ผมติดพันอ่านเรื่อง พระเจ้าเกาจู่ อันดับสองในสิบปฐมกษัตริย์ ผู้สร้างประวัติศาสตร์แต่ละยุคของจีน (หนังสือฮ่องเต้ อดุลย์ รัตนมั่นเกษม เรียบเรียง สำนักพิมพ์นานมี พ.ศ.2534) ถึงตอนสำคัญเมื่อเล่าปังปราบเซี่ยงหยู แคว้นฉู่ราบคาบ พระยาเจ้าเมืองต่างๆ ก็เข้าชื่อถวายฏีกาสนับสนุนเล่าปังขึ้นเป็นฮ่องเต้ เป็นฮ่องเต้ ไม่นาน วันที่ทรงจัดงานเลี้ยงฉลอง ตรัสกับเหล่าขุนนางว่า“ขอให้ท่านทั้งหลายพูดกันตรงๆซิว่า ที่ข้าได้ครองบ้านเมืองนี้ เพราะเหตุใด?”ขุนนางคนแรกทูลว่า“ ฝ่าบาททรงมีอุปนิสัยวางเฉย ไม่พิถีพิถันพิธีการเหมือนเซี่ยงหยู”คนที่สองทูลว่า “ทุกครั้งที่ทรงตีบ้านเมืองได้ ฝ่าบาทปูนบำเหน็จให้นักรบที่มีฝีมือ ขณะที่เซี่ยงหยูระแวงและอิจฉาคนดีมีฝีมือ ทำความชอบแล้วก็ไม่ให้รางวัล นี่คือสาเหตุที่เขาต้องเสียบ้านเสียเมือง”พระเจ้าเล่าปังทรงพระสรวลแล้วตรัสว่า พวกท่านรู้อย่างเดียว แต่ไม่รู้อีกอย่าง เรื่องการวางแผนในค่ายทหาร เพื่อกำหนดชัยชนะ ที่อยู่ไกลเป็นพันลี้นั้น ข้าสู้จางเหลียงไม่ได้เรื่องการรักษาแนวหลัง ปลอบขวัญราษฎร ข้าสู้เซียวเหอ ไม่ได้และเรื่องการนำทัพเรือนแสนเรือนล้านออกศึก เมื่อรบจักต้องชนะ เมื่อโจมตีก็จักต้องเข้ายึดได้ ข้าสู้หานซิ่นไม่ได้ ทั้งสามนี้คือยอดอัจฉริยบุคคล ที่ข้าวางใจและพึ่งพาอาศัยตลอดมา“นี่แหละ คือสาเหตุที่ข้าได้ครองแผ่นดิน”สำหรับ เซี่ยงหยู คู่ศึกคนสุดท้าย พระเจ้าเล่าปังตรัสว่ามีเพียง ฟ่านเจิงเพียงคนเดียว ทั้งยังไม่ไว้วางใจ เพราะเหตุนี้เซี่ยงหยู จึงพ่ายแพ้พระเจ้าเล่าปัง เชื่อมั่นพระองค์ว่า “ข้าได้แผ่นดินบนหลังม้าศึก” ซือ (ฉันท์ กาพย์) และซือ (หนังสือ) ไม่น่าจะมีประโยชน์อะไร จนเมื่อลู่เจี่ย นักนิยมลัทธิขงจื๊อ กราบทูลว่า แผ่นดินได้บนหลังม้าก็จริง แต่จะปกครองกันบนหลังม้ากระนั้นหรือ เขายกตัวอย่างกษัตริย์จีนโบราณ ที่ปกครองราษฎรด้วยคุณธรรมและเมตตาธรรมทรงเห็นด้วย สั่งให้ลู่เจี่ยแต่งตำราสร้างคำสอน ยกเรื่องราวการอยู่รอดการดับสูญของบ้านเมืองในประวัติศาสตร์ในหนังสือ และวิเคราะห์ผลประโยชน์ได้เสียโดยพื้นฐานพระเจ้าเล่าปังทรงเล่าเรียนมาไม่มาก แต่ทรงมีพระอุปนิสัยเข้าใจเหตุผล มีสติปัญญาและสันทัดในการรับฟังความเห็นคนอื่นจากนั้นทรงให้เซียวเหอยกร่างกฎหมาย ให้หานซิ่นเรียบเรียงตำราพิชัยสงคราม ให้จางซางตรวจสอบแก้ไขชำระปฏิทิน กำหนดมาตรฐานการชั่งตวงวัด และให้ซูซุนทงกำหนดราชพิธีในพระราชสำนักนอกจากจะทรงให้คนทำงานเต็มความสามารถแล้ว แต่กระนั้น ก็ยังมีคนเก่งคนดีมาใช้ไม่พอ จึงทรงมีพระบรมราชโองการประกาศหาคนดีมีความสามารถไปทั่วแผ่นดินทรงสั่งให้เตรียมรถม้าไว้ให้พร้อมให้เขาเดินทางเข้าเมืองหลวง หากทรงรู้ว่า พบคนดีมีสติปัญญาแล้วไม่รายงานเจ้าเมืองเมืองนั้น มีความผิดถึงขั้นถูกปลดจากตำแหน่งทันทีราชวงศ์ฮั่น ยั่งยืนมั่นคงยาวนาน เพราะปฐมกษัตริย์ทรงมีพระปรีชาญาณอย่างนี้เองบ้านเมืองสมัยใหม่ ที่รุ่งเรืองเฟื่องฟูไปไกลนั้น เป็นบ้านเมืองที่รู้จักใช้คนเก่งคนดีส่วนบ้านเมืองที่มีแต่ข่าวคนเลวๆ หันไปทางไหนก็ได้ข่าวแต่เรื่องเลวๆ หรือเหลวถึงขนาดปล่อยให้คนเลวขึ้นเป็นใหญ่ ก็คงต้องปล่อยให้เป็นไปตามเวรกรรม.กิเลน ประลองเชิง