ไม่ใช่ “สุภาพบุรุษ”...“ทักษิณ ชินวัตร” โชว์บารมีกลางวงดินเนอร์พรรคร่วมรัฐบาลกล่าวหาว่าการที่ “ภูมิใจไทย” ถอนตัวจากรัฐบาลก็เพราะเหตุนี้แหละ...ทั้งๆที่ความจริงแล้วการถอนตัวออกไปนั้นก็เนื่องจาก “เพื่อไทย” ไปแย่งเก้าอี้รัฐมนตรีมหาดไทย ทำให้เกิดความไม่พอใจจนถอนตัวออกไปเป็นการแก้เกี้ยวที่ทำให้ตัวเองดูดี!ว่าไปแล้วการจัดเลี้ยงพรรคร่วมรัฐบาลครั้งนี้นั้นก็เพื่อจุดมุ่งหวังหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการแสดงตัวว่าเขานั้นยังมีศักยภาพอยู่เพราะมีประสบการณ์สูงมั่นใจเสียงปริ่มน้ำก็จริงแต่สามารถที่จะนำพารัฐบาลไปต่อได้ ทั้งนี้แกนนำแต่ละพรรคจะต้องช่วยกันดูแลลูกพรรคอย่างเข้มข้นเป็นการปลุกขวัญสร้างกำลังใจให้ร่วมกันทำงานเพื่อให้รัฐบาลอยู่ต่อไปได้ปัญหาหนึ่งก็คือทำให้ “เพื่อไทย” เกิดความมั่นใจถ้ามีเขาอยู่ไม่ต้องกลัวนอกจากนั้นหากพรรคร่วมรัฐบาลร่วมมือร่วมใจกันอย่างนี้หลังเลือกตั้งก็จะเป็นรัฐบาลร่วมกันต่อไปทำให้บรรดาพรรคร่วมรัฐบาลที่มีปัญหาจากความขัดแย้งภายในและมีมวลชนของแต่ละพรรคที่ไม่พอใจจากการร่วมรัฐบาลเกิดความมั่นใจว่าหลังเลือกตั้งพวกเขาจะได้ร่วมงานกับ “เพื่อไทย”เป็นการซื้อใจล่วงหน้าแต่ถึงวันนี้จะเกิดอะไรขึ้นมิอาจทราบได้แต่ที่แน่ๆการกระชับสัมพันธ์ครั้งนี้โดยมี “ทักษิณ” เป็นโต้โผใหญ่ นอกจากจะบอกว่าลูกสาวของเขาน่าจะรอดจากการถูกถอดถอนประเด็นที่มองข้ามไม่ได้ก็คือหากมีอันเป็นไป “เพื่อไทย” ก็จะเสนอชื่อ “ชัยเกษม นิติสิริ” แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคชิงตำแหน่งแทนทั้งนี้พรรคร่วมรัฐบาลจะต้องให้การสนับสนุนเป็นการผูกมัดเอาไว้ล่วงหน้า!อีกทั้งยังแสดงความมั่นใจว่าตัวเขาที่มีชนักติดหลังในคดีต่างๆ ว่าเขาจะผ่านพ้นบ่วงกรรมไปได้ไม่ต่างไปจากลูกสาวงานนี้เท่ากับยิงปืนนัดเดียวได้นกหลายตัวสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกพรรคเพื่อไทย พรรคร่วมรัฐบาลที่จะร่วมมือร่วมใจกันนำพารัฐนาวาให้ผ่านพ้นมรสุมต่างๆไปได้“ทักษิณ” เล่าว่าเขาเคยเป็นนายตำรวจติดตาม “ปรีดา พัฒนถาบุตร” สมัยที่ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช เป็นนายกรัฐมนตรี“กิจสังคม” เป็นแกนนำรัฐบาลซึ่งมีเสียงแค่ 18 เสียงเท่านั้นเขาทำหน้าที่พูดคุยกับบรรดาหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลสมัยนั้นเพื่อกุมเสียง สส.ไม่ให้แตกแถวทำให้รัฐบาลทำงานได้แต่เขาไม่ได้บอกว่ารัฐบาลยุคนั้นอยู่ได้นานแค่ไหนบอกเพียงว่าทำงานได้เท่านั้น!แต่ความจริงแล้วอยู่ได้เพียงไม่กี่วันก็ต้องประกาศ “ยุบสภา” เพราะอยู่ต่อไปไม่ได้ เนื่องจากเสียงสนับสนุนน้อยมากเป็นการเล่าที่เอาแต่หางไม่ได้พูดถึงหัวเรื่องมันเป็นอย่างนี้แหละ...ความจริงทางการเมืองจากนี้ไปล้วนมีแต่ความไม่แน่นอนอะไรก็เกิดขึ้นได้ ทั้งนี้วันนี้ยังโม้อวดเก่งปลุกขวัญกันไปแต่พรุ่งนี้จะเกิดอะไรขึ้น ยังไม่รู้ได้!"สายล่อฟ้า"คลิกอ่านคอลัมน์ “กล้าได้กล้าเสีย” เพิ่มเติม