มันใช่หรือ?...“ทักษิณ ชินวัตร” บอกว่าเขาทำหน้าที่เป็น “เสมียนแห่งชาติ” ที่จะส่งข้อมูล คำแนะนำ และความเห็นต่างๆให้นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีเพื่อนำไปบริหารราชการแผ่นดินหลังจากถูกโจมตีมาตลอดว่าเขา “ครอบงำ” ลูกสาวและรัฐบาลทุกอย่างจึงต้องหาทางบอกสังคมว่าไม่ใช่แต่เป็นการให้ความเห็นและข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อบ้านเมืองไม่ใช่การ “ครอบงำ” อย่างที่ถูกโจมตีก็เป็นลีลาเพื่อหลีกเลี่ยงข้อกล่าวหาดังกล่าว เนื่องจากจะมีผลทางกฎหมายทำให้ถูก “ยุบพรรค” ได้จึงต้องใช้ลีลาศรีธนญชัยหลบไปเลี่ยงมาอย่างที่เห็นอยู่ก็ไม่ต่างกับบรรดาแกนนำ “เพื่อไทย” ที่พยายามออกตัวในหลายกรณีว่า “ทักษิณ” ไม่ได้ครอบงำแต่มาให้ความรู้เนื่องจากมีประสบการณ์มากอย่างงานเลี้ยง “ดินเนอร์” พรรคร่วมรัฐบาลที่ “เพื่อไทย” เป็นเจ้าภาพซึ่งได้เชิญบรรดา สส.พรรคร่วมรัฐบาลมาร่วมด้วย ต่างจากที่ผ่านมาเคยแต่เชิญหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคเท่านั้นแต่เนื่องจากสถานการณ์ของรัฐบาลในปัจจุบันไม่สู้ดีนัก เนื่องจากนายกรัฐมนตรีก็มีปัญหาเรื่อง “คลิปฉาว” อาจจะถูกถอดถอนได้อีกทั้งรัฐบาลก็เสียงปริ่มน้ำเนื่องจาก “ภูมิใจไทย” ถอนตัวจากรัฐบาลก็เลยต้องกระชับสัมพันธ์ให้แนบแน่น เนื่องจากทุกฝ่ามือของ สส.ล้วนมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อความเป็นไปของรัฐบาลจึงต้องกระชับให้แน่นแฟ้นกว่าที่ผ่านมา!“ทักษิณ” ก็เป็นปัจจัยสำคัญที่จะต้องให้มาร่วมงานเพื่อจะได้ใช้บารมีและความเก๋าเพื่อให้บรรดา สส.ไม่กล้าแตกแถวเรื่องของเรื่องมันก็เป็นแบบนี้!ที่น่าสังเกตอย่างหนึ่งหลังจากที่พรรคภูมิใจไทยถอนตัวออกไปจากรัฐบาลและ “แพทองธาร ชินวัตร” ถูกศาลจับขึ้นเขียงจะอยู่จะไปยังคาดเดาไม่ได้เวลานี้อยู่ในขั้นถูกสั่งให้หยุดปฏิบัติราชการทำให้มีช่องว่างในการบริหารประเทศ เนื่องจากต้องให้รองนายกรัฐมนตรีรักษาการทำหน้าที่จึงเกิดอาการที่เรียกว่า “ปลอดอำนาจ”“ทักษิณ” จึงต้องโดดเข้ามาทำหน้าที่แทน!พูดง่ายๆ แสดงบทบาทอย่างเต็มตัวในทุกเรื่องไม่ซ่อนเร้นอำพรางกันแล้วไม่ใช่แค่สานพลังพรรคร่วมรัฐบาลเท่านั้นก่อนหน้านี้ก็เคยเข้าร่วมประชุมที่บ้านพิษณุโลกเพื่อหารือเกี่ยวกับการวางแผนเพื่อเจรจาเรื่องภาษีกับสหรัฐฯจึงไม่ต่างกับการทำหน้าที่นายกรัฐมนตรีแทนลูกสาวเพียงแต่ใช้วิธีการโดยให้ “พิชัย ชุณหวชิร” รองนายกรัฐมนตรีในฐานะหัวหน้าทีมเจรจาบอกกับนักข่าวว่าเป็นคนเชิญให้มาร่วมแสดงความเห็น เนื่องจากรู้เรื่องล็อบบี้ยิสต์เป็นอย่างดีทำให้ดูดีไม่ผิดกฎหมายหรือเสียงติฉินนินทาก็เป็นความพยายามทุกอย่างเพื่อที่จะช่วยลูกสาวที่กำลังประสบชะตากรรมทางการเมืองอันเนื่องมาจากความผิดพลาดความจริง “ทักษิณ” ก็มีส่วนของปัญหานั้นด้วยว่าไปแล้วความเป็นไปต่างๆที่เกิดขึ้นนั้นก็เพราะความลุ่มหลงในอำนาจจนไม่สามารถถอยห่างไปได้ทั้งที่รู้ดีว่า “ลูกสาว” นั้นยังไม่มีความสามารถที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีได้แต่ก็พยายามเข็นฝืนธรรมชาติและความเป็นจริงถ้าอยู่เฉยๆนั่งเลี้ยงหลานอยู่บ้านก็คงไม่ต้องทุกข์แบบนี้!"สายล่อฟ้า"คลิกอ่านคอลัมน์ “กล้าได้กล้าเสีย” เพิ่มเติม