“ณัฐพงษ์” ส่งญัตติซักฟอกฉบับแก้ไขถึงมือ “วันนอร์” ตัดทิ้งชื่อ “ทักษิณ” ใช้ “บุคคลในครอบครัว” แทน ปชน.ฉายหนัง ตัวอย่าง “เปิดทุกดีลลับ คิดบัญชีทุกความสูญเสีย เปิดทุกแผลที่ถูกหมกเม็ด” เชือดผู้นำ เงินดิจิทัลฯกลายพันธุ์-ศก.โตต่ำเตี้ย-ยื้อแก้ รธน. “ชูศักดิ์” โยน “วันนอร์” ชี้ขาดบรรจุวาระ “ทักษิณ” ไร้ปัญหาพาดพิง “สทร.” งัดมุกตบจูบภูมิใจไทยรสชาติดี “อนุทิน” แย้มมื้อดินเนอร์มีแค่หัวหน้าพรรค ปัดคุย “นายใหญ่” ปมฮั้ว สว. ปชน.รุมซัดรัฐบาลเตะถ่วงแก้ รธน. “พริษฐ์” ชี้อุปสรรคอยู่ที่นายกฯ พท.ขออยู่กับโลกความจริง “ชูศักดิ์” หวังศาล รธน.รับวินิจฉัยปมประชามติ “พี่โทนี่” พบเสื้อแดงเหนือตอนล่าง คิดดังๆซื้อหนี้ประชาชนตั้งต้นชีวิตใหม่ ฉะพรรคร่วม “พ่อมหาจำเริญ” ใช้งบฯอืดอาด ซัดแบงก์ชาติขวางแจกเงินดิจิทัลนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ผู้นำฝ่ายค้าน หัวหน้าพรรคประชาชน ส่งญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีฉบับแก้ไข คืนให้นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ยอมตัดชื่อนายทักษิณ ชินวัตร และคำว่า “ผู้เป็นบิดา” ออก เปลี่ยนมาใช้คำว่า “บุคคลในครอบครัว” แทน หวังอภิปรายได้ทันวันที่ 24 มี.ค.นี้ปชน.ใช้ “บุคคลในครอบครัว” แทนเมื่อเวลา 12.49 น. วันที่ 17 มี.ค. ทีมประชาสัมพันธ์พรรคประชาชน (ปชน.) แจ้งผ่านไลน์กลุ่มผู้สื่อข่าวระบุว่านายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ผู้นำฝ่ายค้าน หัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) ยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจฉบับที่มีการแก้ไขต่อประธานสภาผู้แทน ราษฎรแล้ว เมื่อเช้าวันนี้ (17 มี.ค.) โดยขีดฆ่าชื่อนายทักษิณ ชินวัตร และคำว่า “ผู้เป็นบิดา” ออก เปลี่ยนมาใช้คำว่า “บุคคลในครอบครัว” แทน เชื่อว่าประธานสภาฯจะบรรจุญัตติดังกล่าวเข้าสู่วาระโดยไม่มีปัญหาใดๆ และสามารถเปิดอภิปรายได้ในวันที่ 24 มี.ค.นี้ ตามข้อเสนอของฝ่ายรัฐบาลฉายหนังตัวอย่างเชือดนายกฯต่อมาเวลา 13.00 น. เพจเฟซบุ๊กพรรคประชาชน โพสต์ข้อความระบุถึงการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจว่า “ดีลแลกประเทศ” “เมื่อช้างสารชนกันหญ้าแพรกก็แหลกลาญ เมื่อช้างสารดีลกันประชาชนก็แหลกลาญ 18 เดือน ภายใต้รัฐบาลที่ดีลกันบนผลประโยชน์ของชนชั้นนำ เหยียบย่ำเสียงประชาชน คนไทยต้องสูญเสียไปเท่าไหร่ ให้คนบางคนได้กลับบ้าน ประเทศเสียหายไปแค่ไหนเพื่อให้ “แพทองธาร ชินวัตร” ได้เป็นนายกรัฐมนตรี ดิจิทัลวอลเล็ตกลายพันธุ์จนจำรูปร่างเดิมไม่ได้ แจกจ่ายไม่ทั่วถึง เศรษฐกิจโตต่ำรั้งท้ายอาเซียน คนไทยตกงานนับแสน ค่าครองชีพสูง ค่าแรงไม่ขึ้นตามสัญญา กองทัพกลายเป็น “เขตทหาร ห้ามเข้า” รัฐบาลพลเรือนแตะต้องไม่ได้ ปฏิรูปกองทัพเป็นเพียงลมปาก แก้รัฐธรรมนูญไร้ความคืบหน้า นักโทษการเมืองติดคุกไม่ได้ประกัน ประเทศไทยถูกประณามเป็นที่อับอายในเวทีโลก ขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนร่วมติดตามการอภิปรายไม่ไว้วางใจของพรรค ปชน. เปิดทุกดีลลับ คิดบัญชีทุกความสูญเสีย เปิดทุกแผลที่ถูกหมกเม็ด ของแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี 24 มี.ค.นี้ เป็นต้นไป”“กัณวีร์” โวยให้เวลา 23 ชม.ไม่พอนายกัณวีร์ สืบแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม กล่าวถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่รัฐบาลยืนยันให้เวลาฝ่ายค้าน 23 ชั่วโมงว่า 23 ชั่วโมงไม่พอ เราไม่สามารถใช้เวลาได้อย่างเต็มที่ หากให้เวลามากกว่านี้จะเป็นสิ่งที่ดีตามระบอบประชาธิปไตย เมื่อมีการซักฟอกสามารถเอาหลักฐานออกมาได้ และฝ่ายรัฐบาลจะมีโอกาสได้ชี้แจงให้ประชาชนทราบ เห็นว่า 30 ชั่วโมงน่าจะดีที่สุด เมื่อถามว่าข้อมูลที่มีจะสาวถึง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ เชื่อมโยงไปถึงนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ หรือไม่ นายกัณวีร์ตอบว่า ต้องถึงทุกคน เมื่อถามย้ำว่า กังวลเรื่องประท้วงหรือไม่ นายกัณวีร์ตอบว่า แม้เป็นมือใหม่ป้ายแดงแต่ไม่กังวล เราอภิปรายด้วยหลักการและเหตุผล พร้อมหลักฐาน สามารถต่อยอดไปได้ ยิ่งประท้วงจะยิ่งต่อยอดยืนยันพรรคเป็นธรรมไม่มีงูเห่าผู้สื่อข่าวถามถึงกรณี ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม ระบุว่าฝ่ายค้านมีงูเห่า 10 คน ที่เตรียมลงมติไว้วางใจให้นายกฯ นายกัณวีร์ตอบว่า ในนั้นคงไม่ใช่พรรคเป็นธรรม ตั้งแต่วันแรกที่เข้าร่วมไม่ว่าเป็นรัฐบาลหรือฝ่ายค้าน เราไม่เคยไปไหน เราชัดเจนในจุดยืน ยืนยันไม่ใช่พรรคเป็นธรรมแน่ และไม่กังวลว่าจะมีงูเห่าจากฝ่ายค้านถึง 10 คน เชื่อมั่นในการบริหารงานภายในของพรรคร่วมฝ่ายค้าน และข้อมูลที่เรามีค่อนข้างแน่นพอสมควร ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการต่างประเทศ สิทธิมนุษยชน ปัญหาชายแดนทั้งหมด รวมถึงแก๊งคอลเซ็นเตอร์และค้ามนุษย์ มีข้อมูลชัดเจน อยากให้ข้อมูลในวันพรุ่งนี้ด้วยซ้ำไปให้ “วันนอร์” ชี้ขาดเข้าข่ายคนนอกนายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายก รัฐมนตรี รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกรณีพรรคฝ่ายค้านแก้ไขญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ โดยถอดชื่อนายทักษิณ ชินวัตร ออก และใช้คำว่า “บุคคลในครอบครัว” แทนว่า อยู่ที่ดุลพินิจประธานสภาฯ แม้ไปแก้ไขแล้วก็ยังเป็นดุลพินิจของประธานสภาฯว่าจะเป็นอย่างไรหากบรรจุแล้วก็จบ เราไม่ใช่ผู้ตัดสิน เราไม่มีปัญหาอะไร เมื่อบรรจุแล้วก็อภิปรายกันไป เราไม่ได้มีข้อท้วงติงอะไร ท้ายที่สุดแล้วถ้ามีปัญหาเช่นนี้ก็อย่างที่เคยเตือนแม้จะบรรจุวาระ แต่ในการอภิปรายจะเกิดประเด็นอีกว่ามีการกล่าวถึงบุคคลภายนอกโดยไม่จำ ตามข้อบังคับจะส่งผลให้เกิดการประท้วงกันอีก แต่ข้อดีคือเมื่อประธานสภาฯบรรจุคงคิดว่าเรื่องนี้พออนุโลมกันได้ พูดกันได้ ไม่มีปัญหาอะไร“วิสุทธิ์” โอดถอยกว่านี้ตกเจ้าพระยานายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ประธานวิปรัฐบาล กล่าวว่า ฝ่ายรัฐบาลพยายามถอยให้หลายอย่างถอยไปไกลแล้ว เราให้เวลาฝ่ายค้าน 23 ชั่วโมง ฝ่ายรัฐบาลขอแค่ 7 ชั่วโมงถือว่าน้อยมาก ไม่ใช่ไปจำกัดอะไรฝ่ายค้าน หากทุกคนรู้จักถอยกันบ้างไม่ใช่เอาแต่ตัวเองได้หมดก็คุยกันรู้เรื่อง เมื่อถามย้ำว่าไม่ถอยไปมากกว่านี้แล้ว นายวิสุทธิ์ตอบว่า ถอยไม่ได้แล้ว ถอยไปมากกว่านี้ก็ตกแม่น้ำเจ้าพระยา“ทักษิณ” ไร้ปัญหาพาดพิงคน “สทร.”ที่มหาวิทยาลัยพิษณุโลก จ.พิษณุโลก นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ข้อบังคับการประชุมเปิดให้นายกฯหรือรัฐมนตรี สามารถนำคนนอกเข้าไปชี้แจงในการอภิปรายไม่ไว้วางใจได้ นายทักษิณย้อนถามว่า เหมาะสมหรือเปล่า กลัวมันไม่เหมาะ ส่วนตัวสบายๆ ไม่เดือดร้อนอะไร และคงไม่ต้องตั้งวอร์รูม เพราะวอร์รูมอยู่ติดตัว ไปที่ไหนก็วอร์รูมที่นั่น เมื่อถามว่าหากถูกอภิปรายพาดพิงจะฟ้องหรือไม่ นายทักษิณตอบว่า ต้องดูเหตุการณ์ก่อน บางทีขอกันกินเล็กๆน้อยๆ ก็ปล่อยเขาเถอะ อย่าไปคิดอะไรมากมาย ส่วนกรณีที่ประธานสภาผู้แทนราษฎรอนุญาตให้ฝ่ายค้านใช้คำว่า สทร. แทนชื่อนายทักษิณได้ นายทักษิณตอบว่า “ไม่เป็นไร ในความรู้สึกของคนไม่ชอบผม เขาก็เอาคำพูดที่ผมพูดไว้ว่า สทร.เสือกทุกเรื่อง แต่คนที่เขาชอบผม เขาก็แปลว่าสุดที่รัก สทร.สุดที่รักก็โอเค มีทั้ง 2 ทาง ไม่มีปัญหา”“หนู” เผย “อิ๊งค์” นัดแค่หัวหน้าพรรคนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ให้สัมภาษณ์ถึงการนัดทานข้าวพรรคร่วมรัฐบาลวันที่ 21 มี.ค. หารือเรื่องการอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี ว่านายกฯพูดเมื่อ 2-3 สัปดาห์ที่แล้วว่า ก่อนการอภิปรายไม่ไว้วางใจขอเจอกันอีกรอบหนึ่ง เป็นการนัดวงเล็กเจอเฉพาะหัวหน้าพรรค ไม่มีเลขาธิการพรรค แต่ไม่แน่ใจว่ามีอะไรเปลี่ยนแปลงหรือไม่ ยังไม่ทราบรายละเอียด เมื่อถามว่าจะมีการพูดคุยเรื่องเสียงพรรคภูมิใจไทยจะเทให้นายกฯทั้งหมดใช่หรือไม่ นายอนุทินตอบว่า อย่าถามนำ เรามีกติกาของพรรคร่วมรัฐบาลอยู่แล้ว เมื่อถามว่าที่นายกฯนัดดินเนอร์ก่อนอภิปรายไม่ไว้วางใจ เพราะกังวลอะไรหรือไม่ นายอนุทินตอบว่าไม่ นัดกันมาก่อนแล้ว ตอนนั้นยังไม่รู้ว่าจะอภิปรายใครบ้าง คงนัดเตรียมข้อมูล“ภูมิธรรม” ชี้ไม่จำเป็นต้องย้ำเสียงนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม แกนนำพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีนายกฯนัดดินเนอร์พรรคร่วมรัฐบาลวันที่ 21 มี.ค.ว่า จะมีเฉพาะหัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรคเข้าร่วมหรือไม่ กำลังดูรายละเอียด เดิมคิดไว้ว่าจะเป็นวันที่ 18 มี.ค. ต้องรอให้นายสรวงศ์ เทียนทอง รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา เลขาธิการพรรคเพื่อไทยชี้แจง ผู้สื่อข่าวถามว่าการดินเนอร์ครั้งนี้เป็นการย้ำเสียงพรรคร่วมรัฐบาลก่อนการอภิปรายไม่ไว้วางใจหรือไม่ นายภูมิธรรมตอบว่า มีเรื่องคุยกันเป็นประจำ ไม่ได้ย้ำเสียงอะไร“อนุทิน” ปัดคุย “นายใหญ่” ปมฮั้ว สว.ผู้สื่อข่าวถามว่า นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ระบุว่า ได้พูดคุยกับนายเนวิน ชิดชอบ แกนนำพรรคภูมิใจไทย และนายอนุทิน ที่บ้านจันทร์ส่องหล้า หลังกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) รับคดีฮั้วเลือก สว. นายอนุทินตอบว่าไม่มี หรือช่วงนั้นอาจลุกไปไหนก็ได้ เมื่อถามว่าถูกมองว่านายทักษิณชิงเหลี่ยมกับภูมิใจไทยตลอดเวลา นายอนุทินส่ายหน้าก่อนตอบว่า ไม่ได้มองอะไรทั้งนั้น ช่วงนี้โฟกัสเรื่องอภิปรายไม่ไว้วางใจ เมื่อถามย้ำว่ากลุ่ม สว.สีน้ำเงินโต้คืนด้วยการยื่นเอาผิดประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ต่อคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) ส่งผลให้การทำงานในรัฐบาลไม่ราบรื่นหรือไม่ นายอนุทินย้อนถามว่าตนเกี่ยวอะไรกับ สว. ถ้าทำอะไรถูกต้องก็ไม่มีปัญหา ทำอะไรไม่ถูกต้องก็โดนหมด ส่วนกรณีดีเอสไอดำเนินคดีกับ สว. ไม่เกี่ยวกับตนและพรรค ภท.ปัด พท.–ภท.งัดข้อมีตบจูบรสชาติดีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ กล่าวถึงกรณี 81 สว.ยื่นเรื่องให้กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) กับพวกรวม 11 คน ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 จากกรณีรับคดีฮั้ว สว. ฐานฟอกเงินเป็นคดีพิเศษว่า เป็นไปตามสิทธิ ใครมีสิทธิฟ้องก็ฟ้อง ใครมีหน้าที่ ทำงานก็ทำงานไป ไม่เป็นไร เมื่อถามว่าในคณะกรรมการ กคพ. มีรัฐมนตรีถึง 2 คน คือนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม จะกระทบถึงรัฐบาลหรือไม่ นายทักษิณตอบว่า ไม่มีอะไรกระทบ ทุกอย่างถ้าเขาตัดสินใจทำตามหน้าที่ ถ้าสิ่งนั้นเป็นสิ่งที่ถูกต้องก็ไม่ต้องกังวล เชื่อว่ากระบวนการยุติธรรมต้องเดินต่อไป เมื่อถามว่าถูกมองเป็นเกมการเมืองที่งัดกันของภูมิใจไทยกับเพื่อไทย นายทักษิณย้อนว่า เกมการเมืองอะไร คุยกันทุกวัน เรื่องกฎหมายก็ว่าไป เรื่องการเมืองก็คุยกันไป เมื่อถามว่าสังคมมองว่าเพื่อไทยกับภูมิใจไทยอยู่กันแบบตบจูบตลอด นายทักษิณตอบว่า “ก็ไม่เป็นไร มันก็ออกรสชาติดีนะ มีรสชาติดี”ปชน.รุมซัดรัฐบาลเตะถ่วงแก้ รธน.ที่รัฐสภาเมื่อเวลา 12.00 น. นายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา รองประธานรัฐสภา ทำหน้าที่ประธานการประชุมรัฐสภา เพื่อพิจารณาญัตติ 2 ญัตติ ของ นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ สว. และนายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ที่ขอให้รัฐสภามีมติขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับหน้าที่และอำนาจของรัฐสภา ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 210 เกี่ยวกับการจัดตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) มายกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยที่ยังไม่ได้ทำประชามติสอบถามความเห็นประชาชนก่อน จะทำได้หรือไม่ ที่ประชุมอภิปรายแสดงความเห็นหลากหลาย สส.พรรคประชาชน และ สว.กลุ่มพันธุ์ใหม่ ต่างอภิปรายคัดค้านการส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ เพราะมองว่าไม่มีกฎหมายบังคับไว้ และรัฐบาลมีเจตนาเตะถ่วงการแก้รัฐธรรมนูญ ขณะที่สส.พรรคเพื่อไทย สส.พรรคร่วมรัฐบาล และสว.สีน้ำเงิน ต่างอภิปรายสนับสนุนให้ส่งตีความอุปสรรคแก้รัฐธรรมนูญอยู่ที่นายกฯนายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน กล่าวว่า ไม่จำเป็นต้องส่งญัตติให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความการทำประชามติก่อนเสนอญัตติแก้รัฐธรรมนูญ วาระแรก คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ผ่านมาไม่เคยระบุให้ทำประชามติ 3 ครั้ง อุปสรรคไม่ได้อยู่ที่กฎหมาย ถ้าศาลรัฐธรรมนูญไม่มีคำตอบชัดเจนกลับมาก็ไม่มีอะไรรับประกันว่า สว.และ สส.พรรคร่วมรัฐบาลจะร่วมแก้รัฐธรรมนูญ อุปสรรคอยู่ที่เจตจำนงของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯทางออกอยู่ที่ทำเนียบรัฐบาล นายกฯต้องแสดงภาวะผู้นำ โน้มน้าวพรรคร่วมรัฐบาลให้สนับสนุนการแก้รัฐธรรมนูญ ต้องแสดงความจริงใจเป็นเจ้าภาพผลักดันแก้รัฐธรรมนูญที่เป็นนโยบายเรือธงของรัฐบาลให้สำเร็จวิกลจริตทำซ้ำๆ แต่หวังผลต่างนายเทวฤทธิ์ มณีฉาย สว.กลุ่มพันธุ์ใหม่ อภิปรายว่า ไม่เห็นด้วยกับการส่งญัตติให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ แต่ไม่ขัดขวาง สภาฯแห่งนี้เป็นสภาย้ำคิดย้ำทำ จะทำอะไรต้องถามศาลรัฐธรรมนูญ เสียหลักการแบ่งแยกอำนาจ มีความพยายามเตะถ่วงจากบางกลุ่ม เพราะไม่ต้องการมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ระหว่างรอศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย อยากให้รัฐบาลพิสูจน์คำพูด น.ส.แพทองธารที่แถลงนโยบายเร่งจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน แต่ผ่านมา 6 เดือน ไม่เห็นการเร่งรัดใดๆน.ส.นันทนา นันทวโรภาส สว.กลุ่มพันธุ์ใหม่ กล่าวว่า รัฐสภาเคยส่งศาลรัฐธรรมนูญตีความเรื่องการทำประชามติ แต่ศาลรัฐธรรมนูญไม่รับคำร้องอ้างว่าการบรรจุวาระประชุมรัฐสภาพิจารณาร่างแก้ไข รัฐธรรมนูญ เป็นหน้าที่และอำนาจของประธานรัฐสภา แสดงว่าศาลรัฐธรรมนูญมอบอำนาจให้รัฐสภาแก้รัฐธรรมนูญ จะต้องไปถามใหม่อีกทำไม คำพูด “ไอสไตน์” บอกว่ามีแต่คนวิกลจริตเท่านั้น ที่ทำสิ่งซ้ำๆ แต่หวังผลแตกต่าง ตีความได้ว่าต้องการยื้อแก้รัฐธรรมนูญหรือไม่ การที่ฝ่ายนิติบัญญัติต้องถามศาลรัฐธรรมนูญทุกเรื่อง การคานอำนาจ 3 เสายังใช้ในประเทศไทยได้หรือไม่ ควรยืนยันอำนาจฝ่ายนิติบัญญัติที่หนักแน่นชัดเจน หวังว่าจะเป็นครั้งสุดท้ายที่จะเอารัฐธรรมนูญเป็นตัวประกันมาเล่นเกมแพ้ชนะพท.แยกโลกความจริง–อุดมการณ์นายสุทิน คลังแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เชื่อว่าการยื่นศาลรัฐธรรมนูญตีความใช้เวลาไม่เกิน 1 เดือน ถ้าไม่ตีความให้ชัดเจนจะเจอวังวนเดิม พรรคเพื่อไทยไม่มีเจตนาเตะถ่วง ต้องการผ่าทางตันให้ชัดเจน ในสภามีทั้งคนอยู่ในโลกอุดมการณ์ และโลกแห่งความจริง ในโลกแห่งความจริงประเทศไทยมีศาลรัฐธรรมนูญ ฝืนได้หรือไม่ โลกแห่งอุดมการณ์ศาลรัฐธรรมนูญไม่ควรมายุบพรรค หรือให้นายกฯพ้นตำแหน่ง แต่โลกความจริงยุบมาแล้วกี่พรรค ให้นายกฯพ้นตำแหน่งไปแล้วกี่คน จะอยู่ในโลกอุดมการณ์หรือโลกความจริง การยื่นตีความให้เกิดความชัดเจนจะได้เปิดตาเดิน เป็นวิธีแก้รัฐธรรมนูญถูกต้องที่สุด หลายคนชอบอ้างไอสไตน์ ถ้าไอสไตน์ยังอยู่ จะถามว่าทำวิธีการเดิมๆ แต่บริบทใหม่ อาจได้คำตอบใหม่ แล้วรู้ได้อย่างไรจะได้คำตอบเดิมถ้าไม่ยื่นตีความ วันนี้ถ้าไอสไตน์ฟื้นขึ้นมา อาจต้องคิดใหม่สนับสนุนให้ส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยรัฐสภาฉลุยส่งให้ศาล รธน.ตีความต่อมาเวลา 16.45 น. นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน อภิปรายว่าที่ถกเถียงกันอยู่นี้เป็นเหตุผลการเมืองที่เอาข้อกฎหมายมาบังหน้า เอาต้นทุนตัวเองเป็นตัวตั้งมากกว่าต้นทุนประเทศ เชื่อว่าหากส่งไปศาลรัฐธรรมนูญคงไม่รับวินิจฉัย เพราะไม่ใช่ปัญหาความขัดแย้งข้อกฎหมาย ปัญหาข้อกฎหมายจะเกิดขึ้นกรณีเดียวคือรัฐสภามีการลงมติแล้ว จึงจะเกิดปัญหา หากต้องส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย จะทำให้กระบวนการแก้รัฐธรรมนูญมาตรา 256 ไม่ทันในสมัยประชุมนี้ ไม่ได้รัฐธรรมนูญใหม่ทันเลือกตั้งสมัยหน้า ต้นทุนประเทศต้องเสียไป กระทั่งเวลา 17.40 น. หลังปล่อยให้อภิปรายมานานกว่า 5 ชั่วโมง ที่ประชุมลงมติ 304 ต่อ 150 งดออกเสียง 124 ไม่ลงคะแนน 1 ให้ส่งญัตติไปให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย“ชูศักดิ์” หวังศาล รธน.รับวินิจฉัยนายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า หากที่ประชุมรัฐสภามีมติให้ส่งศาลรัฐธรรมนูญ เราหวังว่าศาลรัฐธรรมนูญจะรับวินิจฉัย เพราะครั้งนี้ประธานรัฐสภาบรรจุในระเบียบวาระแล้ว ความขัดแย้งก็เกิดขึ้น เหมือนช่วงประชุมรัฐสภาเมื่อกลางเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา ฝ่ายหนึ่งบอกพิจารณาไม่ได้ ขณะที่อีกฝ่ายวอล์กเอาต์ เป็นเช่นนี้เชื่อว่าจะรับไว้วินิจฉัย ปัญหาจะได้สะเด็ดน้ำเดินหน้าต่อไปได้ ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาอย่างไรก็ว่าไปตามนั้น แต่หากไม่รับวินิจฉัยก็ต้องกลับเข้าสู่วังวนเดิม ความเห็นแบ่งเป็นสองทางเดินต่อไปยาก เผลอๆอาจต้องตัดสินใจทำประชามติ 3 ครั้ง หวังว่าศาลรัฐธรรมนูญจะรับวินิจฉัยเพื่อทางออกประเทศ เมื่อถามว่าหากมองในแง่บวกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้ทำประชามติ 2 ครั้ง การแก้ไขรัฐธรรมนูญจะเสร็จในรัฐบาลนี้หรือไม่ นายชูศักดิ์ตอบว่า อาจเสร็จทันแบบปริ่มๆ แต่ตั้ง ส.ส.ร.ได้แน่นอน“ภูมิธรรม” บอกคนอื่นไม่ต้องแจ๋นอีกเรื่อง นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีสภายุโรปมีมติประณามประเทศไทยกรณีส่งชาวอุยกูร์กลับประเทศจีน จนเป็นเหตุให้สหรัฐอเมริกาจำกัดวีซ่าเจ้าหน้าที่ไทยที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ว่า เรื่องนี้กระทรวงการต่างประเทศ (กต.) ชี้แจงแล้ว เป็นไปตามนั้น ยังไม่มีอะไรส่งผลกระทบต่อประเทศไทย ผู้สื่อข่าวถามว่าจะส่งผลกระทบกับการเดินทางไปร่วมประชุมที่สหรัฐฯ หรือไม่ นายภูมิธรรมตอบว่า ขณะนี้ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น ส่วนผลกระทบทางด้านเศรษฐกิจอย่าเพิ่งไปคิด กต.ชี้แจงทุกอย่างชัดเจนแล้ว ขอให้ยึดสาระที่ กต.ชี้แจง คิดว่าเหตุผลตรงนั้นเพียงพอ คนอื่นไม่ควรแสดงความเห็น“โทนี่” ลั่นข้อมูลสหรัฐฯ ไม่อัปเดตนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ กล่าวว่ากรณีสหรัฐอเมริกาจ่องดออกวีซ่าเจ้าหน้าที่ไทย ตอบโต้ผู้เกี่ยวข้องส่งชาวอุยกูร์กลับจีนว่า เรื่องนี้เกิดจากสหรัฐฯไม่มีข้อมูลที่อัปเดต แต่ต้องยอมรับจุดยืนของสหรัฐฯในการรักษาสิทธิมนุษยชน วันนี้เราอธิบายให้เขาฟังเยอะแล้ว คนเหล่านี้ถูกละเมิดสิทธิมากว่า 10 ปี ไม่มีใครอยากเห็นเขาถูกขังต่อ และไม่มีประเทศใดขอรับตัวไป แม้แต่สหรัฐฯและยุโรปก็ไม่ได้ขอตัว เมื่อไม่ขอรับเขาเราก็ต้องดูว่าประเทศต้นกำเนิดคือจีน มีบัตรประชาชนชัดเจน จีนรับรองว่าคนเหล่านี้กลับไปไม่ถูกดำเนินคดี เพราะถูกลงโทษไปเยอะแล้วในช่วงเวลา 11 ปี ควรได้กลับไปอยู่กับครอบครัว กำหนดเป็นลายลักษณ์อักษร รวมถึงผู้ใหญ่มีการพบพูดคุยกันเพื่อยืนยันความตั้งใจ หลักของสหประชาชาติ (UN) คือไม่ส่งกลับไปในที่ที่จะถูกทรมาน หรือฆ่า ตรงนี้มีการการันตีชัดเจน ไม่ผิดกฎยูเอ็น และกฎหมายนานาชาติ รวมถึงไม่ผิดกฎหมายไทยคิดดังๆ ซื้อหนี้ ปชช.ออกจากระบบช่วงบ่ายที่หอประชุมอนุสรณ์ 100 ปี มหาวิทยาลัยพิษณุโลก ต.สมอแข อ.เมืองพิษณุโลก นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ลงพื้นที่พบปะมวลชนคนเสื้อแดงภาคเหนือตอนล่าง ในงานเรื่องเล่า “ประสบการณ์ การต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยของมวลชน” มีมวลชนจาก จ.พิษณุโลก พิจิตร อุตรดิตถ์ กำแพงเพชร ตาก นครสวรรค์ อุทัยธานี และ จ.สุโขทัย กว่า 1,200 คน มารอรับคึกคัก นายทักษิณขึ้นกล่าวบนเวทีว่า ติดหนี้ไว้นาน 17 ปีที่รอคอย มาวันนี้วันที่ 17 พอดี ขอคารวะหัวใจทุกคนที่เด็ดเดี่ยวต่อสู้ อยากเห็นความเป็นธรรมในบ้านเมือง อยากมาบอกว่าวันนี้เราไม่ต้องไปต่อสู้อะไรแล้วเรื่องการเมือง อยากเห็นทุกฝ่ายมองประเทศไทยเป็นหนึ่ง ลำพังเราสามัคคีกันยังสู้เขายาก ยิ่งแตกแยกยิ่งสู้ยาก วันนี้เราต้องแข็งแรงมีน้ำหนึ่งใจเดียวกัน วันก่อนคิดกับนายกฯดังๆ ทำอย่างไรจะให้หนี้สินคนไทยหมดไปได้ คิดดังๆว่าเราจะซื้อหนี้ทั้งหมด ซื้อหนี้ประชาชนออกจากระบบธนาคารดีหรือไม่ แล้วให้ประชาชนค่อยๆผ่อน ไม่ต้องชำระเต็มจำนวน ให้เริ่มต้นชีวิตใหม่ ทำมาหากินใหม่ ไม่ต้องใช้เงินรัฐสักบาทสามารถให้เอกชนลงทุน“พ่อมหาจำเริญช่วยกันหน่อยเถอะ”นายทักษิณกล่าวต่อว่า สิ่งที่ตนพูด นายกฯพูด พรรคเพื่อไทยพูด ทำแน่นอน แต่วันนี้ไม่เหมือนตอนพรรคไทยรักไทย (ทรท.) พรรคเรามีขนาดเล็กลง เป็นรัฐบาลผสมบางทีก็ทำงานด้วยกันไม่ค่อยคล่องตัว พยายามทั้งนวดทั้งบีบให้ช่วยกัน “พ่อมหาจำเริญ ช่วยกันหน่อยเถอะ ถ้าพ่อมหาจำเริญไม่ทำ ตัวใครตัวมันนะครับ มันต้องช่วย ไม่อย่างนั้นบ้านเมืองไปไม่ได้จริงๆ ผมถือว่าบ้านเมืองคือหัวใจที่เราจะต้องทำให้ผ่านไปให้ได้” วันนี้เงินยังอยู่ในกระทรวงต่างๆอีกเยอะ ใช้ช้า ใช้คำว่าพ่อมหาจำเริญได้นั่งทับเงินทับทองจำนวนมาก รีบใช้หน่อยเถอะ เงินจะได้ถึงมือประชาชนเร็วๆ ประเทศจะได้เดินหน้า ใช้ทั้งไม้นุ่ม ไม้แข็ง พรรคประชาชนชอบว่าพูดแล้วทำไม่ได้ พูดแล้วไม่ตรงปก ขอให้ไปจดไว้เลย ทำได้ทุกเรื่อง แต่เวลามันยืด เนื่องจากเหตุการณ์มันเปลี่ยนไป อย่างเรื่องดิจิทัลวอลเล็ตอีกไม่นานพวกคุณจะเข้าใจมากกว่านี้ ตอนนั้นที่พูดว่าจะไม่กู้ เพราะเราไปเข้าใจว่าไม่มีใครเข้ามายุ่งกับการบริหาร เราจะออกเหรียญและให้ประชาชนใช้พร้อมกันทีเดียว ตรงนั้นเกิดผลดีมหาศาล แล้วรัฐบาลค่อยตั้งงบประมาณชดเชย เศรษฐกิจก็จะดีเก็บ Vat ได้ แต่ปรากฏว่าธนาคารแห่งประเทศไทยมาถึงเป่านกหวีด บอกไม่ได้ต้องมีเงิน ต้องตั้งงบประมาณ ผลสุดท้ายคือผิดแผน แต่เราพยายามปรับปรุงแก้ไขจนได้แล้ว ต่อไปเทคโนโลยีดิจิทัลวอลเล็ตพี่น้องจะจำเหมือน 30 บาทรักษาทุกโรค จะเป็นกระเป๋าตังค์ของท่านไปตลอดชีวิต แล้วจะรู้ว่าเป็นความปรารถนาดีของพรรคเพื่อไทยจริงๆอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่