ผมเพิ่งรู้ว่า วัดสวยๆที่สรพงศ์ ชาตรี สร้างไว้ที่อำเภอสีคิ้ว นครราชสีมา เป็นวัด “สมเด็จพุฒาจารย์โต” เดาเอาเอง ตอนบวชอยู่วัดดาวดึงษ์ บางยี่ขัน สามเณรชิ้น คงรู้เรื่องศาลาท่าน้ำ ปากคลองวัดดาวดึงษ์ เป็นศาลาที่เจ้าพระยาท่านหนึ่ง สร้างถวายเล่ากันว่า สมเด็จบิณฑบาตทางเรือ แล้วมักแวะฉันเพลฉลองศรัทธาเจ้าพระยาที่ศาลาหลังนั้น ...สามเณรชิ้นรู้เรื่องนี้จึงฝังใจศรัทธามาตั้งแต่นั้นภาพสมเด็จโต ที่ปรากฏแพร่หลาย...มีสองภาพ ภาพหนึ่ง ท่านนั่งองค์เดียว ในท่าปริศนา...นั่งซ้อนกำมือไว้กลางอก มีผู้รู้เฉลยปริศนา กำมือสองกำนั้น ท่านกำลังสอนธรรมะ...ในหัวข้อ กรรมเหนือกรรมสมเด็จโตท่านรู้ว่าพระฝ่ายมหายาน...โดยเฉพาะวัชรยาน นั้น เคร่งครัดในวัตรปฏิบัติ 4 ม.เมรัย เหล้า เมถุน เสพกาม มัจฉา ฉันปลา และมุทรา แสดงธรรมด้วยรหัสจากท่ามือเมืองไทยสมัยท่าน เพิ่งเริ่มมีการถ่ายรูป...คนรุ่นเก่ามักไม่ยอมให้ถ่ายรูป เพราะเชื่อกันว่าเหมือนแช่งให้ตายเร็ว...สมเด็จท่านทันสมัย...ไม่เชื่อเมื่อยอมให้ถ่ายรูป ฉลองศรัทธาญาติโยม ท่านก็คงตั้งใจใช้ประโยชน์เต็มที่เพื่อให้เข้าใจ ความหมายลุ่มลึกของปริศนา กำเหนือกำ ผมอ่านหนังสือส่องตะเกียง ปรัชญาเต๋า ปริศนาเซ็น (พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ พิมพ์แจกในงานวันเกิดที่นครราชสีมา พ.ศ.2525)ภาคปริศนาเซ็น อาจารย์เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ รจนาเรื่องไม่ยึดมั่นถือมั่น ไว้ไพเราะจับใจมากอาจารย์มูโกะกล่าวว่า แม้เพียงความคิดที่เกี่ยวกับเราว่า เราอาจเป็นผู้มีสติปัญญาสูงหรือปานกลาง ถึงความคิดนี้จะละเอียดอ่อนแยบยลประดุจเส้นด้ายแต่นี่แหละ มันก็จะแรงกล้าเพียงพอที่จะฉุดกระชากเราสู่สามัญสัตว์ได้ทันทีคำว่า “มูโกะ” เป็นชื่อที่จักรพรรดิจีนทรงตั้งให้แก่พระอาจารย์ผู้สอนธรรมแก่พระองค์ ในภาษาญี่ปุ่นเรียกว่าโคคูชิ แปลว่า ไม่มีกรรม คืออยู่เหนือกรรมในที่นี้กรรมหมายถึงการกระทำ เป็นกฎของเหตุและผล คือกระทำสิ่งนี้ต้องได้ผลสิ่งนี้โดยแน่นอน อยู่ในตัวการกระทำนั้นเองผู้ยึดมั่นในการกระทำก็ย่อมถูกผูกมัด โดยอำนาจของความยึดมั่นนั้นการอยู่เหนือกรรม ก็คือไม่ตกเป็นเหยื่อ คือไม่ตกเป็นเหยื่อของความยึดมั่น แต่กลายเป็นหนึ่งเดียวกับการกระทำนั้นเอง มูโกะจึงหมายถึงผู้มีอิสระเสรีจากอำนาจของกิเลสทั้งปวงคำกล่าวของอาจารย์มูโกะข้างต้น ก็คือคำเตือนไม่ให้ยึดมั่นถือมั่น แม้เพียงความคิดละเอียดอ่อนในสติปัญญาว่าสูงต่ำ หรือปานกลางของเราเองในพระธรรมบทฝ่ายหินยาน ก็มีพูดถึงธรรมะข้อ “มานะ” คือความสำคัญตน ที่ล้วนไม่ดีทั้งสิ้นไม่ว่าจะสำคัญตนดีกว่าเขา สำคัญว่าเท่าเขา สำคัญว่าต่ำกว่าเขา ซึ่งจะเป็นจริงหรือไม่ก็ตาม ชื่อว่าเป็นกิเลสทั้งสิ้นความสำคัญตนหรือสำคัญในสิ่งต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นดีเลวถูกผิดเกิดตาย ก็ล้วนเป็นอุปาทาน คือความยึดมั่นถือมั่นทั้งหมด เมื่อยึดมั่นแล้ว ก็ย่อมถูกลากไปสู่อาณาจักรของสามัญสัตว์ความไม่ยึดมั่นถือมั่นไม่ได้แปลว่าไม่ได้ทำอะไร หากแต่ต้องทำทุกอย่างที่ควรทำ ด้วยความไม่ยึดมั่นถือมั่นอ่านเรื่องของอาจารย์เนาวรัตน์จบ ผมเองก็เพิ่งเข้าใจความหมายของท่านั่งปริศนา กำเหนือกำของสมเด็จโต แท้จริงก็คือความหมายเดียวกับ ความไม่ยึดมั่นถือมั่น หรือพระนิพพานนั่นเอง.กิเลน ประลองเชิง