การขึ้นภาษีนำเข้าตามนโยบายของ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กลายเป็นดาบสองคม โดยเฉพาะการนำเข้า สินค้าจาก แคนาดา เม็กซิโก ที่ขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าร้อยละ 25 จากจีน ร้อยละ 10 ทำให้สินค้าที่วางจำหน่าย ในสหรัฐฯ มีราคาสูงขึ้น โดยเฉพาะสินค้าประเภท ผัก ผลไม้ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เสื้อผ้า รถยนต์ โทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์ ของเล่น มีการคำนวณจากนักเศรษฐศาสตร์ระบุ การขึ้นภาษีนำเข้า จะทำให้คนอเมริกันต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น 835 ดอลลาร์ต่อคน หรือ 3,242 ดอลลาร์ต่อครัวเรือนข่าวที่ สำนักข่าวรอยเตอร์ มาสัมภาษณ์ เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ระบุ เศรษฐกิจไทย ในปี 2568 อาจโตต่ำกว่าร้อยละ 2.9 เป็นความต่อเนื่องมาจากสภาวะ เศรษฐกิจซบเซาปีที่ผ่านมา ไม่ถึงเป้าร้อยละ 3 ตามที่กระทรวง การคลังตั้งเป้าเอาไว้ด้วยซ้ำสาเหตุเป็นเพราะผลที่ได้จากเงินช่วยเหลือและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมาน้อยกว่าที่คาดไว้ เช่น เงินดิจิทัล 5 แสนล้านบาท ไม่ได้เป็นไปตามเป้าหมาย เนื่องจากถูกนำไปชำระหนี้ และอื่นๆ ที่ไม่เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจในส่วนของ ธปท.เอง ยึดนโยบายที่เป็นกลาง คาดว่าอัตราเงินเฟ้อจะขยายตัวที่ร้อยละ 1.1 ตามกรอบที่วางไว้ร้อยละ 1-3 อย่างไรก็ตาม ยังมีความกังวลเกี่ยวกับความผันผวนของค่าเงินบาทอยู่บ้างทางด้าน พิชัย ชุณหวชิร รองนายกฯ และ รมว.คลัง เชื่อว่า เศรษฐกิจปี 2568 จะขยายตัวได้ถึง 3.0-3.5% ที่ได้อานิสงส์จากกระตุ้นเศรษฐกิจ อาทิ โครงการเติมเงิน 10,000 บาท จากภาครัฐ รวมทั้งการส่งออกที่ขยายตัวได้ดี รวมทั้งภาคการท่องเที่ยวที่จะกลับ ไปสู่จุดสูงสุดจำนวนนักท่องเที่ยวกว่า 39 ล้านคน คาดจะมีการลงทุน เพิ่มขึ้นในอีก 2 ปีข้างหน้า กว่า 30,000 ล้านดอลลาร์ การลงทุนภาครัฐ ในเชิงโครงสร้าง เช่น รถไฟฟ้ารางคู่รถไฟความเร็วสูง จะช่วยสนับสนุน ขีดความสามารถในการแข่งขันให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ในขณะเดียวกันรัฐบาลได้ออกมาตรการในการแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือนซึ่งอยู่ในระดับร้อยละ 91 ของจีดีพี แก้ปัญหาหนี้เสียหนี้นอกระบบ แก้ปัญหาหนี้เสียที่มีอยู่กว่า 10 ล้านบัญชี หนี้เสียทั้งระบบของไทย อยู่ที่ 10 ล้านล้านบาท อย่างต่อเนื่องในมุมมองของภาคเอกชน เจ้าสัว ธนินท์ เจียรวนนท์ ประธาน อาวุโสเครือซีพี กล่าวว่า ต่อไปนี้ชีวิตประจำวันทุกอย่างจะขับเคลื่อนด้วยเอไอ และเทคโนโลยี ซึ่งจะต้องพึ่งพาไฟฟ้าเป็นพลังงานพื้นฐาน ดังนั้น ธุรกิจพลังงานสะอาด จึงมีความทันสมัยและมีอนาคต ปัจจุบันโลกกำลังสนใจ ไฟฟ้านิวเคลียร์ ที่จะเป็นธุรกิจในอนาคต อินโดนีเซีย มาเลเซีย มีกฎหมายมารองรับแล้ว แต่ไทยยังไม่มี อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจไทยยังมีอนาคต เพราะมีที่ตั้งที่พอเหมาะ เห็นด้วยกับการเปิดฟรีวีซ่า แต่ต้องสร้างความมั่นใจในความปลอดภัย การเกษตรต้องปฏิรูปที่ทำกิน ระบบชลประทานและการคมนาคมช่วยการเพิ่มผลผลิต ซึ่งซีพีทำไร่ในกัมพูชา 4 หมื่นไร่ จีน 1 แสนไร่ และรัสเซีย 7 แสนไร่ ทำตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำให้มีความสอดคล้องกัน ลดต้นทุนให้เหลือน้อยที่สุด เพื่อรับมือกับความเสี่ยงจากการแข่งขันในอนาคต.หมัดเหล็กmudlek@thairath.co.thคลิกอ่านคอลัมน์ “คาบลูกคาบดอก” เพิ่มเติม