ราคาเนื้อหมูกิโลกรัมละ 230 บาท ไม่ใช่เรื่องหมูๆอีกต่อไปมีคนไปขุดคุ้ยที่ไปที่มาถึงสาเหตุที่จู่ๆราคาหมูก็แพงขึ้นมาแบบทันทีทันใด ซึ่งกระทบทั้งผู้บริโภค ผู้ขาย ผู้ซื้อและคนเลี้ยงหมู สรุปเอาง่ายๆไม่ต้องไปอิงหลักวิชาการอะไรมากมายก็คือ เพราะหมูไม่พอกับการบริโภคภายในประเทศ เมื่อความต้องการสูงกว่าปริมาณ ทำให้สินค้ามีราคาแพงขึ้นเป็นไปตามกลไกตลาด ถามต่อไปว่าทำไมปริมาณหมูลดลง คำตอบคือ เพราะโรคระบาดในสุกร ซึ่งโรคชนิดนี้ต้องใช้วัคซีนโดยเฉพาะและการสั่งวัคซีนเข้ามาจากต่างประเทศ ก็ต้องได้รับอนุมัติ จากกรมปศุสัตว์ เช่นเดียวกับการที่จะนำเข้า วัคซีนป้องกันโควิดมาจากต่างประเทศ ก็จะต้องได้รับอนุญาตจาก คณะกรรมการอาหารและยา เสียก่อน ถามต่อไปอีกว่า แล้วทำไม กรมปศุสัตว์ ไม่รีบนำวัคซีนป้องกันเข้ามาฉีดตั้งแต่มีการระบาดของโรคในสุกรใหม่ๆ เนื่องจากในประเทศเพื่อนบ้าน ประเทศจีนประสบปัญหาทำให้ หมูตายไปเป็นจำนวนมาก และเป็นช่องว่างให้ผู้ค้าส่งหมูออกไปต่างประเทศมากขึ้นเพราะได้ราคาดีกว่า และมีความต้องการเป็นจำนวนมากกรมปศุสัตว์ ยังไม่ตอบคำถามนี้เป็นเพราะอะไร ต้องการจะปกปิดหรือประวิงเวลาเพราะเกรงผลกระทบกับตลาดหมูไทยหรือการเลี้ยงหมูในประเทศ เป็นอีกเรื่อง จนกระทั่งโรคสุกรได้ระบาดจริงๆอาจจะไม่หนักเท่ากับบ้านอื่นเมืองอื่นแต่ก็ส่งผลกระทบกับเกษตรกรและผู้บริโภคพอสมควรทำให้ปริมาณหมูในประเทศที่เคยมีจำนวนกว่า 22 ล้านตัว ลดลงเหลือประมาณ 19 ล้านตัว เกษตรกรผู้เลี้ยงหมูก็ได้รับผลกระทบ พ่อค้าหมู เขียงหมู ผลิตภัณฑ์อาหารที่ทำจากหมู ร้านค้า ร้านอาหาร ได้รับผลกระทบหมด แม้แต่กระทั่งหมูปิ้่งจากที่เคยขายไม้ละ 5 บาท หักต้นทุนเคยได้กำไร วันละ 500-1,000 บาท ตอนนี้เท่าทุนจะขึ้นราคาก็จะเสียลูกค้า ขายไปก็เท่าทุน จะให้คนที่เคยกินหมู ไม่กินเนื้อ ไม่กินไก่หรือไม่กินปลา ไปกินอะไรที่ไม่ใช่หมู เพราะฉะนั้นจะให้แก้ไขโดยการลดการบริโภคหมูลงหรือหันไปกินสัตว์อื่นแทน ดูกระไรอยู่ เดือดร้อนกันไปหมดต้นเหตุมาจาก โรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร ที่ระบาดทั่วอาเซียน ตั้งแต่ปลายปี 2562 ทำให้แม่พันธุ์หมูตายไปกว่า 3 แสนตัว สุกรขุนได้ตายไป ประมาณร้อยละ 30 แต่เราก็ยังยืนกระต่ายขาเดียวว่า เราปลอดจากโรคอหิวาต์หมูบ้านเราต้องใช้เงินงบประมาณไปชดเชยกับความเสียหายตามที่ ครม.อนุมัติเป็นวงเงินถึง 148,542,900 บาท เมื่อรวมกับเงินลงขันจากผู้ประกอบการเราใช้เงินไปในการนี้กว่า 1.5 แสนล้านบาทที่ตั้งเป็นข้อสังเกตก็คือ เรามีการส่งออกหมูไปยังประเทศเพื่อนบ้านเพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 300 ตั้งแต่ปี 2563 รัฐต้องจ่ายค่าชดเชยในการบริหารจัดการไปอีก 318 ล้าน ในการแก้ปัญหาโรคอหิวาต์ในสุกรตลอดเวลาที่ผ่านมาปัญหานี้จะจบลงอย่างไร กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรฯ จะแก้ปัญหาระยะสั้นและระยะยาวอย่างไร คงไม่ใช่แค่การ สั่งระงับการส่งออกสุกรไปต่างประเทศ เท่านั้น และคำถามสุดท้ายคืองานนี้ ใครได้ใครเสียบ้าง เปิดศักราชใหม่มา หมูแพง ไข่แพง ค่าไฟแพง น้ำมันแพง ก๊าซแพง ATK แพง แพงไปทุกอย่าง ต้องเข้าใจว่า เราได้รัฐบาลที่พูดมากกว่าทำ ชาวบ้านตาดำๆต้องรับกรรมไปตามระเบียบ.หมัดเหล็กmudlek@thairath.co.th