เหล้าเหมาไถ ขวดที่คุณพินิจ จารุสมบัติ เพื่อนเก่ารุ่นข่าวถังแดงที่พัทลุง ปี 2518 ฝากมาให้ ถูกแพงแค่ไหนไม่รู้ แต่มีแรงดูดถึงขั้นน้องๆในโรงพิมพ์หลายคน เข้าคิวขอจิบก็แค่จิบหนึ่งจิบสองจิบนะครับ ไม่ใช่อึก เหล้าเหมาไถดีกรีแรงถึง 53 ดีกรีในหนังสืองำประกาย กโลบายไร้ผู้ต่อต้าน (เห่ง อู๋อั๊ง เขียน อธิคม สวัสดิญาณ แปล สำนักพิมพ์เต๋าประยุกต์ พ.ศ.2553) เล่าเรื่องเหมาไถ ไว้เร้นลึกกว่า ที่เพื่อนค้นกูเกิลส่งมาให้ ไม่เชื่อก็ลองอ่านเจี้ยนเหยินศก 6 (ก่อนคริสตกาล 135 ปี) สมัยราชวงศ์ซีฮั่น ส่งทูตชื่อ ถางเหมิง ไปหนานเยว่ (กวางเจา ปัจจุบัน) ได้ลิ้มรสสุราโก่วเจี้ยง (สุราชื่อดัง หมักบ่มด้วยฝีมือชาวผู ชนพื้นเมืองลุ่มน้ำเซ่อสุ่ย) ที่เจ้าแห่งหนานเยว่จัดเลี้ยง ก็ติดใจเที่ยวกลับ แทนที่จะเดินทางตรง กลับอ้อมไปทางเมืองเหยินไฮว๋ แวะซื้อสุราโกวเจี้ยง นำกลับไปถวายจักรพรรดิฮั่นอู่ตี้ เสวยแล้วตรัสชม “กลมกล่อมยิ่ง” โปรดถางเหมิงถึงกับเลื่อนตำแหน่งให้สุราโกวเจี้ยงโด่งดังมาถึงสมัยราชวงศ์ถาง ราชวงศ์ซ่ง เมืองเหยินไฮว๋กลายเป็นอู่สุรา จนสมัยราชวงศ์ชิง มีบันทึกว่า เป็นสุราคุณภาพเป็นเลิศ ที่เหยินไฮว๋มีโรงหมักบ่มมากกว่า 20 โรงยกย่องกันว่า แคว้นชาวเฉียน ยอดสุรา “ลมโชยเพื่อนบ้านเมาสามครัว” “หลังเปิดขวดหอมสิบลี้”รัชสมัยเฉียนหลง (ค.ศ.1784) สุราเจี๋ยเซิ่ง หมู่บ้านเหมาไถ ถูกตั้งชื่อเป็นทางการ “สุราเหมาไถ”ปี ค.ศ.1881 เริ่มโครงการเปิดคลองปานามา สหรัฐฯบีบให้ปานามาลงนามในสนธิสัญญาไม่เสมอภาค ยอมให้ครอบครองสิทธิขุดเจาะคลอง ต้นปี ค.ศ.1912 รัฐสภาสหรัฐอเมริกา ลงมติจัดนิทรรศการสินค้านานาชาติ เพื่อเฉลิมฉลองขุดคลองปานามาสำเร็จเดือนมีนาคมปีนั้น รัฐบาลจีนได้รับหนังสือเชิญร่วมงานแสดงสินค้า หยวน ซื่อไข่ ประธานาธิบดีชั่วคราวรัฐบาลสาธารณรัฐจีน สั่งกระทรวงอุตสาหกรรมรับผิดชอบเตรียมการมณฑลกุ้ยโจว เสนอสุราเหมาไถ ของโรงงานเฉิงอี้ และหยงเหอ เข้าร่วมงานประกวด20 ก.พ.1915 นิทรรศการสินค้านานาชาติปานามา เปิดที่ซานฟรานซิสโก มีหน่วยงานบริษัทห้างร้านเข้าร่วมกว่าสองแสนราย ชาวจีนในชุดเสื้อคลุมยาวถูกมองเป็นคนป่วยแห่งเอเชียตะวันออกสุราเหมาไถในขวด และไหดินเผา จึงพลอยถูกคนทั่วไปเมิน ตั้งแสดงจนใกล้งานปิด ก็ไม่มีใครแวะไปถามไถ่ตัวแทนจีนคนหนึ่ง ขมวดคิ้วคิดหาวิธี แล้วเขาก็ถือขวดสุราเหมาไถเดินเข้าไปบริเวณจุดพลุกพล่านที่สุด แสร้งซุ่มซ่ามทำขวดสุราเหมาไถหล่นแตกทันทีนั้น กลิ่นหอมของสุราเหมาไถอันหอมหวนก็แพร่กระจายแตะจมูกผู้คน ดึงดูดความสนใจคนที่ไปงาน คณะกรรมการตัดสินเกิดปัญหาใหญ่ พวกเขาตัดสินรางวัลชนะเลิศให้สินค้าอื่นไปแล้วแต่เมื่อพวกเขาเพิ่งรู้ชัด สุราเหมาไถเป็นเหล้าขาวที่ดีที่สุดในโลก ก็ต้องตัดสินใจ ให้รางวัลชนะเลิศแก่สุราเหมาไถเป็นกรณีพิเศษ สุราเหมาไถก้าวข้ามรั้วจีนออกมาก็เริ่มมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั้งโลกนับแต่นั้นผมอ่านตำนานสุราเหมาไถมาถึงตอนจบ แรกก็ยังงงๆ มันเกี่ยวกับหัวข้อเรื่อง งำประกาย กโลบายไร้ผู้ต่อต้าน ตรงไหน อ่านต่อไป เจอคำพังเพย “สุราดียังกลัวอยู่ตรอกลึก” และคำอธิบายสุราหอมหวนเพียงใด ถ้าอยู่ลึกถูกปิดล้อมจากบูธแสดงสินค้าหลายๆชั้น ผู้เยี่ยมชมก็คงไม่ได้กลิ่น ก็จึงพอเข้าใจ แต่ที่ระทึกกว่า ก็คือตรงที่รู้ว่า ต้นตำรับสุราเหมาไถเมื่อกว่าสองพันปี เกิดจากเมืองหนานเยว่รู้กันบ้างแล้วนี่นา หนานเยว่ คือหนึ่งในไป๋เยว่ ชนป่าเถื่อนร้อยเผ่า...หนานเยว่คือ ชนเผ่าไทยดั้งเดิมถึงเผ่าเยว่จะรบแพ้เผ่าฮั่น...จะอยู่ร่วมกันกลมกลืน หรือหนียะย่ายพ่ายจะแจมาลงหลักปักฐาน เป็นไทยในวันนี้ก็ตามที แต่เผ่าเยว่ได้พิสูจน์ให้รู้แล้วว่า เหนือกว่าเผ่าใดๆคือ ฝีมือการหมักบ่มเหล้าที่วันนี้ชื่อ เหมาไถนี่เอง.กิเลน ประลองเชิงคลิกอ่านคอลัมน์ "ชักธงรบ" เพิ่มเติม