ค่าไฟฟ้าแพง สร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจในวงกว้าง เป็นผลงานของรัฐบาล 3 ลุง ทำให้ราคาสินค้าและบริการแพงขึ้น กระทบต่อรายได้และค่าครองชีพของประชาชนทุกครัวเรือน ระหว่างรอการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ ลองไปดูนโยบายแก้ปัญหา “ค่าไฟแพง” ของ พรรคก้าวไกล ที่จะทำใน 100 วันแรก ที่ได้เป็นรัฐบาลกันดูนะครับคนที่เปิดเผยเรื่องนี้คือ คุณเดชรัต สุขกำเนิด ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยนโยบายเพื่ออนาคตพรรคก้าวไกล หนึ่งในทีมเศรษฐกิจพรรคก้าวไกล อดีตอาจารย์มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์การแก้ปัญหาค่าไฟแพงของพรรคก้าวไกล ส่วนใหญ่ก็เป็นไปตามข้อเรียกร้องของเอกชนในช่วง รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แต่ไม่ได้รับการแก้ไข คุณเดชรัต บอกว่า ใน 100 วันแรกที่เป็นรัฐบาล จะแก้ไขให้จัดสรรก๊าซจากอ่าวไทย (ที่ราคาถูกกว่าก๊าซในตลาดจร) มาใช้ผลิตไฟฟ้าสำหรับบ้านอยู่อาศัยเป็นลำดับแรก รวมทั้งก๊าซจากเมียนมา แทนที่จะส่งให้โรงงานปิโตรเคมีก่อน เพื่อให้การผลิตไฟฟ้ามีต้นทุนต่ำลง จะเร่งเจรจากับกัมพูชา เรื่อง พื้นที่ไหล่ทวีปที่คาบเกี่ยวกับไทย–กัมพูชา ให้ได้ข้อยุติโดยเร็ว (รัฐบาลสามลุงครองอำนาจมา 8 ปี แต่ไม่มีอะไรคืบหน้า) เพื่อนำทรัพยากรขึ้นมาใช้ต่อเนื่องในราคาที่เหมาะสมเรื่อง “ค่าความพร้อมจ่าย” ที่รัฐจ่ายให้กับโรงไฟฟ้าเอกชน SPP และ IPP ไม่ว่าจะเดินเครื่องผลิตไฟฟ้าหรือไม่ ต้นทุนค่าไฟตรงนี้ประชาชนต้องจ่ายเพิ่มทั้งที่ไม่ได้ใช้ไฟเลย เป็นสัญญาที่รัฐทำเสียเปรียบเอกชนและยาวนานถึง 25 ปีคุณเดชรัต บอกว่า หากปลดล็อกสัญญาค่าความพร้อมจ่าย จะทำให้ค่าไฟฟ้าถูกลงได้อีก จะเข้าไปดูว่าในระยะ 5–10 ปีนี้ จะมีโรงไฟฟ้าใดหมดอายุสัญญาลงบ้าง จะเชิญมาหารือเพื่อหาแนวทางที่เหมาะสมรัฐบาลอาจมีข้อเสนอที่เอกชนยอมรับได้ เช่น การให้สิทธิลงทุนด้านพลังงานหมุนเวียน ต่อไปจะไม่มีการส่งเสริมพลังงานฟอสซิลในอนาคต รวมทั้ง ทบทวนแผนการผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย (PDP) ใหม่ เพื่อให้การจัดตั้งโรงไฟฟ้าใหม่ มีส่วนสำคัญในการช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลดโลกร้อนนโยบายที่ผมชอบมากและเขียนเรียกร้องมานานแล้ว แต่ไม่ได้รับการตอบสนองจากรัฐบาลสามลุง ก่อนยุบสภารัฐบาลลุงยังอนุมัติให้บริษัทไฟฟ้าเอกชนสัมปทานโรงไฟฟ้าหมุนเวียนไปอีกกว่า 5,000 เมกะวัตต์ แต่ไม่ส่งเสริม “โซลาร์รูฟท็อปเสรี” เพื่อให้ประชาชนทุกครัวเรือนติดตั้งโซลาร์เซลล์บนหลังคาบ้าน เพื่อผลิตไฟฟ้าใช้เอง ไฟฟ้าที่เหลือใช้ก็ขายต่อให้กับการไฟฟ้า ซึ่งจะช่วยลดค่าไฟฟ้าในครัวเรือนลงได้อย่างมาก ทำให้การติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปคุ้มค่าการลงทุนคุณเดชรัต ทีมเศรษฐกิจพรรคก้าวไกล บอกว่า พรรคก้าวไกลมีนโยบาย “เปิดเสรีโซลาร์รูฟท็อป” เพื่อให้ทุกครัวเรือนใช้หลังคาบ้านผลิตไฟฟ้าใช้เอง พรรคก้าวไกลจะเข้าไป แก้ไขระเบียบการรับซื้อไฟฟ้าที่ผลิตได้จากโซลาร์รูฟท็อป ด้วยการนำเอา ระบบ Net Metering มาใช้ หลักการของ Net Metering คือ เมื่อมีการผลิตไฟฟ้าจากโซลาร์รูฟท็อปมาใช้เองในตอนกลางวัน แต่ตอนกลางคืนจำเป็นต้องซื้อไฟจากการไฟฟ้ามาใช้ในอัตรา 4.70 บาทต่อหน่วย ผู้ติดตั้งโซลาร์ รูฟท็อป สามารถนำหน่วยการใช้ไฟฟ้าตอนกลางวัน มาหักกับหน่วยไฟฟ้าที่ใช้ในตอนกลางคืนได้ จะช่วยให้ลดค่าไฟลงได้อย่างมาก ปัจจุบันการไฟฟ้ารับซื้อไฟฟ้าจากโซลาร์รูฟท็อปในอัตรา 2.20 บาทต่อหน่วยคุณเดชรัต บอกว่า เมื่อจัดตั้งรัฐบาลเสร็จแล้ว จะเร่งดำเนินการให้เสร็จภายใน 100 วัน แก้ไขระเบียบต่างๆ ปลดล็อกการขออนุญาตการติดตั้งโซลาร์รูฟท็อป ให้มีความสะดวกมากขึ้นแค่ ปลดล็อกอำนาจรัฐ ไปเพียงเรื่องเดียว คนไทยก็ได้ใช้ไฟฟ้าราคาถูกลงทันที สถาบันวิจัย TDRI เคยสำรวจพบว่า พ.ร.บ.112 ฉบับ และอนุบัญญัติ 410 ฉบับ ใน 16 กระทรวงปัจจุบัน เป็นอุปสรรคที่สร้างต้นทุนที่ไม่จำเป็นให้กับเอกชนสูงถึง 279,000 ล้านบาทต่อปี นี่คือเงินในกระเป๋าของประชาชนที่ถูกปล้นไปทุกปีจาก “ระบบรัฐราชการ” ที่คิดว่า ใบอนุญาตทุกอย่างเป็นของข้า ประชาชนต้องมาขอต้องมาวิ่งเต้น.“ลม เปลี่ยนทิศ”