบอย” โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ มามัดคอกองทัพ เข้าเหลี่ยมกัมพูชาทำให้ทหารไทยตกอยู่ในภาวะเสี่ยงตายในนาทีคาบลูกคาบดอกสถานการณ์เหมือนตกในวงล้อมตำบลกระสุนตก ทีมเพื่อไทย “สลัดไม่ออก” ดิ้นไม่หลุดจากบ่วงบาศความหวาดระแวงของสังคมไทยที่มองทะลุวิกฤติชายแดนไทย–กัมพูชาต้นตอมาจากสายสัมพันธ์นัวเนีย “ตระกูลฮุน–ตระกูลชินวัตร”เกมเจรจาถูกตั้งแง่ “ซ่อนเกมฮั้ว” หมกเม็ดผลประโยชน์โดยเงื่อนไขสถานการณ์ที่เสียงปืนแตกชายแดน กระสุนปืนใหญ่ทหารกัมพูชาตกใส่บ้านเรือนประชาชน ปั๊มน้ำมัน ไม่เว้นแม้โรงพยาบาล ทำคนไทยตายเป็นเบือทหารไทยต้องพลีชีพสังเวยเกมขัดแย้งผลประโยชน์ผู้นำการเมืองตามท้องเรื่อง นำมาสู่จุด “วิกฤติศรัทธา” สะท้อนจากปรากฏการณ์ที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯคนพ่อ กับ “อิ๊งค์” แพทองธาร ชินวัตร นายกฯคนลูก เดินสายเยี่ยมผู้ประสบภัยในศูนย์อพยพ แทนที่จะได้แต้มบวกกลับกลายเป็นลบ โดนชาวบ้านโห่ บุกตะโกนถามปมซี้ปึ้ก “ฮุน เซน” ทำไมถึงให้เพื่อนฆ่าคนไทยศึกชายแดนกัมพูชาฉุดคะแนนนิยมทีมเพื่อไทยดำดิ่งอย่างหนักกองทัพ “นายใหญ่” เพลี่ยงพล้ำ พังเพราะน้ำมือมหามิตร.“ทีมการเมือง”คลิกอ่านคอลัมน์ “วิเคราะห์การเมือง” เพิ่มเติม