เรื่องคุณชายบ้านลู่ บ้านเศรษฐีประตูตะวันออกของเมือง เติงซาน มณฑลชานตง ขอทานชื่ออาโกวจื่อ เลือกทำเลขอทาน อยู่ทางบ้านทิศใต้ของเมือง...ไม่ใช่นิทาน แต่เป็นเรื่องจริงผู้เล่าไม่ได้เล่าออกจากปาก แต่เขียนเป็นหนังสือชื่อ หวนซูเต้าหยิน ขุนนางเก่าสมัยราชวงศ์หมิง จึงเดาได้ว่าเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในสมัยนั้น...เรื่องคุณชายลู่...เริ่มต้นว่า เวลาตะวันทอแสงแรงกล้า...อากาศร้อนแต่มีลมเย็นพัดผ่าน ชาวบ้านหลายครอบครัวสวมเสื้อบางๆ กางเกงขาสั้น ยึดทำเลใต้ร่มไม้ใหญ่นั่งตากลมกำลังสบายๆทันทีนั้น ก็มีเสียงเอะอะอึกทึก แน่ละ! ต้องมีเรื่องน่าตื่นตา ตื่นใจ หลายคนวิ่งออกไปนอกถนน ดูขอทานหนุ่มหน้าตาดีคนหนึ่ง สวมเสื้อปอขาดวิ่น มือถือชามกะละมัง...กำลังเดินขอทานตอนแรกมีชาวบ้านคนสองคนให้ข้าวให้ของกินขอทานคนนั้นไปบ้าง แต่พอมีจำกันได้ ขอทานหนุ่มคนนั้น...ไม่ใช่ขอทานธรรมดา...แต่เป็นคุณชายลู่ ลูกชายเศรษฐีมหาศาล บ้านหลังใหญ่ใกล้ประตูตะวันออกของเมืองระหว่างคุณชายลู่ขอทาน ชาวบ้านก็ปากหอยปากปูวิจารณ์ คนหนึ่งว่าคุณชายวันๆอยู่แต่ในบ้าน ทำอะไรไม่เป็น เอาแต่นั่งกินนอนกิน จนมีเสียงค่อนขาด วันข้างหน้าถ้าบ้านเศรษฐีเกิดยากจน จะอดตายคุณชายคิดอะไรไม่ออก จะทำอะไรกิน จึงยืดอกบอก...คงไม่อดตาย ถ้ารู้จักขอทานเขากินซุ่มเสียงนินทายืดยาวไปกันใหญ่ ในโลกนี้ยังมีคนโง่เขลาเบาปัญญา เหยียบย่ำตัวเองอย่างนี้อยู่ด้วยหรือ ทรัพย์สมบัติที่มีนับไม่ถ้วน ทำไมไม่รู้จักนำออกมาหาประโยชน์ให้งอกเงยสารพัดเรื่องที่จะคิดกันได้ ก็ยิ่งพูดกันไปเรื่องแปลกๆทำนองนี้เกิดที่ไหนก็ได้ แต่ที่เมืองเติงซานยังมีเรื่องแปลกประหลาดอีกเรื่องตามมา...วันหนึ่ง ทางตะวันออกของเมือง อาโกวจื่อขอทานตัวจริงๆเดินผ่านเข้าไปในป่าช้า...ขณะถึงใต้ร่มไม้ใหญ่...ถุงผ้าปอก็หล่นโครมลงมา...ตรงหน้าอาโกวจื่อเดินเข้าไปจับแล้วยกขึ้น ถุงนี้หนักมาก เมื่อเปิดดูเกิดสิ่งมหัศจรรย์ ทองคำเปล่งประกายเหลืองอร่ามเต็มถุงชั่วเวลาพริบตา...เดียว อาโกวจื่อที่คนทั้งเมืองเห็นก็รู้เป็นขอทาน...กลายเป็นเศรษฐีไปแล้วนับจากเวลานั้นอาโกวจื่อก็เปลี่ยนไป เขาวางท่าทางยโสใหญ่โต เอาทองคำไว้กับตัวเดินอวดโอ้ไปทั้งเมืองก็ตามธรรมดาเรื่องของอาโกวจื่อขัดหูขัดตาชาวเมือง มีคนเก่ง ภาษาหนังสือแต่งเป็นบทกวีขอทานโชคช่วยเกิดรวยในชั่วคืน พลันหลงลืมมิรู้ว่าตนเป็นใครมาก่อน แบกทองไว้บนบ่า ผูกทองไว้ที่เอว วิ่งจากใต้ไปจดตะวันออกและทิศเหนือ วางท่ายโสโอ้อวดไปตลอดทางขอทาน ขอทานเอ๋ยคนโฉดเขลาเบาปัญญาอย่าได้ฝันเฟื่อง เตาบ้านใครไม่มีควัน แกมีทอง ใครบ้างที่ไม่มี?เขามีความรู้ แต่แกสิไม่มีบทเสียดสีที่เป็นภาษากวีอ่านยากแปลยากนัก ก็ยังมีคนเก่งช่วยสรุปเป็นภาษาง่ายๆ...คุณชายบ้านลู่กับขอทานอาโกวจื่อ คนหนึ่งไม่รู้ว่าตนมี แต่อีกคนไม่รู้ว่าตนไม่มีคนหนึ่งดูหมิ่นตนเองต่ำเกินไป อีกคนก็ตีค่าตัวเองสูงเกินไปหลายบ้านเมืองในโลกที่มีคนไม่รู้จักตัวเองเช่นนี้...จึงมักมีแต่เรื่องเดือดร้อนหากขอทานจะทุกข์เพราะไม่มีคนให้ข้าวให้น้ำกิน ก็เป็นเรื่องธรรมดา แต่ถ้าเจอเศรษฐีหาความสุขไม่ได้ ก็อย่าได้เวทนา มีเงินมากแล้วยังบ้าหาอำนาจ เขาไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วอำนาจคือ เภทภัยใส่ตัว.กิเลน ประลองเชิงคลิกอ่านคอลัมน์ "ชักธงรบ" เพิ่มเติม