ตรงหน้ามีหนังสือหนึ่งเล่ม ปกบอกว่า ขุมปัญญาพุทธเต๋าขงจื๊อ ภายในมี 60 เรื่อง ผมตั้งจิต “มโน” ถึงชีวิตคนงานไทย ที่ตายไปแล้ว ชีวิตที่ถูกจับเป็นตัวประกัน ชีวิตที่กำลังจะได้กลับไทย... และ...สงครามอิสราเอล-ปาเลสไตน์ ที่กำลังยืดเยื้อต่อไป...แล้วก็เปิดหนังสือวิธีนี้...เหมือนเสี่ยงเซียมซี แต่ที่จริงเป็นวิธีที่คนปักษ์ใต้รุ่นเก่า... ใช้เรียกวิธีแทงศาสตรา ตั้งจิตอธิษฐาน แล้วใช้พระขรรค์เล็ก สอดแทรกเข้าไปเปิดหนังสือ ภายในมีวรรณคดีสารพัดเรื่องเออ! ไม่อยากเชื่อ ก็ต้องเชื่อสายตา...เทวดาท่านตอบปัญหาตรงใจ ผมเปิดเจอ เรื่องที่ 34...รบกันบนยอดเขาหอยทาก...สมัยโบราณนานมาแล้ว เมื่อคนเราเงยหน้าขึ้นมองฟ้ากว้าง ก็มักจะเจอว่า ฟ้าเหมือนฝาชีครอบแผ่นดิน มีรูปสี่เหลี่ยมกระดานหมากรุก ต่อมามีบางคนก็มองเห็นว่า ฟ้าดินเหมือนไข่นก ฟ้าหุ้มดินเหมือนเปลือกหุ้มไข่แดงเวลาผ่านไป คนเราใช้สายตาพินิจพิจารณา ใช้สติปัญญามากขึ้น จึงได้รู้ความจริงว่า ที่แท้บนท้องฟ้ากว้างใหญ่ไพศาลนั้น มิใช่มีเพียงพระอาทิตย์และดวงจันทร์ ยังมีดวงดาวอีกมากมายเฉพาะดวงดาวที่โคจรรอบดวงพระอาทิตย์มีถึง 9 ดวง โลกที่เราอยู่เป็นหนึ่งในนั้น และระบบสุริยะจักรวาล เป็นแต่เพียงระบบหนึ่งในระบบดาวอันนับไม่ถ้วนและตอนนี้เอง ที่เรามองขึ้นไปบนท้องฟ้า จึงพากันอุทานด้วยความตื่นเต้น “ใช่แล้ว เหนือฟ้ายังมีฟ้าอยู่จริงๆ”เมื่อคนเราค้นพบความลับในจักรวาลมากๆเข้า ก็ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองเล็กลงไปทุกที ชีวิตคนเมื่อเปรียบเวลาของจักรวาล ไม่ผิดอะไรกับประกายไฟแลบแว่บหนึ่ง เมื่อหินเหล็กไฟสองก้อนกระทบกันคนตัวเล็กอย่างเรา ทำอะไรกันบ้าง ในชีวิตอันแสนสั้น มีนิทานเรื่องหนึ่ง จะเล่าให้ฟังในสมัยโบราณกว่าสองพันปีที่แล้ว ในดินแดนเหลียงมีนักปราชญ์อยู่คนหนึ่ง ชื่อ ไต้จิ้นเหยิน คราวหนึ่งเขาพูดกับเว่ยอ๋องว่า บนยอดเขา ข้างซ้ายของหอยทากมีแคว้นซู่ ส่วนยอดเขาของหอยทากข้างขวาชื่อว่าแคว้นหมางแคว้นทั้งสองมักจะรบเพื่อแย่งชิงดินแดนของกันและกัน จนตายไปหลายหมื่นคนแคว้นที่รบชนะ ก็มักจะไล่ฆ่าฟันแคว้นที่รบแพ้ นานถึง 15วัน จึงจะหยุดเว่ยอ๋องส่ายหน้า...ไม่เชื่อไต้จิ้นเหยิน จึงถาม “ท่านอ๋องเห็นว่า ฟ้าดินสี่ทิศมีขอบเขตกว้างหรือไม่ เว่ยอ๋องตอบว่า ไม่” ไต้จิ้นเหยิน จึงว่า “เมื่อเป็นเช่นนั้น ความคิดจิตใจของเราจะสามารถท่องไปในจักรวาลอันไร้ขอบเขตหรือไม่?ตรงกันข้าม รอยเท้าของเราก็จะไปได้เพียงแค่พื้นที่ที่ห้อมล้อมไปด้วยสี่มหาสมุทร เพราะฉะนั้น โลกที่เราอยู่เมื่อเทียบกับจักรวาลอันกว้างใหญ่ไพศาล ก็เล็กแสนเล็กใช่หรือไม่?”เจอโวหารมีเหตุผลคิดตามเป็นจริงได้ เว่ยอ๋อง ก็พยักหน้า “ถูกของเจ้า”ไต้จิ้นเหยิน กล่าวต่อ “ภายในสี่มหาสมุทรมีแคว้นเว่ย เดิมอยู่เหอตง ต่อมาถูกแคว้นฉินบีบจนต้องมาอยู่ในแคว้นเหลียง”“ท่านอ๋อง บัดนี้ท่านมาอยู่ในแคว้นเหลียง จักรวาลนั้นใหญ่โตนัก เทียบท่านอ๋องก็เล็กนิดเดียว มีอะไรต่างกันกับแคว้นจิ๋วๆ สองแคว้นบนยอดเขาหอยทากนั้นเล่า”“ใช่แล้ว ไม่มีอะไรแตกต่างกันเลย” เว่ยอ๋องจำนนต่อเหตุผล ล้มเลิกความคิดที่จะทำสงครามขยายดินแดนบทสรุป ซึ่งไม่ใช่คำทำนาย แต่เป็นคำรำพึงมากกว่า...เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อกว่าสองพันปีที่แล้ว แต่ถึงวันนี้มนุษยชาติก็ยังรบราฆ่าฟันแย่งชิงดินแดนกันอยู่ ดูเหมือนจะไม่หยุดยั้งกันเลยแก่งแย่งแข่งขันกันในแสงวาบของหินเหล็กไฟ จะมีเวลาให้สักเท่าใด? ต่อสู้ช่วงชิงกันบนยอดเขาหอยทาก โลกนี้ใหญ่นักหรือ?กิเลน ประลองเชิงคลิกอ่านคอลัมน์ “ชักธงรบ” เพิ่มเติม