วันเสาร์สบายๆ วันนี้ผมอยากชวนคุยเรื่องคุณธรรมความเอื้ออาทรกับเด็กยุคดิจิทัล ปัจจุบันเทคโนโลยีกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน เด็กเติบโตขึ้นมากับหน้าจอสมาร์ทโฟน และโซเชียลมีเดีย สิ่งเหล่านี้ไม่ได้เปลี่ยนแปลงแค่วิธีเรียนรู้และการสื่อสารพูดคุย แต่ยังส่งผลต่อความรู้สึกนึกคิด คุณธรรมและความเอื้ออาทรที่ควรหยั่งรากลึกตั้งแต่เยาว์วัยโลกที่เต็มไปด้วยโซเชียลมีเดียได้เปลี่ยนกลไกการคิดของมนุษย์โดยไม่รู้ตัว สมองส่วนที่คิดชั่วหรือคิดเอาตัวรอดโดยไม่สนถูกผิด มีพละกำลังมากกว่าสมองส่วนที่ใช้คุณธรรมในการตัดสินใจ หลายครั้งที่อารมณ์ชั่ววูบสามารถกลบเสียงของความดีได้ภายในเสี้ยววินาทีอย่างไรก็ตาม คุณธรรมและสำนึกรับผิดชอบสามารถบ่มเพาะสร้างได้ครับในเวทีสัมมนา เครือข่ายผู้รักสัตว์ ครั้งที่ 13 เมื่อปลายเดือน มิ.ย. จัดโดย สมาคมป้องกันการทารุณสัตว์แห่งประเทศไทย (TSPCA) และองค์กรเครือข่าย ได้เชิญ รศ.นพ.สุริยเดว ทรีปาตี ผู้อำนวยการศูนย์คุณธรรม มาบรรยายพิเศษเรื่อง “การสร้างเมตตาธรรม คุณธรรม ผ่านการเลี้ยงสัตว์อย่างรับผิดชอบ และตระหนักถึงสวัสดิภาพสัตว์ ในเยาวชนและสังคม” มีข้อมูลและมุมมองดีๆที่กระตุกให้สังคมได้ฉุกคิด รศ.นพ.สุริยเดวกล่าวว่า เด็กยุคนี้มีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่น้อยกว่าคนรุ่นก่อน ไม่ค่อยใส่ใจความรู้สึกของผู้อื่น ส่วนหนึ่งอาจเกิดจากการที่พ่อแม่ไม่มีทักษะในการอบรมหรือสื่อสารเรื่องอารมณ์กับลูก เมื่อผู้ใหญ่ไม่รับฟังอารมณ์ของเด็ก เด็กก็ไม่เรียนรู้ที่จะรับฟังอารมณ์ของผู้อื่นเช่นกันพ่อแม่สมัยนี้เอาสัตว์มาเลี้ยงเพื่อ แค่เป็นเพื่อนลูกไว้แก้เหงา แต่ไม่ได้สอน สำนึกรับผิดชอบ ในการเลี้ยงสัตว์ ไม่ฝึกให้ลูกดูแลเอาใจใส่อาบน้ำเก็บอึให้หมาแมว ถึงจะมีสัตว์เลี้ยงแต่ก็ขาดความเอื้ออาทร ลูกหลานที่เติบโตในเมืองมีสักกี่คนที่ช่วยทำงานบ้าน หรือนวดคลายปวดเมื่อยให้ปู่ย่าตายายคุณธรรมและสำนึกรับผิดชอบไม่ได้เกิดขึ้นเพราะโลกสวย แต่เกิดการฝึกฝนกระทำเป็นนิสัย มุ่งมั่นเอาชนะอุปสรรคและความคิดด้านมืดคุณหมอสุริยเดวเพิ่งเดินทางไปโยโกฮามา เมืองที่ญี่ปุ่นวางโครงสร้างให้เป็น สมาร์ทซิตี้ ทั้งทันสมัยและสะดวกสบาย แต่สิ่งที่คุณหมอประทับใจยิ่งกว่าความเป็นสมาร์ทซิตี้คือ ผู้คนที่นี่เป็น สมาร์ทซิติเซนประชากรมีวินัยจราจรเข้มมาก เด็ก 4 เดือนมีหมวกกันน็อกใส่แล้ว เป็นหมวกกันน็อกแบบทารก ทั้งยังมีวินัยในการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม การใช้พื้นที่สาธารณะก็เต็มไปด้วยความเกรงใจสังคมส่วนรวมคุณหมอเล่าด้วยว่า มีครั้งหนึ่งได้เห็นคุณตาคุณยายคู่หนึ่งเดินข้ามถนนใหญ่ ซึ่งมีปุ่มกดไฟแดงหยุดรถให้คนเดินข้าม ด้วยความชราทำให้เดินช้าเงอะงะไปได้แค่เกาะกลางถนน ไฟแดงก็เปลี่ยนเป็นไฟเขียวแล้ว ถ้าเป็นเมืองไทยคนขับรถคงบึ่งรถออกไปทันที ทำเป็นมองไม่เห็นทิ้งให้ตายายยืนเคว้งคว้างที่เกาะกลาง แต่ที่โน่นรถทุกคันยังคงจอดนิ่ง รอให้คู่ตายายเดินช้าๆข้ามถนนอย่างปลอดภัยเสียก่อนการเลือกจะออกรถหรือหยุดรอ อยู่ที่การตัดสินใจเพียงเสี้ยววินาที แต่คำตอบของเสี้ยววินาทีนั้นมาจาก การฝึกฝนบ่มเพาะมาทั้งชีวิต จนเป็นนิสัยผมเป็นคนเจนเอ็กซ์ เชื้อสายจีน พ่อแม่พร่ำสอนตั้งแต่เด็กว่าทำการค้าต้อง ซื่อสัตย์ เงินทองหาเมื่อไหร่ก็ได้ แต่เครดิตความน่าเชื่อถือต้องรักษาไว้ ต่างกับเด็กยุคนี้ที่แทบไม่ได้ถูกสอนให้ยึดถือความซื่อสัตย์เป็นหลักนำทางชีวิต ด้วยค่านิยมที่เปลี่ยนไปจึงมุ่งสอนให้ลูกหาเงินเก่งๆ รวยเร็วๆ ทำทุกทางเพื่อเอาตัวรอดได้ในสังคมคนรวยไม่แน่เสมอไปว่าจะมีความเอื้ออาทร คนมีความรู้สูงก็ไม่ได้บ่งชี้ว่ามีคุณธรรมสูง ดัชนีคุณธรรมของสังคมไทยลดต่ำลงทุกปี ถ้าอยากส่งต่อสังคมที่มีคุณธรรมนูญ มีสำนึกรับผิดชอบ ให้ลูกหลานในอนาคต ก็ต้องฝึกสร้างจิตสำนึกให้แก่เด็กรุ่นใหม่ และปรับปรุงตัวเองให้เป็นแบบอย่างที่ดีไปพร้อมๆกัน.ลมกรดคลิกอ่านคอลัมน์ “หมายเหตุประเทศไทย” เพิ่มเติม