นรก “แหล่งอาชญากรรม” ริมแม่น้ำเมยเมืองเมียวดี ประเทศพม่า ซึ่งมีพลเมืองจากทั่วโลกนับหมื่น (หรือเรือนแสน) คน ถูกหลอกลวงและบังคับกักขังให้ทำงานในสแกมเซ็นเตอร์โดยมาเฟียจีนและได้รับการปกป้องโดยกองกำลังติดอาวุธกะเหรี่ยง 2 กลุ่มคือ BGF (Karen Border Guard Force) และ DKBA (Democratic Karen Buddhist Army)เมื่อ DKBA ส่งเหยื่อชาวต่างชาติ 260 คนจากแหล่งอาชญากรรมช่องแคบให้ทางการไทยโดยตรง และเขาพร้อมที่จะส่งให้อีกนับพันคน แต่ทางการไทยไม่พร้อมที่จะรับเพราะขาดการวางแผนล่วงหน้าขณะที่ พล.ต.หม่องชิต ตู่ และกองกำลังกะเหรี่ยง BGF ก็ได้ทำการสำรวจและคัดแยกชาวต่างชาติที่ทำงานอยู่ในตึกต่างๆในชเวโก๊กโก่ พร้อมที่จะส่งเหยื่อชาวต่างชาตินับหมื่นคนมาให้ไทย แต่ทางการไทยก็ปฏิเสธโดยอ้างข้อจำกัดเรื่องบุคลากรจึงขอรับเพียงวันละ 500 คน “สำนักข่าวชายขอบ” (www.transbordernews.in.th) รายงานเชิงวิเคราะห์ไว้ว่า เสียดายโอกาสดีๆของทางการไทยที่กำลังจะผ่านไปอีกครั้ง ถ้า...รัฐบาลไทยมีการวางแผนดีๆ ระดมสรรพกำลังเพื่อเตรียมการรองรับก็จะเป็นโอกาสที่สำคัญ“อย่าลืมว่าข่าววงในซึ่งหน่วยงานของรัฐบาลต่างคาดการณ์กันไว้ล่วงหน้ามานานนับสัปดาห์แล้วว่าจะมีเหยื่อชาวต่างชาติจำนวนมากถูกส่งมาไทย แต่รัฐบาลกลับไม่วางแผนเตรียมการใหญ่ เห็นได้จากการรับตัวชาวต่างชาติ 260 คนจาก DKBA ที่เป็นไปด้วยความขลุกขลักเพราะโยนภาระทั้งหมดให้เป็นของท้องถิ่น”ทั้งๆที่ควรมีบุคลากรจากส่วนกลางหรือที่อื่นเข้าไปสนับสนุน ทั้งในขั้นตอนคัดแยกในเบื้องต้นและกระบวนการคัดแยกเป็นรายบุคคลในกลไกการส่งต่อระดับชาติ (National Referral Mechanism-NRM)หาก “คิดใหญ่” อ้าแขนรับชาวต่างชาติที่กองกำลังกะเหรี่ยง 2 กลุ่มส่งให้ไว้ทันทีซึ่งจะกลายเป็นความช่วยเหลือด้าน “มนุษยธรรม” ครั้งใหญ่ ประเทศไทยจะสามารถพลิกมุมจากที่ถูกวิจารณ์ให้ “ผู้ร่วมสมคบคิด” กับพวกมาเฟียจีนกลายเป็น “นักบุญ” ได้ในทันที แต่โอกาสเช่นนี้กลับถูกปล่อยผ่านไปโอกาสดีๆผ่านไปแล้วเพราะหลังจากวันที่ 12 ก.พ.68 ที่ DKBA ส่งผู้โชคร้ายต่างชาติให้ไทย ทำให้ “รัฐบาลทหารพม่า” รู้สึกเสียหน้าที่ไม่ได้มีเอี่ยวใดๆกับการส่งตัวครั้งนั้น ดังนั้นหลังจากที่ พล.ต.หม่องชิต ตู่ สั่งให้สำรวจคัดแยกชาวต่างชาติเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ พอวันรุ่งขึ้นรัฐบาลทหารพม่าได้สั่งการให้คนของทางการพม่าที่ยังเหลืออยู่ไม่เท่าไรในฐานทหาร 275 และในเมืองเมียวดีเข้าไปในชเวโก๊กโก่ เพราะต้องการสร้างบทบาทและการยอมรับในฐานะผู้ถืออำนาจรัฐพม่า ดังนั้น สถานการณ์จึงเปลี่ยนไปและมีความซับซ้อนมากขึ้น“ชายแดนเมียวดีที่อยู่ติดกับประเทศไทยเป็นเขตปลอดอำนาจเนปิดอว์มานานเป็นปีแล้ว แม้รัฐบาลทหารพม่ายังเหลือคนของตัวเองอยู่บ้างแต่ก็เบาบางมากดังนั้น การที่เขาสามารถส่งคนของตัวเองเข้าร่วมปฏิบัติการช่วยเหลือชาวต่างชาติพร้อมกับตั้งเงื่อนไขต่างๆ ได้กลายเป็นช่องทางสำคัญให้รัฐบาลเนปิดอว์เจาะเข้ามาในพื้นที่ เพื่อทวงคืนอำนาจ” “รัฐบาลมินอ่องหล่าย” เล่นบทบาททางการเมืองระหว่างประเทศเป็นเครื่องมือเพื่อชัยชนะในสนามสู้รบที่ได้เพลี่ยงพล้ำให้ฝ่ายต่อต้านไปแล้ว ไม่ว่ารัฐบาลไทย จีนและพม่าจะมีข้อตกลงใดๆ กันอยู่หรือไม่ แต่สิ่งที่รัฐบาลไทยดำเนินการในวันนี้ ไม่ได้เป็นประโยชน์ต่อบ้านเมืองไทยเลยวันนี้ชเวโก๊กโก่และ พล.ต.หม่องชิต ตู่ กลายเป็นเป้าหมายใหญ่ของแหล่งอาชญากรรมริมแม่น้ำเมย ทั้งๆที่ในความเป็นจริงแล้ว ความโหดเหี้ยมทารุณที่กระทำกับชาวต่างชาติต่างก็รับรู้กันดีว่าไม่มีที่ไหนรุนแรงเท่ากับแหล่งอาชญากรรมช่องแคบภายใต้พื้นที่ของ DKBA หรือแม้กระทั่งเคเค ปาร์ค ซึ่งอยู่ในพื้นที่ BGF เช่นกัน แต่...อยู่ในความดูแลของอีกปีกหนึ่ง ก็ยังขึ้นชื่อเรื่องความโหดร้ายมากกว่าชเวโก๊กโก่แต่ทำไมวันนี้ชเวโก๊กโก่และ พล.ต.หม่องชิต ตู่ จึงตกเป็นเป้าใหญ่ ซึ่งเสียงตัดพ้อของ พล.ต.หม่องชิต ตู่ ที่คุยกับใครหลายคนในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาจึงเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ ภาสกร จำลองราช “สำนักข่าว ชายขอบ” ที่ผ่านประสบการณ์ทำข่าวสืบสวนสอบสวนแนวชายแดนประเทศเพื่อนบ้านมาอย่างยาวนาน เปิดประเด็น“พล.ต.หม่องชิต ตู่ สร้าง BGF จนกลายเป็นกองกำลังกะเหรี่ยงที่แข็งแกร่งมีกำลังพลนับหมื่นคน มีอาวุธยุทโธปกรณ์พร้อม แถมทหารทุกคนยังได้เงินเดือน 5 พันบาท มีชุดใหม่เอี่ยมให้ใส่ แตกต่างจากทหารกะเหรี่ยงในกองกำลังอื่นๆ...หลังจากรัฐบาลไทยออกมาตรการ 3 ตัด ทำให้ชเวโก๊กโก่เดือดร้อนหนัก และมีแรงกดดันที่ส่งผ่านจากประเทศไทยให้ พล.ต.หม่องชิต ตู่ เคลียร์พื้นที่ และส่งชาวจีนให้ทางการจีน” ขณะที่ทางการไทยก็จ้องจะออกหมายจับเพื่อกดดันให้หนักขึ้น เพียงแต่ยังกลัวๆกล้าๆ เพราะหาก พล.ต.หม่องชิต ตู่ จนตรอกและแฉกลับขึ้นมา คงได้ฉาวไปทั่วโลก?...ส่วนรัฐบาลทหารพม่าก็ฉกฉวยโอกาสกระโดดแทรกเข้ามา เพื่อสร้างเงื่อนไขดึงให้ พล.ต.หม่องชิต ตู่ กลับมาเป็นพวกอีกครั้งเพื่อสู้กับฝ่ายต่อต้านเนื่องจากระยะหลัง พล.ต.หม่องชิต ตู่ ทำท่าเอนเอียงไปทาง KNU และภายในองค์กร BGF ก็ใช่ว่าชิต ตู่ จะกุมสภาพได้หมด นอกจากมือรอง 2 คนที่ทางการไทยขู่ออกหมายจับแล้ว ก็ยังมี “มุตง” ผู้นำ กองพัน 1022 ที่ซุ่มเงียบและอิงแอบอยู่กับทหารพม่า...ประเด็นน่าสนใจมีอีกว่าวันนี้ทางการจีนได้ส่งนายหลิว จงอี้ เป็นแม่ทัพมาบัญชาการล้อมกรอบชิต ตู่ และ BGF ทุกด้าน ซึ่งก็รู้กันอยู่ว่าเขามีจุดประสงค์อื่นแอบแฝงด้วย เพราะในแหล่งอาชญากรรมช่องแคบ ซึ่งมี “มาเฟียจีน” และ “มาเฟียโกก้าง” มากมาย นายหลิว จงอี้ กลับไม่สนใจ ทั้งๆที่อยู่ไม่ห่างจากชเวโก๊กโก่สักเท่าไหร่?สถานการณ์ริมแม่น้ำเมยวันนี้ทั้งเรื่องการปราบปรามอาชญากรข้ามชาติ เรื่องการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมเหยื่อชาวต่างชาติและเรื่องการเมืองชิงพื้นที่เมืองเมียวดี เพื่อสร้างอิทธิพลเหนือดินแดน กลายเป็นเรื่องเดียวกันที่ถูกนำมาต่อรองและสร้างเงื่อนไขกันต่างๆจนไม่รู้ว่าใครเป็นฝ่ายไหน. คลิกอ่านคอลัมน์ “สกู๊ปหน้า 1” เพิ่มเติม