สังคมออนไลน์แอปพลิเคชัน “TiK ToK” หรือ “โต่ว อิน” ในภาษาจีนซึ่งเป็นเจ้าของค่าย กำลังปังเป็นที่นิยมไปทั่วโลกผงาดเร็วปานสายฟ้าแลบ จนสื่อประเภทเดียวกันสหรัฐฯ ได้แต่เหล่ตามอง นึกไม่ถึงว่าสื่อไร้สายภายใต้ผู้นำ “สี จิ้นผิง” จะทรงอานุภาพแซงหน้าสื่อยุค “ลุงโจ ไบเดน” ได้ขนาดนี้และ...เกรงจะมีผลกระทบต่อความมั่นคงทางการเมืองระหว่างประเทศ เห็นทีจะเฉยเมยเป็นทองไม่รู้ร้อนจากมหาอำนาจใหม่แห่งซีกโลกตะวันออกไม่ได้อีกแล้ว?ในโลกแห่งความเป็นจริง...แทบไม่น่าเชื่อ TiK ToK จะมีผู้ติดงอมแงม คือมีสมาชิกทั่วโลก 1,200 ล้านคน เกือบเท่าประชากรอินเดียหรือใกล้เคียงประชากรจีน 1,400 ล้านคน...นัยว่าอิทธิพลมหาศาลในแง่การนำเสนอข่าวสาร รายงานล่าสุด เมื่อต้นปีนี้จากการจัดอันดับหาดทรายชายทะเลบนรีวิวหน้าจอปรากฏว่า...ผู้ชม 128.5 ล้านวิวยกให้ “หาดพัทยา” รูปโค้งพระจันทร์ครึ่งเสี้ยว จังหวัดชลบุรี ไทยแลนด์ ติดที่ 2 ของโลก... อะไรจะขนาดนั้น?จากนั้นไม่นาน...บริษัทประกันภัยการเดินทางรายใหญ่อังกฤษ ได้ออกมาเปิดเผยคะแนนนักท่องเที่ยวหนุน “หาดไร่เลย์” จังหวัดกระบี่ ติด 1 ใน 15 ชายหาดและคุณภาพน้ำทะเลดีที่สุดในโลกด้วยอุณหภูมิกับอากาศยอดเยี่ยม...ช่างเหมาะเจาะกับไทม์ไลน์ที่ประเทศไทยเปิดบ้านรับทัวริสต์ต่างชาติเลยทีเดียวโดยยกเลิกการตรวจเอกสารรับรองการฉีดวัคซีนครบ 2 เข็มเมื่อปลายปีก่อน...ทำเอาบรรดาผู้ประกอบการและเกี่ยวข้องในธุรกิจท่องเที่ยวได้ลืมตาอ้าปากกันเสียที “พัทยา”...ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นชายหาดวงพระจันทร์สำหรับชาว ประมงนำเรือมาจอดหลบมรสุม ต่อมากลายเป็นแหล่งพักผ่อนเหล่าทหารอเมริกันรอดตายจากสงครามเวียดนาม...กระทั่งพัฒนาเป็นเมืองท่องเที่ยวกระฉ่อนโลก มีธรรมชาติทะเล แสนสวยและสีสันแพรวพราวรับคนมาท่องเที่ยวปีละ 18 ล้านคน ปี 2562...ก่อนโควิดจะทุบสถิติเหลือแค่น้ำก้นตุ่มกูรูท่องเที่ยวไทยมากประสบการณ์กว่า 30 ปีมองว่า...“การจัดอันดับให้หาดพัทยาเป็นท็อปทู...หาดไร่เลย์ติดอันดับยอดเยี่ยมโลกย่อมเป็นโอกาสด้านตลาดท่องเที่ยวที่ยิ่งใหญ่สุดของไทย หลังอ่อนเปลี้ยเสียขามานานร่วม 3 ปีแต่ถ้าถามว่า...ประเทศไทยโดยเฉพาะเมืองพัทยาพร้อมรึยัง... จะนำนวัตกรรมรูปแบบการท่องเที่ยวที่ยั่งยืนรับกระแสการเดินทาง เข้ามา...ตอบได้เลยว่ายัง”ด้วยเหตุผล...คือขาดการเตรียมความพร้อมบุคลากรบริการ และการแก้ปัญหาความแออัดของเมืองปกครองพิเศษ เช่น การจราจร “ก่อแล้วไม่สาน” ติดขัดตลอดทั้งวันทั้งคืน ฝนตกน้ำท่วมทั่วเมืองชายฝั่งทะเล โจรผู้ร้ายชุกชุมทั้งในเครื่องแบบและนอกเครื่องแบบ การเอารัดเอาเปรียบนักท่องเที่ยว...ทั้งหมดที่ว่ามาข้างต้นนี้เป็นปัญหาที่เดิมมีมาอย่างไรจนเกิดโรคระบาด จากนั้นดีเดย์เปิดประเทศแล้วก็ยังเป็นอย่างนั้น...โดย 3 ปีที่พัทยาเป็นอัมพาตกลับไม่ยอม “ก่อแล้วต้องสาน”ด้านฟากฝั่งผู้ประกอบการทัวร์ก็ชี้ให้เห็นถึงการแก้ปัญหาแบบ “ขว้างงูไม่พ้นคอ”นั่นก็คือสถานการณ์ระหว่างที่นักท่องเที่ยวอินเดียทะลักเข้าราวเขื่อนแตก ขณะรัสเซียเป็น “น้ำซึมบ่อทราย” และจีนยังถูก “กาเหยี่ยวเฉี่ยวเอาไป”คือสูญหายไปพลัน...เจ้าของธุรกิจรถทัวร์รายใหญ่ 2,000 คันและธุรกิจห่วงโซ่ที่ล้มครืนไปพักใหญ่ เกิดพลิกผันกลับฟื้นขึ้นมาเกินคาดหมาย เริ่มวิธีการแจกรถทัวร์ให้เอเย่นต์อินเดียนำไปใช้งานฟรีๆ ...โดยขอแค่นำลูกทัวร์ไปแวะใช้เงินในธุรกิจห่วงโซ่เป็นเงื่อนไขแลกเปลี่ยน...แล้วอะไรจะเกิดให้คิดเอาเอง?ครั้นเมื่อสี จิ้นผิง ปล่อยผีออกเที่ยวต่างประเทศได้ช่วงวิกฤติโควิดยังระบาดในจีน และลุงโจ ไบเดน ยังรุกหนักเรื่องการแพร่เชื้อจากห้องปฏิบัติการจีน...ธุรกิจรถทัวร์รายนั้นก็ใช้ไม้เด็ดระงับการแจกรถทัวร์อินเดีย เพื่อหันไปบริการทัวร์จีนลูกค้าเก่ารายใหญ่แทน...จึงน่าจับตามองขบวนการ “ทัวร์ศูนย์เหรียญ”...จะกลับชาติมาเกิดในภพนี้อีกหรือไม่?มาเม้าท์กันต่อถึงทัวร์อินเดีย...โดยไม่รู้ว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในฐานะผู้ถือกฎหมายควบคุมดูแลสถานบริการประเภทบันเทิงจะรู้หรือไม่ว่า...จากสถิตินักท่องเที่ยวอินเดียที่เป็นตลาดอันดับ 1 คือเกือบ 1 ล้านคนปีที่เพิ่งผ่านมาของพัทยา ทำให้ “อินเดียน ทาวน์” ยึดครองหัวหาด “วอล์กกิ้ง สตรีท” พัทยาใต้โดยพลันทันที...ที่ทุกคืนจะเห็นหนุ่มภารตะเดินยั้วเยี้ยแดนนี้เต็มไปหมดย่านดังกล่าวเป็นธุรกิจผับบาร์เรียงรายสองข้างทางถึงตรอกซอย เหมือนเดินอยู่มุมไบ เดลลี กัลกัตตา ที่แปลกตาคือคนเชียร์แขกเร่งเร้าอารมณ์ด้วยภาพวาบหวิว ส่วนใหญ่หน้าตาท่าทางล้วนเป็นอินเดียมากกว่าลูกผสมไทย-อินเดีย จากย่านภารตะเศรษฐีพาหุรัด สีลม สุขุมวิทส่วนภายในธุรกิจดังกล่าวได้ข่าวมาว่า...แออัดไปด้วยกลุ่มอินเดียแบบเหมาเข่ง 90% ที่เหลือ 10% เป็นชาติอื่นสอดแทรกแต่ไม่เห็นมังกรจีนกับเด็กหนุ่มหนีทหารชาวรัสเซีย ที่กลัวถูกส่งไปทำสงครามมหากาพย์ยูเครน...บรรยากาศนั้นฟ้องเลยว่าเป็นระบบสาธารณสุขไทยล้มเหลวด้วย “โน แมสก์” ด้วยกันทุกคนเช่นห้างชั้นนำในพัทยาใครสวม “แมสก์” นั่นแหละกะเหรี่ยงตกยุค พ.ศ.นี้ อีกทั้งบริกรบริการภายในผับก็อีหรอบเดียวกัน คือ “อิมพอร์ต” มาจากชมพูทวีปเป็นส่วนใหญ่ ผู้หญิง “ตัวแม่” ที่เห็นนั่งดริงก์คอยงับเหยื่อคือ “แขก” แต่ละนาง ชัวร์...คือสาวไทยมากับ “กุ้งนาง” และแหม่ม “แขกขาว” จากแผ่นดินที่เคยตกอยู่ใต้อุ้งมือสหภาพโซเวียตก่อนล่มสลายบรรยากาศตรงกลางยกสเตจสำหรับดาวเต้น เลิกประกอบท่า “รูดเสา” เป็นอะโกโก้เกิร์ลยุคเก่ากับพื้นที่ปล่อยว่างรับ “แขก” อินเดีย ที่จะขึ้นมาเขย่าร่างตามสไตล์ดาราภาพยนตร์บอลลีวูดสิ่งที่ขาดจากกันมิได้ระหว่างนักเที่ยวกับซิการ์ยาเมา ก็คือ... กลิ่นควันผสมเสียงเฮฮาโขมงโฉงเฉงคละคลุ้งจากอุปกรณ์บุหรี่ไฟฟ้าและบารากุไฟฟ้าพ่นผสมกันหึ่งไปหมดไม่เกรงอกเกรงใจ “กฎหมายไทย” ที่ห้ามนำเข้าตามประกาศกระทรวงพาณิชย์ พ.ศ.2557 หน่วยงานสนับสนุนการบังคับใช้คือ “กรมศุลกากร”นอกจากนั้นคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคยังประกาศห้ามขายให้บริการปี พ.ศ.2558 กับการสูบในที่สาธารณะจะมีความผิดตามพระราชบัญญัติควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ พ.ศ.2560... แต่ดูเหมือนกฎหมายทั้ง 3 ฉบับจะอ่อนปวกเปียกกับผู้ประกอบการ “อินเดียน ทาวน์” ย่านราตรี “วอล์กกิ้ง สตรีท”?นับรวมถึงกฎหมายค้าประเวณีกับกฎหมายแรงงานคนต่างด้าวที่ก้าวไปไม่ถึงด้วยกระมัง...เห็นทีต้องอาศัยซุปตาร์ดารานักร้องเพลง “แฉ” รายวันดวงใหม่ขึ้นเวทีเสียแล้ว...!