คอลัมน์ บอกเล่าเก้าสิบ ใน “หมอชาวบ้าน” ฉบับกรกฎาคม นพ.สุรเกียรติ อาชานานุภาพ เขียนเรื่องทำงานอย่างสร้างสรรค์และมีความสุข ด้วยการมีสติที่เชื่อมจิตนอกกับจิตใน...พลาดอ่านไม่ได้ครับหมออ่านเรื่องนี้ จากหนังสือ นักปฏิบัติและครูสอนเรื่องสติชาวอเมริกัน เอามาผสมกับการค้นคว้าเพิ่มเติมของหมอ ตกผลึกเป็นความรู้ นำมาแบ่งปันกันต่อ ดังนี้สมองส่วนหน้ามีโหมดในการรับรู้ต่างๆที่สำคัญ 2 โหมด โหมดงาน ขอเรียกว่า จิตนอกโหมดงานทำหน้าที่รับรู้การเคลื่อนไหวภายนอก จดจ่ออยู่กับภารกิจหรือปฏิบัติงานต่างๆ รวมทั้งขณะสนทนากับผู้คน ขณะคิดหรือตัดสินใจ หรือแก้ปัญหาโหมดตั้งต้น หรือ โหมดคิด-ใคร่ครวญ ขอเรียกว่า จิตในโหมดตั้งต้น จิตใน ทำหน้าที่ครุ่นคิดใคร่ครวญต่างๆ เช่น คิดเตลิดโลดแล่น คิดเหม่อลอย จินตนาการถึงภาพในอนาคต คิดย้อนทวนอดีต คิดสะท้อนตัวเอง เข้าใจตัวเอง เข้าใจผู้อื่น ทำหน้าที่ขณะพัก มีจิตใจที่สงบผ่อนคลาย ไม่ได้จดจ่ออยู่กับการทำกิจอะไร หรือ ขณะฝันกลางวันบ่อยครั้งที่เราทำงาน จนคิดอะไรไม่ออกหรือมีแผนอะไรคร่าวๆ อยู่ในใจ แต่ยังไม่รู้ว่าจะลงมืออย่างไรเมื่อไปเดินเล่น นั่งเล่นแบบปล่อยใจว่างๆโล่งๆ หรือนอนหลับตื่นขึ้นมา เกิดปิ๊งแวบความคิด ได้คำตอบหรือแผนงานที่ต้องการ หรือบางครั้งนอนๆอยู่ ตอนใกล้รุ่ง เกิดมีความคิดดีๆโพล่งขึ้นมา จนต้องลุกขึ้นมานั่งเขียนไว้กันลืมนั่นคือ...เมื่อพักสมอง จิตใจจะทำงานอย่างแข็งขันจิตนอกกับจิตในจะทำหน้าที่สลับกันไปมาตลอดเวลา เมื่อจิตหนึ่งทำหน้าที่ อีกจิตหนึ่งจะไม่ทำหน้าที่กล่าวคือ ขณะวุ่นวายอยู่กับการทำกิจต่างๆ เราจะจดจ่อกับสิ่งภายนอกตรงหน้า และจะไม่ตามรู้ความคิดที่เกิดขึ้นในใจ ไม่เกิดความคิดสร้างสรรค์พัฒนางาน ทั้งนี้ เนื่องจากจิตนอกทำหน้าที่ จิตในจะไม่ทำหน้าที่หรือขณะอยู่ว่างๆ ไม่ได้ทำภารกิจอะไร เราก็มักจะคิดเรื่อยเปื่อย ขาดสมาธิในการทำงาน ทำให้ขาดประสิทธิภาพในการทำงาน ทั้งนี้เนื่องจากจิตในทำหน้าที่จิตนอกจะไม่ทำหน้าที่สำหรับผู้ที่ฝึกสติได้แก่กล้า จนมี “สติใช้งาน” สติแบบธรรมชาติ คือ มีสติตื่นรู้อยู่กับปัจจุบันขณะ (ที่นี่ เดี๋ยวนี้) ตามรู้การทำหน้าที่ของโหมดงาน หรือจิตนอก (ตามรู้ ทันการเคลื่อนไหวภายนอก เช่นการทำภารกิจต่างๆ)และทำหน้าที่ตามรู้ของโหมดตั้งต้น หรือจิตใน (ตามดูรู้ทันการเคลื่อนไหวภายใน เช่น ความคิด อารมณ์ ความรู้สึก)รวมทั้งทำให้สมองสองโหมดนี้ (จิตนอกและจิตใน) ทำหน้าที่ได้สมดุล และมีประสิทธิภาพ คือจิตไม่ฟุ้งซ่าน หรือคิดเรื่อยเปื่อย มีสมาธิ และควบคุมกำกับตนเอง ขณะปฏิบัติภารกิจต่างๆทำให้เกิดผลดี 2 ประการ ดังนี้1.การรู้ตน คือรู้ทันกำลังมีปฏิสัมพันธ์ (เช่นพูดคุย) กับคนอื่น เราคิดอะไร รู้สึกอย่างไร เกิดอารมณ์อย่างไรเมื่อรู้ตน ก็จะควบคุมตนเอง ทำให้มีปฏิสัมพันธ์และการสื่อสารเชิงบวก ช่วยให้อยู่ร่วมกันและทำงานด้วยกันกับคนอื่นด้วยดี2.จิตมีความสงบและผ่อนคลาย ก็จะมีช่วงที่จิตในสลับมาทำหน้าที่ ในระหว่างการปฏิบัติภารกิจ เกิดการใคร่ครวญทบทวนสิ่งที่ทำ และปรับวิธีทำ ทำให้มีการสร้างสรรค์พัฒนางานให้ดียิ่งขึ้นๆตามวงจร “ออกแบบ-ลงมือทำ-เรียนรู้-ปรับปรุง-พัฒนา”อันไม่สิ้นสุดหมอสุรเกียรติ สรุป...เมื่อฝึกฝนตนเองจนเกิดสติแก่กล้า มีจิตที่รู้นอก รู้ใน รู้รูป รู้นาม คือตามรู้การเคลื่อนไหวภายนอก รู้การเคลื่อนไหวภายใน ทำให้เราสามารถบรรลุซึ่งภาวะ “คนสำราญ งานสำเร็จ” ในทุกก้าวย่างของชีวิต.กิเลน ประลองเชิงคลิกอ่านคอลัมน์ “ชักธงรบ” เพิ่มเติม