นิทานเรื่องที่ 27 ในหนังสือ “เรื่องคมๆ ความหมายชวนคิด” สุริยเทพ ไชยมงคล เขียน สำนักพิมพ์อินสไปร์ เครือนานมี พิมพ์ พ.ศ.2553 ชื่อ “ห้ามออกความเห็นใดๆ” ผมอ่านอีกทีเผลอคิดว่า เรื่องเพิ่งเกิดวันนี้ครั้งหนึ่ง นานมาแล้ว ในประเทศเล็กแห่งหนึ่งแถบตะวันออก กษัตริย์ผู้ชรา ทั้งพระสุขภาพก็อ่อนแอ ไม่นานก็สวรรคต กษัตริย์หนุ่มพระองค์ใหม่ไฟแรง เมื่อขึ้นครองราชสมบัติ ก็ทรงคิดจะแสดงฝีมือให้เป็นที่ปรากฏทรงใช้เวลาหลายวัน เขียนนโยบายปกครองประเทศรูปแบบใหม่ เขียนจบแล้วทบทวน ทรงพอใจในผลงานของพระองค์เองมากได้ฤกษ์งามยามดี ประกาศนโยบายใหม่ ต่อหน้าขุนนางใหญ่น้อยในท้องพระโรง ขุนนางใหญ่ที่ทั้งประเทศนับถือในความสามารถและมากด้วยคุณงามความดี ในยุคของกษัตริย์องค์เก่า ได้ก้าวเท้าออกมาถวายคำกราบทูล “ฝ่าบาท กระหม่อมขอถวายความเห็นสักเล็กน้อย”เขาเริ่มต้นประโยคแรกด้วยความเคยชิน โดยลืมดูพระปฏิกิริยาจากแววตากษัตริย์องค์ใหม่“นโยบายใหม่ มีบางข้อที่จำเป็นต้องแก้ไข ขอเวลาให้พวกกระหม่อมได้ปรึกษาหารืออีกสักเล็กน้อย”มีเสียงวิพากย์วิจารณ์เซ็งแซ่ตามมา ขุนนางใหญ่น้อยส่วนใหญ่เห็นด้วยกับคำกราบทูลของขุนนางผู้ใหญ่ มีเพียงส่วนน้อยที่เห็นดีที่จริง นี่ก็คือบรรยากาศปกติธรรมดาที่ท้องพระโรงแห่งนี้เคยมี แต่ครั้งนี้ผิดคาดกษัตริย์หนุ่มทรงพระพิโรธมาก ออกคำสั่งให้จับขุนนางใหญ่ ผู้ที่ทรงเห็นว่า “บังอาจ” ไปขังคุกทันทีในบรรยากาศอึ้ง ตึงเครียดนั้น ขุนนางใหญ่อีกผู้หนึ่งก็ก้าวออกมาเบื้องหน้าองค์กษัตริย์เขาน้อมหัวลง แล้วกราบทูล “ฝ่าบาท กระหม่อมไม่เห็นด้วยเลย กับความคิดเห็นของขุนนางคนก่อน กระหม่อมมีความเห็น นโยบายใหม่ของพระองค์ดีที่สุด กระหม่อมแทบไม่เชื่อว่า ทรงปราดเปรื่องได้ถึงขนาดนี้”ในขณะที่ขุนนางบางคนโล่งใจ บรรยากาศท้องพระโรงผ่อนคลาย เขาก็คิดผิดถนัด กษัตริย์พระองค์ใหม่ออกคำสั่งสั้นๆให้จับขุนนางผู้เห็นด้วยนั้นขังคุกเป็นคนที่สอง ด้วยเหตุผลที่สภาขุนนางแห่งนั้น ไม่เคยได้ฟัง“นโยบายของข้า ไม่อนุญาตให้ใครออกความเห็นสุ่มสี่สุ่มห้า”เรื่อง (เล่า) คมๆ เรื่องนี้ มีคำอธิบาย “ความหมายชวนคิด” ว่า โดยปกติทุกนโยบายต้องมีทั้งคนเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย การปิดตายไม่ให้แสดงความคิดเห็นเลย เป็นเผด็จการสุดขั้วการยอมรับความคิดเห็นหลากหลาย อาจช่วยให้สถานการณ์แย่ๆดีขึ้นแนวคิดและวิธีปฏิบัติแบบเผด็จการครอบงำสังคมตะวันออกมานาน เป็นภาวะที่ไม่มีใครกล้าพูดกล้าแสดงความคิดเห็นนัก สิ่งที่กั้นขวางสันติภาพไว้คือความไม่รู้ของประชาชน เผด็จการจะนำมาซึ่งความล้าหลังผู้นำเผด็จการมักสร้างสังคมแห่งความเชื่อ โดยพยายามหลีกเลี่ยงการให้ความรู้ประชาชน เพื่อให้ปกครองและชักจูงง่าย ความเชื่อสร้างเผด็จการ ความรู้สร้างประชาธิปไตยสิ่งที่เผด็จการหวาดกลัว ก็คือความรู้และประชาธิปไตย หากแสงสว่างแห่งความรู้ส่องไปถึงประเทศเล็กๆแห่งนั้น ประชาชนที่นั่น ก็พอมีความหวังที่จะพบความผาสุกไพบูลย์ขึ้นบ้างเป็นไง? อ่านเรื่องบ้านเมืองอื่นจบแล้ว ดีใจแทนบ้านเมืองเรา... ชาวบ้านยังออกความเห็นได้สารพัด จะสนับสนุน จะต่อต้าน หรือจะเดินขบวนก็ได้ ไม่มีใครห้ามหากประเทศนี้คือบ้าน ทหารก็เป็นรั้วบ้าน มีคดีข้อพิพาทศาลท่านก็ตัดสินของท่านไปตามหน้าที่น่าดีใจแทนบ้านนี้เมืองนี้...เรามีระบบเลือกตั้งเลือกผู้นำ แต่ก็มีกลไกให้ศาลท่านปลดได้ตามเหตุปัจจัย ไม่ปล่อยให้ใคร? ยืนยงคงค้ำฟ้า...เหมือนท่านผู้นำในนิทานประเทศตะวันออกประเทศนั้น.กิเลน ประลองเชิงคลิกอ่านคอลัมน์ “ชักธงรบ” เพิ่มเติม