“ลำไย” ศัพท์ที่ 11 ในนิพิทนัย ศัพท์อักษร (สถาพรบุ๊คส์ พิมพ์ ม.ค.2568) อาจารย์ปรัชญา ปานเกตุ ให้ความรู้ลึกเร้น ตามสไตล์ แล้วก็จบแบบนึกไม่ถึง...ลำไย ไม่ใช่ลำไยไปเสียแล้ว“ลำไย” เป็นไม้นอก ผลกลมออกเป็นพวง เปลือกสีน้ำตาลเหลือง เมล็ดกลมดำเป็นมัน เนื้อผลมีรสหวานจัดนักพฤกษศาสตร์ว่ามีถิ่นกำเนิดในประเทศจีนตอนใต้ แถบมณฑลฮกเกี้ยน กวางตุ้ง เสฉวน และไหหลำ ต่อมาจึงแพร่ขยายไปทั่วเอเชียใต้ และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้สันนิษฐานว่า “ลำไย” เป็นคำยืมภาษาจีนว่า “หลงเหยี่ยน” แปลว่านัยน์ตามังกรในประเทศไทยมีลำไยป่าอยู่ทั่วไป ดังตัวอย่างใน “กาพย์ห่อโคลงประพาสธารทองแดง”...เดินเพลินชมร่มไม้ ไทรไตร สดับศัพท์เรไรไพร แว่วแจ้ว ระกำลำไยไพร เลือนเถื่อน มังมุดลมุดแต้วแก้ว กุ่มกถุ้มทรม่วงมะงวงบางศัพท์แสงในโคลงโบราณอ่านก็ยาก เข้าใจก็ยากอาจารย์ปรัชญาจึงหาคำกลอน ในพระอภัยมณี ตอนศรีสุวรรณ ให้นรินทร์รัตน์ไปครองเมืองรัตนา...อ่านง่าย เข้าใจทันที...ขนุนขนัน พลันผลโอชารส ล้วนของสดเก็บมาได้ในไพรศรี มะปริงปรางทรางสะท้อนเงาะล่อนดี ผลลิ้นจี่ลำไยมีหลายพันธุ์มีลำไยหลายพันธุ์ในป่าแล้ว ก็ยังมีลำไยบ้าน...ปาจิตกุมารกลอนอ่าน...เป็นทุกกกดกสะพรั่งกำลังห้าว บ้างหล่นพราวลงมากราดดาดสถาน โอ้เสียดายแต่ลำไยกลางนอกชาน ช่างเย็นหวานดกชอุ่มเป็นพุ่มพวงแล้วจึงแพร่หลายกลายเป็นขนัดสวนชวนลงทุนทำกิน บนผืนแผ่นดินล้านนาประเทศเขตภาคเหนือ เพราะลมฟ้าอากาศเอื้ออำนวยให้หน่วยผลดกงามที่นิยมว่ากินอร่อย กินดี มี 5 สายพันธุ์ ได้แก่ ลำไยกะโหลก ลำไยกระดูก ลำไยธรรมดา (เพิ่งรู้ว่ามี) ลำไยสายน้ำผึ้ง และลำไยเถา หรือลำไยเครือทั้งหมดที่ผมคัดลอกมาบอกต่อ...เป็นเรื่องของผลลำไยหลายๆ พันธุ์ที่ให้รสชาติแตกต่าง แล้วก็มาถึงบทสรุปจบเรื่อง ค่อยๆแขม่วท้องอ่าน อาจารย์ปรัชญาจะปล่อยมุก...เม็ดไหน?อาจารย์ปรัชญาบอกว่าไม่น่าเชื่อว่าลำไย จะกลายเป็นสแลงไปได้ผลสำรวจร่วมกันของกระทรวงวัฒนธรรม กับสวนดุสิตโพล เมื่อปี 2560 พบว่า “ลำไย” เป็น 1 ในคำยอดฮิตของวัยรุ่นยุคนั้น นอกเหนือจาก “ตะมุตะมิ-นก-โดนเท-จุงเบย-สายเปย์” มีความหมายว่า “รำคาญ”นับเป็นปรากฏการณ์ทางภาษาที่น่าสนใจ เพราะใช้ “คำ (เกือบ) พ้องเสียง” เป็นสื่อนำความรู้สึก“ลำ(ไย)” กับ “รำ(คาญ)”ว่ากันว่าถ้ารำคาญระดับปกติใช้ “ลำ” ถ้ามากกว่าปกติอีกระดับใช้ “ลำไย”ถ้ารำคาญมากถึงขีดสุด เช่น รำคาญบทบาทการแสดงแสร้งป่วยปางตาย เพื่อให้ได้พักโทษโกงชาติของชายแก่แต่แรงดี ผู้มากบารมีเหนือเซลส์ขายบ้านจัดสรร ร่างสูงใหญ่ คนนั้นใช้ว่า “ลำไย รำคาญ สะลิงกิงกอง สะมะล่องกองแก่ง มะล่องมะแล่งมับ มะล่องป้องแป๋ง ฯลฯ” ก็มี!จบข้อเขียนนี้ อาจารย์ปรัชญาบันทึกทิ้งท้าย เผยแพร่ (ทางสื่อโซเชียล) เมื่อวันเสาร์ที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2567 จึงพอเดาได้ช่วงเวลานั้น อาจารย์ตั้งใจเขียนถึงบทบาทคนป่วยปางตายของชายแก่คนหนึ่ง?ผมพยายามสมมติตัวเองเป็นชายแก่คนนั้น ถ้าได้ยินว่ามีปฏิกิริยาออกมาเป็นศัพท์สแลง...มากมายขนาดนั้น...ผมคงไม่เหิมเกริม เปลี่ยนบท เป็นคนแก่ฟิตปั๋ง เตะปี๊บได้หลายปัง ระดับกระบี่ไร้เทียมทานจนนำมาซึ่งความหมั่นไส้...ของคนทั่วบ้านทั่วเมืองและแน่ล่ะ มีหลายคนบอก เพราะความหมั่นไส้ มีผลให้ติดกับผลกรรมที่ตัวเองทำไว้ในวันนี้.กิเลน ประลองเชิงคลิกอ่านคอลัมน์ “ชักธงรบ” เพิ่มเติม