ไล่แจงปากเปียกปากแฉะ คลี่คลายประเด็นดราม่าอาการเสียทรงของ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” หัวหน้าพรรคก้าวไกล ที่ต้องรีบปลุกใจกองเชียร์ อย่าไขว้เขวกลยุทธ์การเมืองที่นำมาใช้โจมตีทำลายความน่าเชื่อถือหลังถูกเปรียบเทียบคำให้สัมภาษณ์ 2 ครั้งไม่ตรงกัน ในเหตุการณ์เดินทางกลับจากสหรัฐอเมริกามายังประเทศไทย เพื่อร่วมงานศพบิดา ช่วงรัฐประหารปี 2549เบียด “โรดแม็ปก้าวไกล” ที่กำลังประโคมจุดขายนโยบายโบแดงทั้งการทำประชามติแก้รัฐธรรมนูญ กฎหมายสมรสเท่าเทียม การยกเลิกเกณฑ์ทหาร การปฏิรูปการศึกษา ที่จะทำในช่วงเวลา 100 วัน 1 ปี และ 4 ปี หากได้แต่งตัวเป็นรัฐบาล กระเด็นตกขอบไม่ได้รับความสนใจเจอข่าวจับโกหกป้ายสีรัฐประหารกลบกระแส ซ้ำยังถูกหยิบโยงไปขยายผลเอาผิด ยื่นให้ กกต.ตรวจสอบ ข้อหาหลอกลวงให้เข้าใจผิดในคะแนนนิยม ด่านสกัดก้าวไกลโผล่เต็มไปหมด โดนเตะตัดขาหัวคะมำ ในช่วงที่คะแนนกำลังมาแรง เบียดหายใจรดต้นคอเต็งหนึ่ง พรรคเพื่อไทยขึ้นมาเรื่อยๆเรตติ้งก้าวกระโดด วัยรุ่น วัยทำงานเทใจให้เพิ่มขึ้น เพราะถูกอกถูกใจจุดยืนเด็ดเดี่ยว อุดมการณ์ชัดเจน “มีลุงไม่มีเรา” ปั่นกระแสพรรคเปรี้ยงปร้างช่วงโค้งสุดท้ายเลือกตั้งยิ่งเห็นภาพพลังมวลชน ปรากฏการณ์สามย่านมิตรทาวน์แตก ผู้คนปักหลักฟังคำปราศรัยล้นทะลักลงมาบนถนน กระแสสีส้มฟีเวอร์ ใครเห็นก็ต้องหวั่นใจคนที่สะดุ้งมากสุดคือ พรรคเพื่อไทย คะแนนนำอยู่ดีๆ หันมาอีกทีเพื่อนร่วมฝ่ายค้านจี้ตูดมาติดๆคันเร่งเหยียบไม่ขึ้นต้องปรับกลยุทธ์สู้ ประกาศตัดสัมพันธ์จับมือพรรคพลังประชารัฐตั้งรัฐบาล เลิกแทงกั๊ก สู้ไปกราบไป แก้อาการแผ่วปลายสมรภูมิเลือกตั้งช่วงใกล้วันกาบัตร ไม่ได้สู้กันแค่ต่างขั้ว แม้แต่ขั้วเดียวกันก็ประลองกำลังมันหยด “เพื่อไทย–ก้าวไกล” จากเคยเป็นมิตร ชักเขม่นหน้ากันหนักขึ้น ไปๆมาๆคู่แข่งที่จะสร้างปัญหาให้พรรคเพื่อไทยหนักสุด ไม่ใช่พรรครวมไทยสร้างชาติของ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีแต่กลายเป็นพรรคก้าวไกลที่ต้องบู๊แย่งชิงฐานเสียงกลุ่มเดียวกันอุตลุด โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีสิทธิออกเสียงลงคะแนนครั้งแรก กว่า 4 ล้านคน ที่พรรคเพื่อไทยต้องแชร์แต้มมาให้มากที่สุด เพื่อโกยคะแนนหนีห่างไฟต์บังคับบีบพรรคเพื่อไทยต้องหันมาร่วมเกาะขบวน ปิดสวิตช์ 3ป.กับพรรคก้าวไกล แต่ก็ยังไม่รู้จะปั่นแต้มได้เพิ่มขึ้นหรือไม่ เพราะสังคมยังไม่แน่ใจจะทำได้จริงอย่างที่พูดแค่ไหนอารมณ์ประชาชนยังลังเลจะเป็นแค่การแก้เกม ชิงแต้มคืนจากพรรคก้าวไกล มากกว่าการแสดงจุดยืนทางการเมืองที่แท้จริงค่ายสีส้มเปลี่ยนจากมิตรมาเป็นอุปสรรคขวางทางเป็นใหญ่เพื่อไทย ยิ่งก้าวไกลโตขึ้นเท่าไร ประตูแลนด์สไลด์ยิ่งแคบลง และเป็นการสร้างโอกาสรอวันขึ้นมาเป็นเบอร์หนึ่งแทนทีมนายใหญ่ในอนาคตในทางตรงข้าม ถ้าเพื่อไทยกวาดแต้มถล่มทลาย พรรคก้าวไกลก็ยิ่งเล็กลงโค้งสุดท้ายสังเวียนกาบัตร “เพื่อไทย–ก้าวไกล” ยิ่งสู้กันดุเดือด ชิงความเป็นจ่าฝูงขั้วประชาธิปไตย รุมขยี้แผลเก่า ขยายแผลใหม่ใส่กันอุตลุด ภาวะหลังชนฝาที่พรรคเพื่อไทยต้องพยายามตั้งรัฐบาลเสียงข้างมากพรรคเดียวให้สำเร็จ เลี่ยงการทำงานในฐานะพรรคร่วมรัฐบาลกับพรรคก้าวไกลที่มีโอกาสประสานงากันตลอดเวลาไม่ต่างจากสถานการณ์ฝ่ายอนุรักษ์นิยมที่พรรครวมไทยสร้างชาติก็วัดพลังกับพรรคพลังประชารัฐ แย่งกันเป็นเบอร์หนึ่งในขั้วอำนาจรัฐบาลปัจจุบันในภาวะที่ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เพลี่ยงพล้ำแต้มเขยื้อนน้อย เพราะไปเลือกทางสายกลาง ชูความปรองดอง ก้าวข้ามความขัดแย้งสวนความเป็นจริงบริบทการเมือง ที่เหลือแค่ 2 ทางเลือก “เอาลุง” หรือ “ไม่เอาลุง”ล่าสุดยังเจอเรื่องให้เสียวสันหลัง ศาลปกครองสูงสุดสั่ง ป.ป.ช.ส่งสำนวนคดีปกปิดนาฬิกาหรูของ “บิ๊กป้อม” ให้ นายวีระ สมความคิด ภายใน 15 วัน ครบเส้นตายวันที่ 6 พ.ค.นี้ต้องเหยียบเบรกกันตัวโก่ง ยื้อไม่ให้ ป.ป.ช.ส่งข้อมูลให้จอมแฉตามคำพิพากษาช่วงกำลังเข้าด้ายเข้าเข็ม 1 สัปดาห์ก่อนการเลือกตั้ง ถ้าข้อมูลคดีนาฬิกาหรูที่เป็นจุดบอด “บิ๊กป้อม” โดนเผยแพร่ต่อสาธารณชนคะแนนนิยม “ลุงป้อม” จากเดิมที่ไม่ติดท็อปไฟว์อยู่แล้ว อาจยิ่งกู่ไม่กลับ.ทีมข่าวการเมือง