หญิงสาวไทยไปทำงานในต่างประเทศ “ต่างหวังได้รายได้ที่ดี” สุดท้ายมักจะตกเป็นเหยื่อของขบวนการค้ามนุษย์ ถูกหลอกลวง “บังคับให้ค้าประเวณี” กำลังเป็นปัญหาที่น่าห่วง มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆโดยเฉพาะผู้หญิงมาจาก “ครอบครัวฐานะยากจน” มักจะมองหา หนทางเพื่อช่วยเหลือครอบครัว หรือหางานที่มีรายได้สูงกว่า “การทำงานในประเทศไทย” แล้วปลายทางของหญิงไทยที่ถูกหลอกลวงไปนั้นตามข้อมูล “มูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี” มีหญิงไทยร้องขอความช่วยเหลือมากที่สุดปี 2567 “ดูไบ” หญิงไทยขอให้ช่วยเหลือ 95 ราย ช่วยได้ 71 ราย “เมียนมา” ร้องขอมา 25 ราย ช่วยได้ 21 ราย “บาห์เรน” ร้องขอมา 18 ราย ช่วยได้ 13 ราย “มาเลเซีย” ร้องขอมา 10 ราย ช่วยได้ 7 ราย “โอมาน” ร้องขอมา 10 ราย ช่วยได้ 7 รายพฤติการณ์การหลอกหญิงไทยไปค้าประเวณีนั้น ปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาฯ บอกว่า หลังโควิดคลี่คลายในปี 2563 “ไทยเปิดประเทศ 100%” ก็พบหญิงไทยถูกหลอกไปค้าประเวณีในต่างประเทศมากขึ้นโดยเฉพาะอย่างยิ่ง “ประเทศเมียนมา” ไม่ว่าจะเป็นเมืองล็อกกิ่ง หรือเล่าไก่ รัฐฉาน และเมืองเมียวดี ที่มีหญิงไทยถูกขบวนการค้ามนุษย์หลอกไปทำงานร้านอาหาร โรงแรม หรืองานบริการ “ก่อนบังคับค้าประเวณี” โดยมีกลุ่มทุนจีนเทาเป็นเอเจนซีใหญ่อันมีความสัมพันธ์กับแก๊งค้ามนุษย์ในเมียนมาเป็นผู้บริหารจัดการธุรกิจเหล่านี้แต่อันที่จริงแล้ว “เมืองเล่าไก่” เป็นเขตปกครองพิเศษ และเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษในรัฐฉาน ตั้งอยู่ห่างจากชายแดนไทยประมาณ 400 กม. “พื้นที่ตรงนี้ใช้เวลาเดินทางไป 2-3 วัน” สมัยก่อนทุนจีนเทาเข้าไปเช่าที่ดินระยะยาว “ทำธุรกิจผิดกฎหมายหลายรูปแบบ” กลายเป็นเขตอิทธิพลอยู่ในเขตเศรษฐกิจพิเศษเสมือนเป็นอาณาจักร “จีนเทาขนาดใหญ่” แม้แต่เจ้าหน้าที่เมียนมาก็ไม่สามารถทำอะไรได้ “เนื่องจากเป็นกรรมสิทธิ์เอกชน” ส่วนหญิงไทยถูกหลอกมาค้าประเวณีในเมืองนี้ต้องเดินทางจากชายแดนไทย 5 วัน เมื่อถึงปลายทางจะถูกขังในตึกคอนโดฯ “บังคับทำสัญญาหนี้” แถมถูกยึดพาสปอร์ต ถูกบังคับให้ทำงานทั้งวันทั้งคืน“หากไม่ทำก็จะถูกทำร้าย บางคนถูกรุมโทรม ถ้าไม่ขายบริการอีกก็จะถูกขายต่ออาจต้องตกระกำลำบากมากกว่าเดิม จนหลายคนยอมขายตัว แต่พอปี 2564 รัฐบาลเมียนมาและจีนเข้าปราบปรามแก๊งจีนเทาในเมืองเล่าไก่ ทำให้ธุรกิจจีนเทาย้ายมาเมืองเมียวดีเป็นปลายทางขบวนการค้ามนุษย์ที่หลอกหญิงไทยแห่งใหม่” ปวีณา ว่า ปัจจัยหลัก “หญิงไทยถูกหลอกค้าประเวณีเกิดขึ้นต่อเนื่อง” มาจากความยากจนโดยผู้หญิงบางคนไม่มีความรู้ อยากทำงานสบายมีรายได้ดี “แก๊งค้ามนุษย์” มักใช้วิธีหลอกอ้างว่าเป็นงานบริการ หรือทำงานร้านค้าเมื่อถึงที่ปลายทางกลับถูกบังคับให้ทำงานไม่สมัครใจ “ค้าประเวณี” อย่างกรณีปี 2565 เด็กหญิงอายุ 16 ปี ชาวบุรีรัมย์ มีเพื่อนหญิง 17-18 ปี ติดต่อผ่านเฟซบุ๊กชักชวนไปเที่ยว จ.ตาก และถูกส่งข้ามแม่น้ำเมยเข้าไปทำงานร้านคาราโอเกะในเมืองเมียวดี บังคับให้ค้าประเวณี โดยมีชายฉกรรจ์แต่งชุดคล้ายทหารถือปืน M16 ควบคุมอยู่ตลอดกระทั่งทำให้ “เด็กทุกข์ทรมานทนรับสภาพไม่ได้” ส่งข้อความมาหาแม่บอกว่า “อยากฆ่าตัวตาย” ขอให้แม่มาช่วยด้วยการมาร้อง “มูลนิธิปวีณาฯ” จึงประสานทหารไทยร่วมกับทางทหารเมียนมา (TBC) เข้าช่วยเหลือ ก่อนจะทราบว่า “ถูกบังคับให้ทำงานด้านหลังกาสิโน แห่งหนึ่ง” สุดท้ายก็สามารถช่วยเหลือน้องกลับมาได้ปลอดภัยตามข้อมูลยังมีคนไทยที่ถูกหลอกไป “ค้าประเวณีในเมียนมารอความช่วยเหลืออีกในหลายพื้นที่” โดยเฉพาะเขตเศรษฐกิจพิเศษใกล้พรมแดนจีน ในปี 2567 เราช่วยเหลือได้ 21 ราย จากที่ขอความช่วยเหลือมา 25 รายไม่เท่านั้น “แก๊งจีนเทายังขยายอิทธิพลไปยังที่ดูไบ สหรัฐอาหรับ เอมิเรตส์” โดยที่ผ่านมาหญิงไทยถูกหลอกลวงไปค้าประเวณีค่อนข้างเยอะเช่นกัน ส่วนใหญ่ถูกหลอกจากคนรู้จักชักชวนไปทำงานนวดแผนไทยอ้างว่ารายได้ดีเดือนละ 4-5 หมื่นบาท มีที่พัก อาหารฟรี ทำให้ทุกคนหวังจะได้มีเงินส่งมาให้ครอบครัวไม่ลำบาก เมื่อไปถึงกลับถูก “ยึดพาสปอร์ต” บังคับให้ค้าประเวณีใช้หนี้นับแสนบาท “แถมถูกกักขังทำร้ายเหมือนตกนรกทั้งเป็น” ซึ่งในปี 2567 “มูลนิธิปวีณาฯ” ได้รับเรื่องขอความช่วยเหลือ 95 ราย ช่วยได้ 71 รายและถามว่า “ขายบริการให้ใครเพราะดูไบเป็นเมืองคนรวย” ตอนนี้ดูไบเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญกำลังพัฒนาอาคารสูง “แรงงานประเทศอื่นไปทำงานอยู่มาก” จีนเทาเลยไปทำธุรกิจนี้เพื่อรองรับแรงงานเหล่านั้นอย่างไรก็ตาม “คนถูกหลอกไปค้าประเวณีในดูไบ” มิใช่มีเฉพาะหญิงไทยแต่ยังมีหญิงประเทศอื่นที่ถูกบังคับให้ค้าประเวณี หากไม่ทำจะถูกกักขัง ทำร้ายร่างกาย จนช่วงหลังหญิงเหล่านี้รวมถึงคนไทยถูกฆ่าตายบ่อยขึ้นถัดมาคือ “กัมพูชา” ก็เป็นอีกพื้นที่ที่คนไทยถูกหลอกไปทำงาน “แอดมินเว็บพนัน” มักอ้างเป็นเว็บถูกกฎหมาย หรืองานทำความสะอาด งานยิงแอดโฆษณา โดยรายได้ดี มีอาหาร ที่พักฟรี “เมื่อเดินทางไปกลับบังคับให้ทำงานคอลเซ็นเตอร์” โดยเฉพาะเขตสีหนุวิลล์พื้นที่ลงทุนแห่งใหม่ของจีน ถ้าใครไม่อยากทำก็ถูกซ้อมถูกทำร้ายทั้งยังให้อดข้าวอดน้ำยืนแบกเก้าอี้ทั้งวันจนยอมทำงานตามที่ “กลุ่มจีนเทาสั่ง” อย่างปี 2567 คนไทยถูกหลอกไปทำคอลเซ็นเตอร์ถูกซ้อมทรมานบังคับให้ทำงานผิดกฎหมาย ในจำนวนนี้มีเยาวชนอายุ 15-17 ปีหลายราย แต่ในช่วง 1-2 ปีมานี้ข้อกังวลคือ “หญิงไทยไปทำงานในมาเลเซียมักเสียชีวิตมากขึ้น” ส่วนใหญ่จะเป็นหญิงเข้าไปทำงานด้านบริการ เช่น พริตตี้ สาวนั่งดริงก์ ถูกจ้างให้ดื่มเหล้าแลกเงินจนก่อการเสียชีวิตปริศนาทั้งบางคนยังถูกบังคับให้ “เสพยาเสพติด” ทำให้มีความเสี่ยงต่อการใช้ยาเกินขนาด และดื่มเหล้าเกินขนาดจนเป็นพิษร้ายแรงถึง “ขั้นเสียชีวิต” อย่างไม่นานมานี้ก็มีหญิงไทยพลัดตกจากชั้น 92 เสียชีวิตปริศนาเช่นกันโชคดีว่า “รมว.ความมั่นคงจีน” กำลังให้ความสำคัญกับปัญหาจีนเทาด้วยการเข้ามาหารือกับ “พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเร ตร.” มุ่งเน้นการปฏิบัติการในพื้นที่เมืองเมียวดี “แหล่งปฏิบัติการของแก๊งคอลเซ็นเตอร์” ทั้งการป้องกันและปราบปรามขบวนการที่เชื่อมโยงในกัมพูชา และพื้นที่สามเหลี่ยมทองคำในลาวแล้วจีนเสนอแนวคิด “ตั้งศูนย์ประสานงานร่วมไทย-จีน”เพื่อแก้ปัญหาอันเป็นแนวทางที่ดีมาถูกทาง เพราะจีนเท่านั้นจะปราบปรามขบวนการจีนเทาได้ ด้วยการบูรณาการทำงานร่วมกันในระดับภูมิภาคฉะนั้น การร่วมมือกัน “ระหว่างภาครัฐ ภาคประชาสังคมและประชาชน” บูรณาการร่วมกันสร้างความตระหนักรู้ในการป้องกันภัยการถูกหลอกลวง จะเป็นสิ่งสำคัญในการลดปัญหานี้ให้ลดน้อยลง.คลิกอ่านคอลัมน์ “สกู๊ปหน้า 1” เพิ่มเติม