หลุดพ้นวังวนความขัดแย้ง 17 ปีที่ผ่านมา สลายตรงนี้ให้ได้เริ่มที่สภาผู้แทนราษฎรเป็นวลีที่ นายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว. เน้นย้ำก่อนผลการเลือกตั้งออกมา ส่งสัญญาณถึง ส.ส. 500 คนที่กำลังเดินเข้าสภา เพราะตลอดระยะเวลาที่หาเสียงมีความพยายามแบ่งขั้วการเมือง ฝ่ายหนึ่งถูกเรียกเป็นอนุรักษ์นิยมและอีกฝ่ายที่เป็นเสรีนิยม แบ่งเป็นขั้วความคิดที่แตกต่างหรือหลากหลาย เป็นสิ่งที่มีในระบอบประชาธิปไตยดอกไม้หลากสีย่อมงามงดเสมอเปรียบเสมือนต้นไม้ใหญ่ที่สมบูรณ์ มีรากแก้ว รากฝอย กิ่งก้านสาขา ดอกผล เช่นเดียวกับบ้านเมืองหรือการตัดสินใจทำอย่างใดอย่างหนึ่ง ควรมีหลากหลายขั้วความคิด หารือด้วยเหตุผลและสันติ เพื่อร่วมนำพาประเทศถ้าทำลายราก ต้นไม้ก็ตาย แต่ถ้าเอารากไว้ ไปลิดรอนกิ่งก้าน ดอกผล ต้นไม้ถึงไม่ตายมันก็ไม่งดงาม เช่นเดียวกับการเปลี่ยนแปลงบ้านเมือง ไม่ควรหักรากถอนโคน ไม่ควรลิดรอนกิ่งก้าน ดอกผล การเมืองที่เป็นจริง บ้านเมืองที่เป็นจริงในระยะเปลี่ยนผ่าน อันนี้มีความสำคัญ ควรหารือร่วมกันอย่างให้เกียรติกันและกัน ไม่ตั้งต้นด้วยการประณามหยามเหยียดอนุรักษ์–เสรีนิยมต้องเดินไปด้วยกันหลังเลือกตั้งไม่แน่ใจมันสลายไปได้หรือไม่ ทั้งเงื่อนไขต่างๆ ที่หลายพรรคการเมืองประกาศขึงตึง ร่วมรัฐบาลหรือไม่ร่วมกับพรรคใด กับบุคคลใดทำให้การเมืองในสภาค่อนข้างขึงตึง สุดท้าย 17 ปีที่ขัดแย้งหรือเอาแค่ 4 ปีที่ผ่านมา กลับมาอยู่แค่ขั้วรัฐบาลและขั้วฝ่ายค้านเดิม พอกลับคำย่อมมีปัญหาต่อฐานเสียงนิยม 250 ส.ว.โหวตนายกฯจะอย่างไร นายคำนูณ บอกว่า วุฒิสภาครบวาระเดือน พ.ค.67 ซึ่งมีอำนาจร่วมเลือกนายกฯเป็นครั้งสุดท้ายขอย้อนกลับไปดูการโหวตนายกฯ ครั้งแรกปี 62 ส.ว.ไม่มีความกดดัน เพราะทุกคนเข้ามาตามรัฐธรรมนูญ และใช้อำนาจตามรัฐธรรมนูญ แม้มีการเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญ ปิดสวิตช์ ส.ว.โหวตนายกฯ 2-3 ครั้งก็ไม่ผ่านวาระแรก มี ส.ว.เห็นชอบมากสุดราว 30-40 คน ไม่ถึง 84 คนตามเงื่อนไขฉะนั้นหลังเลือกตั้ง 14 พ.ค.66 เปิดประชุมรัฐสภา พิจารณาเลือกนายกฯ มีสมาชิกรัฐสภา 750 คน ซึ่งเป็น ส.ส. 500 คน และ ส.ว. 250 คน ส.ว.โหวตเลือกใครขึ้นอยู่กับเหตุการณ์ในวันนั้น!!คณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการวุฒิสภา (วิปวุฒิ) มีโอกาสหารือถึงบทบาทที่ผ่านมา ถูกวิพากษ์วิจารณ์ เช่น ถูกกล่าวหาว่าสืบทอดอำนาจ หรือหารือถึงการโหวตนายกฯ อย่างไร นายคำนูณ บอกว่า ไม่พูดในวิปวุฒิแต่พูดนอกรอบกันบ้าง มีความคิดเห็นที่แตกต่าง หลากหลาย ถือเป็นความงดงามอย่างหนึ่ง ตราบใดที่ยังไม่รู้ผลการเลือกตั้ง ไม่รู้ปรากฏการณ์จัดกลุ่มพันธมิตรของพรรคการเมือง ที่จะเสนอชื่อแคนดิเดตนายกฯ การพูดคุยคงแตกกระจาย ไม่สามารถนำมาเป็นประเด็นได้ ขณะนี้ทุกอย่างอยู่ในการคาดการณ์ทั้งสิ้นเมื่อมีประเด็นเหล่านี้เข้าที่ประชุมรัฐสภา ส.ว. ถือว่าเป็นอิสระในการใช้วิจารณญาณที่จะลงมติ ไม่มีการครอบงำกันบางพรรคการเมืองเสนอให้ 250 ส.ว.ต้องสนับสนุนขั้วการเมืองที่รวมเสียง ส.ส.เกิน 250 เพื่อเคารพอำนาจของประชาชนที่เลือก ส.ส.เข้ามา นายคำนูณ พาย้อนอดีตไปดูประเพณีทางการเมือง บางครั้งพรรคการเมืองจับกลุ่มได้จนถึงวันเลือกประธานสภา และเลือกนายกฯ ก็จบไป“บางครั้งจับกลุ่มแล้วแม้ได้เสียงข้างมากตอนแรก เลือกประธานสภาไปแล้ว สุดท้ายสถานการณ์การเมืองเปลี่ยนไป วันเลือกนายกฯ มีเหตุพลิกผันจำได้ไหมปี 2526 พรรคที่ได้เสียงข้างมาก ไม่ได้เป็นนายกฯ เพราะบางพรรคเปลี่ยนมติไปจับกับกลุ่มใหม่และเลือกคุณอุทัย พิมพ์ใจชน จากพรรคก้าวหน้าให้เป็นประธานสภา ซึ่งพรรคก้าวหน้ามีแค่ 3 เสียง สุดท้าย พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ เป็นนายกฯ อีกสมัย ไม่ได้บอกว่าครั้งนี้จะเกิดขึ้นอีก ไม่คิดว่าจะเกิดขึ้น แค่ชี้ให้เห็นถึงประเพณีทางการเมืองที่เคยเกิดขึ้น มันเป็นธรรมชาติที่จะปกครองประเทศได้ ต้องเป็นเสียงข้างมากในสภาหรือกรณี ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช มี 18 เสียง ยังเป็นนายกฯได้ เพราะพันธมิตรสนับสนุนมีเสียงเกินกึ่งหนึ่งของสภากรณีนายกฯ คนนอก ก็ขอให้เลิกคิดถึง เพราะเจอ 2 สเต็ป เริ่มจากขอปลดล็อกจากประธานรัฐสภาใช้เสียง 376 คน และปลดล็อกในที่ประชุมรัฐสภาใช้เสียง 500 คน จาก 750 คน”ฉะนั้นครั้งนี้คนที่ได้รับเลือกเป็นนายกฯ ต้องได้ 376 เสียงไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกรัฐสภา ในขณะนี้มีคำถามมากมายถึง ส.ว.จะโหวตอย่างไร วิธีการดีที่สุด ส.ส.ต้องเป็นเอกภาพ ไม่ต้องคำนึงถึง 250 ส.ว.ส.ส. 500 คน รวมกันให้ได้ 376 เสียงโหวตแคนดิเดตนายกฯ คนใดคนหนึ่งเมื่อโหวตแล้วบางพรรคอาจไม่ประสงค์ร่วมรัฐบาล ตอบโจทย์ที่เชื่อว่าอันนี้เป็นหัวใจสำคัญของประชาธิปไตย ข้อเสนอนี้อาจเกิดขึ้นยาก เพราะพรรคการเมืองเริ่มตั้งเงื่อนไขมากขึ้น ทำให้การจับกลุ่มมีปัญหาฉะนั้นทำให้เสียงของ ส.ว.มีความสำคัญอยู่ โดยทั่วไปเชื่อว่า ส.ว.ทุกคนตั้งใจ และต้องการโหวตให้ผู้ที่ได้รับเสียงข้างมากในสภาเป็นนายกฯ “แต่ผมเคยพูดหลายครั้งแล้วว่า คงไม่สามารถตอบเช่นนี้ได้ 100% เพราะอยากเปิดพื้นที่ไว้ให้ ส.ว.ทุกคนได้ตัดสินใจในนาทีสุดท้ายหน้างานผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อ ส.ว.ต้องเลือกระหว่างใครกับใคร เสียงข้างมากในสภาเสนอชื่อใคร พันธมิตรเสียงข้างมากเป็นใคร ส.ว.คงดูทั้งตัวแคนดิเดตนายกฯ นโยบายของเสียงข้างมาก เพื่อใช้วิจารณญาณอย่างดีทำให้เกิดความสงบสุขแก่บ้านเมือง ไม่เสี่ยงเกิดวิกฤติ”เหมือนวุฒิสภาเลือกหรือให้ความเห็นชอบบุคคลเข้าไปดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ องค์กรตามรัฐธรรมนูญ ไม่ใช่ส่งชื่อมาจากคณะกรรมการสรรหาและนัดวันโหวตเลยต้องตั้งคณะกรรมาธิการศึกษาตรวจสอบประวัติ ความประพฤติทางจริยธรรม 30-60 วันแล้วแต่กรณี หรืออาจมีการต่ออายุพิจารณาออกไปอีก หลายครั้งที่โหวตไม่ให้ความเห็นชอบ เพราะมีบางอย่างที่รู้สึกว่าไม่สะดวกใจที่โหวตให้ ก็เข้าสู่กระบวนการสรรหาเข้ามาใหม่ ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไรกรณี ส.ว. แบ่งเป็น 3 กลุ่ม มีทั้งสาย “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แคนดิเดตนายกฯ พรรครวมไทยสร้างชาติ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ แคนดิเดตนายกฯ พรรคพลังประชารัฐ และสายอิสระ นายคำนูณ บอกว่า เป็นเรื่องที่วิเคราะห์กันไป ในความเป็นจริงคงมีมูลบ้างเพราะบังเอิญที่มาของวุฒิสภาชุดนี้มาจากการแต่งตั้งของ คสช.ในขั้นตอนสุดท้าย เป็นธรรมดาที่มีผู้คิดว่าเป็นสายโน้นสายนี้ แต่หากดูวุฒิสภา ลงมติในวาระสำคัญๆ มีหลายมติที่ไม่ได้เป็นไปในทิศทางเดียวกันทั้งหมด และหลายกรณีลงมติสวนทาง กับความเห็นของรัฐบาลในขณะนั้น ขอให้ดูเหตุผลที่ ส.ว.ตัดสินใจดีกว่าวิธีแก้ที่ดีที่สุด ส.ส. 376 คน โหวตนายกฯ-ปิดสวิตช์ ส.ว.250 ส.ว.เป็นด่านที่ทำให้พรรครวมไทยสร้างชาติ พรรคพลังประชารัฐ ถือแต้มต่อสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ นายคำนูณ บอกว่า ขึ้นอยู่กับผลเลือกตั้งว่าได้กี่เสียง ถ้ารวมเสียง ส.ส.ไม่ถึง 250 เสียง ต่อให้ ส.ว.เลือกจะบริหารประเทศต่อไปอย่างไร ส่วนที่เลือกนายกฯ ให้ได้ก่อนแล้วทำให้ครบทีหลัง ถือเป็นอีกกรณีหนึ่งการโหวตนายกฯ ครั้งนี้ถึงอย่างไรก็สำเร็จ แม้อาจไม่สำเร็จในครั้งเดียว ไม่ได้หมายความว่าการเมืองถึงทางตัน ทุกอย่างเห็นชัดตั้งแต่ก่อนวันเลือกนายกฯ หลังเลือกตั้งต้องประกาศผลภายใน 60 วัน เมื่อได้ ส.ส. 95% ภายใน 15 วัน สภาประชุมนัดแรก วันเลือกประธานสภาผู้แทนราษฎร และประธานรัฐสภาโดยตำแหน่ง เป็นการโหวตเปิดเผย ชัดเจนว่าพันธมิตร 2 ฝ่ายเป็นอย่างไรโดยปกตินายกฯ เป็นคนฝ่ายเดียวกับประธานสภาแต่ตามประวัติศาสตร์อยู่คนละฝ่ายเคยเกิดขึ้นมาแล้วนายกฯไม่จำเป็นต้องอยู่พรรคเสียงข้างมากที่สุดในสภา.ทีมการเมือง