เช้าตรู่วันอาทิตย์ที่ 22 มิถุนายน เวลา 02.30 น. (เวลาท้องถิ่นที่อิหร่าน) ตรงกับเวลา 6 โมงเช้าประเทศไทย (เวลาไทยเร็วกว่าอิหร่าน 3.30 ชั่วโมง) เครื่องบินทิ้งระเบิดล่องหน B–2 Spirit ของสหรัฐฯได้ทิ้งระเบิดนำวิถี Bunker Buster GBU–57A/B MOP น้ำหนักลูกละ 30,000 ปอนด์ (13,600 กก.) ถล่ม โรงงานนิวเคลียร์ฟอร์โดว์ (Fordow) ของอิหร่านเป็นเป้าหมายแรก ต่อด้วยโรงงานนิวเคลียร์ นาทานซ์ (Natanz) และ เอสฟาฮาน (Esfahan) ต่อมาเวลาประมาณ 7 โมงเช้าเมืองไทย ประธานาธิบดีทรัมป์ ได้โพสต์ลงในทรูธโซเชียลว่า “เราประสบความสำเร็จอย่างสมบูรณ์ในการโจมตีที่ตั้งนิวเคลียร์ของอิหร่าน 3 แห่ง ฟอร์โดว์ นาทานซ์ เอสฟาฮาน เวลานี้เครื่องบินทั้งหมดได้บินออกนอกน่านฟ้าอิหร่านแล้ว ระเบิดทั้งหมดได้ทิ้งลงที่โรงงานหลักฟอร์โดว์ เครื่องบินทั้งหมดปลอดภัย กำลังบินกลับบ้านแล้ว”หลังจากนั้น ทรัมป์ ได้เปิดแถลงข่าวที่ทำเนียบขาวในเวลา 09.00 น. (เวลาไทย) วันอาทิตย์ 22 มิถุนายน ตรงกับค่ำวันเสาร์ที่สหรัฐฯว่าสหรัฐฯได้โจมตีอิหร่านโดยพุ่งเป้าไปที่ ศูนย์นิวเคลียร์สำคัญ 3 แห่ง คือ ฟอร์โดว์ นาทานซ์ และเอสฟาฮาน ประธานาธิบดีทรัมป์ เปิดเผยด้วยว่า สหรัฐฯและอิสราเอลได้ทำงานร่วมกันเป็นทีมอย่างที่ไม่เคยมีทีมใดเคยทำงานมาก่อน และเตือนอิหร่านว่า ต้องเร่งสร้างสันติภาพ ไม่เช่นนั้นการโจมตีในอนาคตจะยิ่งใหญ่กว่านี้และง่ายดายกว่าเดิมมาก อิหร่านต้องเลือกว่า จะสร้างสันติภาพ หรือโศกนาฏ กรรมที่ใหญ่หลวงสำหรับอิหร่านยิ่งกว่าที่ได้เห็นมาตลอด 8 วันนี้ หากสันติภาพไม่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว เราจะมุ่งเป้าไปที่เป้าหมายอื่นๆ ด้วยความแม่นยำ รวดเร็ว และเชี่ยวชาญ ส่วนใหญ่ไม่กี่นาทีก็จัดการได้แล้วก่อนหน้านี้ 13 มิ.ย. กองทัพอิสราเอลเปิดฉากโจมตีที่ตั้งโครงการนิวเคลียร์และฐานยิงขีปนาวุธอิหร่านครั้งใหญ่ ทำลายระบบป้องกันภัยทางอากาศของอิหร่าน สังหารผู้นำทางทหารและนักวิทยาศาสตร์นิวเคลียร์ชั้นนำไปหลายคน วันนั้น ประธานาธิบดีทรัมป์ แถลงว่า สหรัฐฯไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง และไม่ให้ความช่วยเหลืออิสราเอลในการโจมตีอิหร่าน แต่วันนี้ทรัมป์แถลงที่ทำเนียบขาวว่า สหรัฐฯกับอิสราเอลทำงานเป็นทีม นักการเมืองไม่ว่าชาติไหนก็เชื่อถือไม่ได้ พูดอย่างหนึ่งและทำอีกอย่างเสมอการโจมตีอิหร่านครั้งนี้ สหรัฐฯได้ใช้เครื่องบินทิ้งระเบิดล่องหน B–2 Spirit Bomber ซึ่งบรรทุกระเบิด Bunker Buster GBU–57A/B MOP ได้ 2 ลูก แต่ละลูกมีน้ำหนัก 30,000 ปอนด์ (13,600 กก.) สามารถเจาะทะลุภูเขาได้ลึกลงไปถึง 200 ฟุต หรือ 61 เมตร แล้วค่อยระเบิด โดยมีระบบนำวิถีที่แม่นยำ เป้าหมายเพื่อถล่มโรงงานนิวเคลียร์ฟอร์โดว์โดยเฉพาะ เพราะ โรงงานนิวเคลียร์ฟอร์โดว์ตั้งอยู่ลึกลงไปใต้ภูเขา 80–90 เมตร ซึ่งก่อนหน้านี้กองทัพอิสราเอลเปิดเผยว่า มีสหรัฐฯประเทศเดียวที่มีระเบิดที่โจมตีความลึกขนาดนั้นได้การโจมตีโรงงานนิวเคลียร์อิหร่านด้วย เครื่องบินทิ้งระเบิดล่องหน B–2 และ ระเบิด Bunker Buster ของสหรัฐฯครั้งนี้ ประธานาธิบดีทรัมป์ได้ส่งเครื่องบินทิ้งระเบิด B–2 บินตรงจาก รัฐมิสซูรีไปทิ้งระเบิดอิหร่านโดยตรง ระยะทางจากรัฐมิสซูรีไปอิหร่านไปกลับ 22,000 กว่า กม. ถ้าทำลายโรงงานนิวเคลียร์ฟอร์โดว์ไม่ได้ สหรัฐฯและทรัมป์จะเสียหน้ามากที่สุดการตัดสินใจตีอิหร่านของสหรัฐฯครั้งนี้ ถือได้ว่า ประธานาธิบดีทรัมป์ได้นำสหรัฐฯกระโจนเข้าสู่สงครามในตะวันออกกลางเต็มตัวแล้ว ถอนตัวไม่ได้แล้ว นายอันโตนิโอ กูเตร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ ชี้ว่า เป็นการยกระดับความรุนแรงที่อันตราย มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น ที่ความขัดแย้งนี้อาจลุกลามเกินการควบคุม ซึ่งจะส่งผลร้ายต่อพลเรือนในระดับภูมิภาคและระดับโลก ก็ต้องจับตาดู จีน รัสเซีย สองพี่เบิ้มพันธมิตรอิหร่านจะมีท่าทีอย่างไร “สงครามโลกครั้งที่ 3” ที่มีผู้ทำนายไว้ อาจกลายเป็นจริงก็ได้ ถ้าการตัดสินใจของ ผู้นำสหรัฐฯ และ อิสราเอล เกิดบานปลายขึ้นวันใดวันหนึ่งจนควบคุมไม่ได้ น่ากลัวนะครับ.“ลม เปลี่ยนทิศ”คลิกอ่านคอลัมน์ “หมายเหตุประเทศไทย” เพิ่มเติม