กาลสมัยหนึ่งนานมาแล้ว ผู้มีบุญหนักระดับมีเก้าอี้ในสภาเคยทัก เขียนแต่เรื่องธรรมะ อ่านไม่รู้เรื่อง แล้วกาลสมัยต่อมา ผู้มีบุญหนักคนเดียวกันก็มาบอก คุยกับใครๆเขาอ่านแต่ธรรมะของคุณนี่ขนาดเป็นธรรมะแบบเถรวาท แบบไทยที่เราคุ้นเคยถ้าเขียนเรื่องธรรมะมหายานแบบเซ็น ยิ่งอ่านยิ่งงง...ผมนึกถึงคำอุทานอดีตประธานสภา โค้วต้งหมง “ยุ่งตายห่ะ!” ยุ่งขนาดไหน ลองอ่านเรื่อง “นกร้อง”(หนังสือปรัชญาเซ็น อาจารย์เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ เรียบเรียง หกสิบแปดการพิมพ์ ถวิล มนัสน้อม ตั๊ก ฐิติบรรณ บรรณกร พ.ศ.2522)เช้าสดใสวันนั้น ในอารามท่านอาจารย์นันเซ็น พระภิกษุพ่อครัวชื่อแทนซา ได้รับรองภิกษุเฝ้าสวนชื่อเอนจูขณะภิกษุทั้งสองกำลังฉันอาหาร ได้ยินเสียงนกร้อง ภิกษุเฝ้าสวนเคาะนิ้วกับเท้าแขนเก้าอี้นกก็ร้องมาอีกเหมือนตอบรับพระเอนจูเคาะนิ้วลงเท้าแขนเก้าอี้อีก คราวนี้ไม่มีเสียงนกร้องตอบ พระเฝ้าสวนหันไปถามพระพ่อครัว “ท่านเข้าใจไหม?” พระพ่อครัวตอบว่า “ไม่เข้าใจ”พระเอนจูเคาะนิ้วกับเท้าแขนเก้าอี้เป็นครั้งที่สามคำอธิบายปริศนาธรรมเรื่องนี้ไม่มีอะไรมากเมื่อพระเฝ้าสวนเคาะนิ้ว นกย่อมร้องตอบตามธรรมชาติของนก เมื่อพระเอนจูเคาะนิ้วครั้งที่สอง เหตุที่นกไม่ร้องตอบ ก็เพราะธรรมชาติของนก อยู่กับที่ไหนไม่นาน มันบินไปไกลแล้วพระเอนจูผู้เฝ้าสวนเข้าใจธรรมชาตินี้ดี เมื่อท่านเคาะนิ้วเป็นครั้งที่สาม ท่านแสดงความเข้าใจความไม่รู้ของพระพ่อครัว นั่นเองความเข้าใจในธรรมชาติของสิ่งทั้งหลายทั้งปวง นี่แหละคือความรู้อันสูงสุด เพราะเมื่อเข้าใจแล้ว ก็สามารถเข้าไปเกี่ยวข้องกับสิ่งนั้นๆได้ถูกต้องเหมาะสมการเข้าไปเกี่ยวข้อง มีตั้งแต่การรับรู้ หรือกระทำต่อสิ่งนั้นอย่างถูกต้องตามความเป็นจริงคนธรรมดาหนากิเลส มักเกี่ยวข้องกับสิ่งต่างๆอย่างผิดพลาด เช่น มักประเมินไว้สูงหรือต่ำกว่าความเป็นจริง โดยถือเอาตัวเองเป็นเกณฑ์เช่น เมื่อได้ยินนกร้องก็ประเมินทันทีว่า “ไพเราะ” หรือไม่อย่างไร ไม่ไพเราะก็รำคาญ ขวางหูขวางตาพาลไล่ไปถ้าไพเราะก็รื่นรมย์ยินดี อยากได้ถึงขนาดจับมันมาขังกรง อ้างว่าเพื่อเลี้ยงดูให้ดี แท้ที่จริงเพื่อสนองตัวเองคนได้ยินนกร้องก็รับรู้แต่ว่าเป็นธรรมชาติของนกร้องไม่รำคาญไม่รื่นรมย์ยินดี เขาคือผู้รู้ ผู้อยู่เหนือกิเลส ไม่ทะยานอยากด้วยความโลภ ไม่รุ่มร้อนด้วยโทสะ ไม่หวั่นไหวไปด้วยความหลงหรือโมหะส่วนคนที่เข้าใจธรรมชาติต้องเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ ประจักษ์แจ้งในความเป็นธรรมดาสามัญ เหมือนดอกบัวที่บานอยู่ในแสงแดดยามเช้า ดอกบัวเกิดในน้ำ แต่ไม่เคยเปียกน้ำ รากของมันอยู่ในโคลนตมแต่ดอกบัวไม่เคยแปดเปื้อนโคลนตมขอบคุณท่านที่อ่านจนถึงตอนจบ สารภาพนะครับ ผมคงเป็นธรรมดาหนากิเลส อ่านแล้วอ่านอีกถึงสามครั้ง จึงจะพอเข้าใจที่พระท่านสอนว่า บัวใกล้จะพ้นน้ำน่าจะเป็นเช่นนี้ล่ะกระมัง.กิเลน ประลองเชิง