“ผมดูแลปะการัง หญ้าทะเล มีแผนที่ทางทะเลของบริเวณนี้เพื่อจะได้รู้ทุกอาณาเขตเพื่อไปดูแลได้ ทุกอาทิตย์ต้องไปถ่ายรูป ต้องไปเช็กว่าพวกปะการัง หญ้าทะเลยังโอเคไหม เพราะว่าพื้นที่ใต้ทะเลมันมีหลายๆเรื่องที่ต้องระวัง...แล้วงบประมาณที่ผมจ่ายทุกคนไม่เคยรู้เลยว่าผมจ่ายเท่าไหร่ ผมจ่ายเองด้วยนะ ภาครัฐไม่ได้ช่วยเลย” ข้างต้นนี้คือเสียงสะท้อนจาก นพดล สุทธิธนกูล ประธานกลุ่มอนุรักษ์ปะการังเกาะหมาก หนึ่งในคนที่ทั้งรักและรักษ์ทะเลตราดที่ทุ่มเททั้งแรงกายแรงใจที่จะผลักดันให้เกิดการปลูกปะการัง เพื่อฟื้นฟูทะเลอ่าวไทยในภาคตะวันออกให้กลับมามีระบบนิเวศที่สมบูรณ์หลังถูกทำลายไปเกือบหมดด้วย “ภาวะโลกเดือด” ที่เกิดจากการตักตวงผลประโยชน์ของมนุษย์และอุตสาหกรรมที่ทำร้ายโลก เสียงเล็กๆของคนทำงานด้านสิ่งแวดล้อม ที่ยังคงหวังว่า...วันหนึ่งสิ่งที่เขาทำจะสะท้อนให้ “รัฐ” เห็นว่าเรื่องนี้นิ่งดูดายไม่ได้อีกต่อไป“เกาะหมาก” เป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางทะเลในอ่าวตราด ที่ดึงดูดผู้คนทั่วโลกให้มาเยี่ยมเยียน เพราะชายหาดสวยน้ำใสและมีแนวปะการังที่สมบูรณ์ ย้อนไปราวสิบกว่าปีที่ผ่านมา เกาะหมากประสบปัญหาความเสื่อมโทรมของระบบนิเวศ...แนวปะการังที่มีความเปราะบางและอ่อนไหวต่อความเปลี่ยนแปลงอันเกิดจากสภาวะโลกร้อน การใช้ประโยชน์เกินขีดจำกัดของธรรมชาติและการประมงผิดวิธี ทำให้เกาะหมากแทบจะไร้นักท่องเที่ยว ผู้นำชุมชนซึ่งประกอบด้วยห้าตระกูลใหญ่ที่ได้มาบุกเบิกตั้งถิ่นฐานจนปัจจุบันเป็นรุ่นที่ห้าแล้วได้เชื่อมโยงเครือข่ายนักวิชาการ หน่วยงานรัฐ อาสาสมัครจากทั่วโลกรวมตัวกันเพื่อวางแนวทางในการปกป้องฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติ...ระบบนิเวศทางทะเลและชายฝั่ง ด้วยสำนึกความเป็นชาวเกาะหมากที่มีความรักหวงแหนถิ่นกำเนิด อู่ข้าวอู่น้ำ ทรัพยากรธรรมชาติที่มีคุณค่า ดำเนินการฟื้นฟูและอนุรักษ์เกาะหมากอย่างจริงจังด้วยการเรียนรู้ลองผิดลองถูกโดยไม่ท้อถอยเพื่อคืนความสมดุลสู่ธรรมชาติ...แต่ก็พบข้อจำกัดสำคัญว่า พระราชบัญญัติส่งเสริมการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง พ.ศ.2558 มาตรา 16 กำหนดว่าการกระทำใดใดต่อปะการังโดยไม่ได้รับอนุญาตจากกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) เป็นความผิดทางกฎหมายมีโทษทางอาญา พวกเขาจึงจัดตั้ง “กลุ่มอนุรักษ์ปะการังเกาะหมาก” เพื่อทำกิจกรรมฟื้นฟูเกาะหมาก เมื่อ พ.ศ.2557 โดยมีนพดล สุทธิธนกูล เป็นประธาน มีสมาชิก 23 คน นพดล เล่าให้ฟังว่า ผมมีแผนที่ทางทะเลของบริเวณนี้ เพื่อจะได้รู้ทุกอาณาเขตจะได้เข้าไปดูแลได้ทุกอาทิตย์ เพราะว่าพื้นที่ใต้ทะเลมีหลายเรื่องที่ต้องระวัง...ต้องเร่งดำเนินการรอช้าไม่ได้ มีแนวคิดว่าการจัดการทรัพยากรใต้ทะเลเป็นเรื่องสำคัญมาก เพราะพื้นที่ทะเลและมหาสมุทรมีมากกว่าแผ่นดินถึงสามเท่า รัฐบาลและภาคธุรกิจทุ่มเทงบประมาณให้การปลูกป่าบนดินมากมาย แต่ให้ความสำคัญกับการฟื้นฟูและอนุรักษ์ทรัพยากรใต้ทะเลน้อยมาก“ใต้ทะเล”...เป็นแหล่งอาหารและพลังงานที่สำคัญ“สภาวะอากาศเปลี่ยนแปลงและโลกร้อนมีผลทำให้เกิดปัญหาปะการังฟอกขาวทั่วโลก หญ้าทะเลลดจำนวนลงจนทำให้พะยูนในประเทศไทยล้มตายลง เพราะขาดอาหารดังที่เป็นข่าวอย่างต่อเนื่อง...สัตว์ทะเลทั้งหลายก็ได้รับผลกระทบแหล่งอาหารและที่อยู่อาศัย”เตือนใจ ดีเทศน์ หรือ “ครูแดง” กรรมการรางวัลลูกโลกสีเขียว บอกว่า ด้วยการนำของประธานคือคุณนพดลกลุ่มอนุรักษ์ปะการังเกาะหมากที่ให้ความสำคัญกับงาน 4 ด้าน...การอนุรักษ์ปะการัง โดยได้รับการยอมรับจากกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอบรมสมาชิกกลุ่ม 23 คนซึ่งเป็นนักดำน้ำจิตอาสาทำการเพาะเลี้ยงปะการังเพื่อนำไปปลูกในทะเลคืนความสมบูรณ์ให้แนวปะการังและได้รับใบอนุญาตให้ดำเนินการฟื้นฟูปะการังได้ถูกต้องตามกฎหมายสามารถปลูกปะการังได้สำเร็จมากถึง 64,000 กิ่ง ถัดมา...การอนุรักษ์หญ้าทะเล 1,400 ไร่ โดยร่วมกับนักวิชาการคือ ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ แห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ต่อเนื่องกว่า 10 ปีที่ผ่านมา แนวปะการังและหญ้าทะเลเป็นแหล่งดูดซับคาร์บอนที่สำคัญมากกว่าป่าบนบกถึง 30 เท่า...เป็นแหล่งอนุบาลที่อยู่ที่หลบภัยและแหล่งอาหารสัตว์ทะเลนานาชนิดด้านที่สาม...การอนุรักษ์สัตว์ทะเลหายากอันเป็นผลมาจากการอนุรักษ์แนวปะการังและหญ้าทะเล เต่าทะเล พะยูน โลมา วาฬ จึงมีพื้นที่ปลอดภัยและแหล่งอาหารที่สมบูรณ์ ทำให้ขยายจำนวนมากขึ้น โดยกลุ่มอนุรักษ์ฯได้ร่วมกำหนดกติกากับชาวประมงเรือท่องเที่ยวและหน่วยงานที่ทำหน้าที่บังคับใช้กฎหมาย...ไม่ให้มีการวางเครื่องมือประมงและสมอเรือในแนวปะการังและแนวหญ้าทะเลสุดท้าย...จัดการขยะและน้ำเสีย ซึ่งเป็นปัญหาสำคัญของพื้นที่ธุรกิจท่องเที่ยวโดยได้รับความร่วมมือจากรีสอร์ต 43 แห่ง ร้านอาหารและร้านขายของทุกแห่งในกรอบมาให้ทำการแยกขยะบำบัดน้ำเสียนำขยะมาแปรรูปเป็นพลังงาน รวมทั้งมีอาสาสมัครนักดำน้ำจิตอาสา ร่วมกันเก็บขยะใต้ทะเลทุกสัปดาห์ผลที่เกิดจากการดำเนินการของกลุ่มอนุรักษ์ปะการังเกาะหมากได้กำหนดข้อบัญญัติธรรมนูญเกาะหมาก 8 ข้อ...ตกลงกันว่า “อะไรที่ไม่ดี ไม่ควรปฏิบัติ จะกำหนดเป็นข้อห้าม ส่วนอะไรที่ดีก็ควรรักษาไว้”ตัวอย่างเช่นไม่อนุญาตให้เรือเฟอร์รี่ รถยนต์นักท่องเที่ยวเข้ามาบนเกาะ ห้ามใช้ยาเสพติดทุกชนิด ห้ามทำกิจกรรมที่ส่งเสียงดังรบกวนหลัง 22.00 น. ให้รีสอร์ตและกิจการทุกชนิดบนเกาะจัดการขยะน้ำเสีย และร่วมกันรักษาความปลอดภัย ให้ความเป็นมิตรกับนักท่องเที่ยวภาพสะท้อนความสำเร็จฉายชัดเจนในวันนี้...“เกาะหมาก” มีแนวปะการังสมบูรณ์เป็นอันดับสามของประเทศไทย ถูกเลือกให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ยั่งยืน “low carbon destination” และในปี2565 ได้รับการรับรองมาตรฐานเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ยั่งยืน 1 ใน 100 ของโลก.คลิกอ่านคอลัมน์ “สกู๊ปหน้า 1” เพิ่มเติม