ข่าว “เขย่าขวด” สุดสัปดาห์นี้ปัญหาใหญ่ กำลังแรงขึ้นมากดทับรัฐบาลคือ “ฝุ่นพิษ” พีเอ็ม 2.5 ที่แรงกลายเป็นเนื้อเดียวกับ“ฝุ่นการเมือง”ท้องฟ้าสีส้มมืดครึ้มไปทั่วกรุงเทพฯและต่างจังหวัดจึงไม่แปลกที่ประเทศไทยติดอันดับ 6 ของโลกที่มลพิษพร้อมจะคร่าชีวิตผู้คนอย่างเลือดเย็น นอกจากทำให้เสียสุขภาพยังทำลายเศรษฐกิจการท่องเที่ยวและภาพลักษณ์ เพราะใครเห็นอย่างนี้คงไม่อยากมาแล้ว เนื่องจากเป็นอันตรายต่อสุขภาพทำให้เมืองไทยกลายเป็นเมืองที่อันตรายและน่ากลัวซํ้าเข้าไปอีกความจริงสัญญาณเรื่องนี้มีมานานแล้ว แต่รัฐบาลที่ผ่านมาต่างไม่ให้ความสำคัญอย่างที่ควร คิดเพียงว่าเป็นเรื่องของฤดูกาลปีหนึ่งเกิดขึ้นครั้งเดียว...ปีหนึ่งก็แก้ปัญหาเฉพาะหน้าไปครั้งหนึ่งเท่านั้นความจริงแล้วเป็นเรื่องใหญ่ เพราะมันทำลายสุขภาพของประชาชน ยิ่งเด็กนักเรียนที่ต้องไปโรงเรียนสูดอากาศพิษเข้าไป ชีวิตก็จะสั้นลงตามไปด้วย“ปักกิ่ง” เมืองหลวงของประเทศจีน เคยมีปัญหาเรื่องนี้ไม่ต่างไปจากไทยที่เมืองทั้งเมืองคละคลุ้งไปด้วยฝุ่นส้มรัฐบาลจีนต้องแก้ไขเรื่องนี้อย่างเป็นวาระแห่งชาติมีการวางแผนงานอย่างเป็นระบบเอาจริง เด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามคำสั่งเพราะถือเป็นเรื่องความมั่นคงของประเทศจึงออกมาตรการต่างๆเพื่อบังคับไม่ว่าจะเป็นการห้ามรถเข้าเมือง ห้ามรถบรรทุกวิ่งในเขตห้ามวิ่ง สั่งปิดปั๊มนํ้ามันทุกแห่งในเมืองให้ไปเปิดนอกเมือง ห้ามรถควันดำวิ่งอย่างเด็ดขาดการก่อสร้างก็ต้องมีการป้องกันฝุ่นที่กระจายออกไปนี่เป็นมาตรการส่วนหนึ่งแต่ก็ยังมีมาตรการอื่นๆอีกมากมายเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดฝุ่น รวมถึงการบังคับโรงงานต่างๆ ปล่อยควันพิษอีกด้วย4 ปีที่ดำเนินการตามมาตรการเต็มรูปแบบที่ต่อเนื่องจึงสำเร็จ!นี่ขนาดว่าจีนซึ่งเป็นประเทศที่สั่งแล้วต้องทำยังต้องใช้เวลาถึง 4 ปี จึงแก้ปัญหาได้ ซึ่งปัจจุบันปักกิ่งท้องฟ้าแจ่มใสหายใจได้อย่างปลอดโปร่งแม้ประเทศจีนยังมีอีกหลายเมืองที่ยังมีฝุ่นพิษ แต่เขาก็แก้ไขไปในแต่ละเมืองจนเหลือน้อยที่สุด ด้วยการดำเนินมาตรการที่เอาจริงเอาจังและเข้มข้นเพราะรัฐบาลเขาสำนึกว่าสุขภาพของประชาชนคือสิ่งสำคัญที่สุดและเป็นผลพวงที่กระทบไปถึงปัญหาอื่นๆที่ตามมา...ประเทศต่างๆในโลกนี้พยายามที่จะแก้ไขเรื่องมลภาวะ ในยุโรปหลายประเทศรณรงค์ให้ประชาชนหันมาใช้จักรยานแทนที่จะใช้รถยนต์ หรือไม่ใช้รถยนต์ส่วนตัว แต่ใช้รถยนต์สาธารณะซึ่งส่วนใหญ่เป็นรถไฟฟ้าทั้งรัฐบาลและประชาชนต่างก็ร่วมมือกันเป็นอย่างดีเพราะเป็นหนทางที่จะแก้ไขปัญหานี้ได้!ประเทศไทยปัญหาหนึ่งคือ การบังคับใช้กฎหมายไม่มีประสิทธิภาพ ทุกวันนี้ยังมีควันดำวิ่ง โรงงานปล่อยมลพิษที่ยังแก้ไขไม่ได้ขนาดโรงงานนํ้าตาลที่มีคำสั่งห้ามรับซื้ออ้อยที่เผา เพราะการเผาอ้อยเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดมลภาวะไม่ต่างไปจากการเผาป่าการเผาป่าแม้ปัจจุบันจะดีขึ้นมาบ้างแต่เป็นเพียงแค่สาเหตุหนึ่งเท่านั้น เพราะยังมีอีกหลายสาเหตุที่ก่อให้เกิดมลพิษวันนี้กำลังจะออกกฎหมายอากาศสะอาด ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะบังคับใช้ได้จริงแค่ไหนต่างๆเหล่านี้เป็นเรื่องที่รัฐบาลจะต้องเริ่มต้นแก้ปัญหาอย่างจริงจังและต่อเนื่อง เพราะไม่ใช่เรื่องของ “โรคประจำปี” ที่เกิดขึ้นปีละครั้งแต่มันเป็นภาวะที่เกิดขึ้นตลอดเวลาที่จะต้องคิดและวางแผนอย่างเป็นระบบและทุกองค์กรจะต้องร่วมมือร่วมใจเพื่อแก้ไขต่อให้เศรษฐกิจดีอย่างไร แต่ถ้าสุขภาพไม่ดีก็ไร้ประโยชน์!"ลิขิต จงสกุล"คลิกอ่านคอลัมน์ “สับรางวันอาทิตย์” เพิ่มเติม