ปัญหาฝุ่นพิษ PM2.5 ยังทำร้ายคนไทยอยู่ทุกลมหายใจ ปีนี้มีผู้ป่วยไอเจ็บคอเพราะพิษฝุ่นเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เพียงแต่ระยะหลังมีช่วงที่สภาพอากาศเปิดถี่ขึ้น อีกทั้งชาวบ้านคงบ่นจนเบื่อแล้วกับปัญหานี้ที่รัฐบาลเอาชนะไม่ได้เสียทีนายกฯแพทองธาร ชินวัตร เคยประกาศยกปัญหาฝุ่น PM2.5 เป็น วาระอาเซียน ผมไม่อยากขัดคอ แต่ช่วยขับเคลื่อนทุกองคาพยพฟอกอากาศสะอาดให้คนไทยก่อนเถอะครับ ถ้ามีเวลาอยากให้ไปไล่เช็กผลงานของกระทรวงต่างๆว่า มีรัฐมนตรีคนไหนทำภารกิจลดฝุ่นพิษลงได้ แล้วรัฐมนตรีคนไหนบ้างที่ผลงานแก้ปัญหาฝุ่นไม่มีออกมาเลย ก็ต้องจับมาขันนอตให้หมดใครทำงานเก่งไม่เก่ง นายกฯไปไล่ตรวจย้อนหลังก็คงรู้ ผลงานเป็นเครื่องพิสูจน์ ผมคงไม่วิจารณ์มาก เพราะเข้าใจดีว่าฝุ่นเป็นปัญหาระดับชาติที่ต้องอาศัยทุกภาคส่วนร่วมกันจัดการอย่างจริงจัง แต่วันนี้ขอยกตัวอย่าง กระทรวงอุตสาหกรรม ที่มีผลงานชัดเจนทั้งเชิงรับและเชิงรุก เพื่อเป็นกำลังใจให้มุ่งมั่นทำงานต่อไปจากการที่ คุณเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รมว.อุตสาหกรรม สั่งการให้ สำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (สอน.) ขอความร่วมมือเกษตรกรชาวไร่ อ้อยตัดอ้อยสด งดเผาอ้อยก่อนและหลังการเก็บเกี่ยว และขอความร่วมมือโรงงานน้ำตาลให้ รับเฉพาะอ้อยสดเข้าหีบ หยุดรับอ้อยเผา เมื่อดูสถิติการรับอ้อยเข้าหีบของโรงงานน้ำตาล 58 แห่งทั่วประเทศพบว่า ปีนี้ชาวไร่อ้อยและโรงงานน้ำตาลให้ความร่วมมือในการตัดและรับอ้อยเผาเข้าหีบต่ำสุดในประวัติศาสตร์ ที่ระดับ 9% ดันอ้อยสดพุ่งกว่า 91% ส่งผลให้ฝุ่นพิษ PM2.5 ลดลงเมื่อเทียบสถิติย้อนหลัง สัดส่วนการรับอ้อยเผาต่อวันในฤดูการผลิตปี 2561/62 เฉลี่ยอยู่ที่ 60% ฤดูการผลิตปี 2566/67 อยู่ที่ประมาณ 30% ฤดูการผลิตปี 2567/68 ตั้งแต่ต้นปีนี้เหลือเพียง 10% ส่วนปริมาณอ้อยเผาสะสมในช่วงเวลาเดียวกัน เมื่อ 6 ปีก่อนอยู่ที่ 45 ล้านตัน ปีที่แล้วประมาณ 20 ล้านตัน มาปีนี้ลดลงเหลือเพียง 10 ล้านตันการที่ชาวไร่อ้อยให้ความร่วมมือลดเผาอ้อย เป็นผลมาจากการสร้างความเข้าใจ และ สร้างแรงจูงใจให้เกษตรกรชาวไร่อ้อยเก็บเกี่ยวอ้อยสด 100% เพิ่มราคารับซื้อใบและยอดอ้อยที่ใช้เป็นวัตถุดิบด้านพลังงาน ป้อนโรงงานผลิตไฟฟ้าชีวมวล หรือโรงงานที่ใช้พลังงานชีวมวล ซึ่งช่วยเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกรชาวไร่อ้อยอย่างยั่งยืนคุณเอกนัฏได้พบหารือกับ คุณโรเจอร์ มาร์คิโอนี ผู้อำนวยการธุรกิจทวีปเอเชีย และกรรมการผู้จัดการ บริษัท Braskem Siam บริษัท Braskem S.A. ยักษ์ใหญ่ในอุตสาหกรรมการพลาสติกชีวภาพ ที่มีแผนจัดตั้งโรงงานผลิตพลาสติกชีวภาพในไทย ซึ่งต้องการเฉพาะวัตถุดิบเอทานอลที่ผลิตจากอ้อยตัดสดไม่เผาแปลงเท่านั้น เพื่อไม่ก่อมลพิษและปัญหาสิ่งแวดล้อม โดยมี มูลค่าการลงทุนกว่า 2 หมื่นล้านบาท กำลังการผลิต 2 แสนตันต่อปี ใช้เอทานอล 500 ล้านลิตรต่อปี ถือเป็นโอกาสทองของประเทศไทยที่จะมีอุตสาหกรรมที่มีมูลค่าสูง เกิดการสร้างงาน สร้างรายได้ และถ่ายทอดเทคโนโลยีนอกจากนี้ รมต.เอกนัฏได้ยกคณะเดินทางไปเยือนสิงคโปร์ ประชุมกับ คุณโคห์ โพห์ คูน รมต.อาวุโสแห่งรัฐของกระทรวงความยั่งยืนและสิ่งแวดล้อม พร้อมหารือแนวทางแก้ไขปัญหา PM 2.5 และแลกเปลี่ยนความรู้ด้านการจัดการฝุ่นควันข้ามแดน กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของสิงคโปร์ โดยมีความร่วมมือในการติดตามตรวจสอบ แลกเปลี่ยนข้อมูล และเทคโนโลยีระหว่างกันคุณสุเมธ ตั้งประเสริฐ รักษาการผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศ ไทย (กนอ.) ที่ร่วมคณะไปด้วย เผยว่า จะนำแนวทางของสิงคโปร์มาปรับใช้ในนิคมอุตสาหกรรม โดยกำหนด มาตรฐานการปล่อยมลพิษที่เข้มงวด สำหรับโรงงานในนิคมอุตสาหกรรม และส่งเสริมให้โรงงานใช้ เทคโนโลยีการผลิตที่สะอาด รวมทั้งสร้างความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และชุมชน เพื่อแก้ไขปัญหา PM 2.5มาตรฐานการปฏิบัติงานที่ชัดเจนเหล่านี้ ไม่เพียงช่วยให้คุณภาพชีวิตประชาชนดีขึ้น ทั้งยังสร้างความเชื่อมั่นแก่นักลงทุนต่างชาติว่า ไทยเป็นจุดหมายปลายทางของการลงทุนที่ยั่งยืนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม.ลมกรดคลิกอ่านคอลัมน์ “หมายเหตุประเทศไทย” เพิ่มเติม