ฮือฮาสนั่นแผ่นดินนิดๆ... กับการเปิด “ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์” รับอินเตอร์เนชันแนลทัวริสต์ ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม ที่ผ่านมาโดยตั้ง “สถิติทิพย์” รับต่างชาติ 1 แสนคน เฉลี่ยเดือนละ 3.3 คน กระทั่งถึงเดือนกันยายน แล้วชวนเที่ยวต่อกระบี่ พังงา หรือ “สมุยพลัสโมเดล” ตามสูตร 7+7 = ภูเก็ต + สมุยงานนี้โยนหินถามทางกู้เศรษฐกิจที่นี่ก่อน ถ้าโป๊ะเชะ “มูฟออน” ไปพัทยา-เกาะช้าง เชิญชวนให้ต่างชาติมาเที่ยว กิน นอน แลกกับเงินสกุลต่างประเทศ ซึ่งไม่รู้จะได้มากหรือน้อยกว่าหางอึ่งว่าไปแล้ว...โมเดลนี้หาใช่ดราม่าน่าปลื้ม ในเมื่อสเตตัสพี่น้องไทยกำลังแอ่นอกตกฟาก “อมโรค” กับ “อมทุกข์” สิ้นหวังกับระบบสาธารณสุข ที่เห็นชีวิตคนเหมือนผักปลา ปล่อยให้ตายใกล้จะ 2 หมื่นคนรอมร่อ น่าฉงนงงงวย? กว่านั้น...ที่ผ่านมาการเร่งหาอุปกรณ์ตรวจเชื้อ ATK 8.5 ล้านชิ้นที่จะช่วยลดการสูญเสีย กลับติดขัดเรื่องประมูลสินค้าจีน ที่ถกกันไปเถียงกันมากว่าจะลงตัวก็ต้องใช้เวลาพอดูอย่าบอกนะว่า...ไม่ได้กระทบชิ่งภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ ให้เกิดการระบาดซ้ำจนต้องปิดเกาะฉับพลัน...เว้นต่างชาติให้เที่ยวได้คล้ายภูเก็ตปลอดไวรัสโควิด...อย่างนั้นแหละย้อนไปเมื่อ 25 กรกฎาคม หลังเปิดโครงการเกือบเดือน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบฯ โควิด-19 (ศบศ.) ด่วนสรุปผลงาน มี...ยูโรเปียน อเมริกัน ตะวันออกกลาง ออสซี และสิงคโปเรียน เข้ามาเที่ยวแล้วคึกคัก...แต่ไม่ยักบอกจำนวน?บอกเพียงพักเฉลี่ยคนละ 11 คืน ใช้เงินวันละ 5,500 บาท 70,000 บาทต่อทริป เป็นค่าใช้จ่ายเพื่อการท่องเที่ยวทุกชนิด ทำรายได้ให้ภูเก็ต โอ้โห 534.31 ล้านบาท...โหมดนี้รวมค่าเครื่องบิน ซึ่งถ้ามากับเครื่องไทยจากแฟรงก์เฟิร์ต-ปารีส และลอนดอน-ซูริก บินสัปดาห์ละ 1 เที่ยวทั้งคู่ก็ยอมรับกับรายได้ที่โชว์...แต่ถ้าใช้สายการบินอื่น แล้วเอามาบวก ถือเป็นข้อมูล “ยกเมฆ” อีกครั้ง...โฆษก ศบศ. กับรัฐมนตรีการท่องเที่ยวฯ สรุปถึง 13 สิงหาคมมีต่างชาติ 2.05 หมื่นคน...ต่ำกว่าเป้าจมหู อาจสะดุดเพราะข่าวปิดเกาะภูเก็ต ผนวกแหม่มสวิสถูกฆ่าเปลือยชิงทรัพย์?ณ เพลานั้นนักเลงคีย์บอร์ดถึงโพสต์...ภูเก็ต “Sandbox” แต่ดันทำ “n” หล่นหาย กลายเป็น “Sadbox” คือ “กระบะสุดเศร้า” เมื่อตัวเลขทัวริสต์ลดวูบ เหมือนลางบอกอนาคต “120 วันเปิดประเทศ”แต่เอาเถอะ...วันนี้อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด ลองมาเปลี่ยนมุมมองรับภูเก็ต ในมิติที่คนเรือนหมื่นเสี่ยงมาเที่ยว ซึ่งถ้าเป็นสมัยก่อน ชาติยุโรปอย่างอังกฤษ ฝรั่งเศส ยังไม่เรียกคนเซ็กเมนต์นี้ว่า “ทัวริสต์” แต่จะให้นิยามตามวัตถุประสงค์เป็น “โบนา ไฟด์ ทัวริสต์ (Bona Fide Tourist)”คือ...ประสงค์เดินทางท่องเที่ยวเพื่อการพักผ่อนจริงๆ โดยไม่มีกิจกรรมอื่นพ่วงท้าย ต่อมาปี 2518 ตั้ง “องค์การท่องเที่ยวโลก” สังกัดยูเอ็น ขึ้นที่กรุงมาดริด สเปน มีสมาชิก 157 ประเทศรวมไทย ได้บัญญัติศัพท์ “ทัวริสต์” หรือ “นักท่องเที่ยว” หมายถึง...ผู้เดินทางจากแหล่งพำนักถาวรไปที่อื่นและพักแรมคืนตั้งแต่ 1 คืน เพื่อท่องเที่ยวหาประสบการณ์ใหม่ หรือท่องเที่ยวเชิงธุรกิจ, ประชุมสัมมนาและ...อีกมากมายหลายประเภทอย่างที่เห็นในปัจจุบันทั้งนี้...ก็เพื่อเปิดโอกาสให้บรรดาสมาชิกแต่ละประเทศ สามารถบุกเจาะตลาดเป้าหมาย อย่างที่เรียก “ทาร์เกต มาร์เกต” บ้างก็เรียก “ทาร์เกต กรุ๊ป” ได้ง่ายและเพิ่มจำนวนได้มากขึ้นถึงตรงนี้...ลองจำแนกนักท่องเที่ยวภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ โดยแหล่งข่าวเชื่อถือได้จากเอเย่นต์ทัวร์อินบาวด์ภูเก็ตรายหนึ่งบอก ผู้โดยสารสายการบินพันธมิตรตะวันออกกลาง อาทิ เอมิเรตส์ฯ, เอติฮัดฯ,อัล อิสราเอล ล้วนเป็น “โบนา ไฟด์ฯ” กลุ่มดูไบ, โดฮา, เทลอาวีฟ ชัดเจน คือ...มากินเที่ยวหลังถือศีลอด โดยเลือกภูเก็ตเป็นเป้าหมายกับใช้เขาหลัก จ.พังงา และเกาะพีพี จ.กระบี่ เป็นเครือข่าย มีบางส่วนไปต่อ “สมุยพลัสโมเดล” ใช้เวลาทัวร์ต่อทริป 7–14 วัน“กลุ่มสิงคโปร์ แอร์ไลน์ ส่วนหนึ่งเป็นต่างชาติ มากสุดคือสิงคโปร์ที่หนีแรงกดดันโควิดในประเทศมาผ่อนคลาย นิยมเที่ยวกับกินและช็อปปิ้ง แต่ผิดหวังภูเก็ตไม่คึกคักอย่างที่คิด ใช้เวลาสั้นๆ 1 วีกต่อทริป เพราะต้องกลับไปทำงานและค้าขาย”สุดท้ายกลุ่มแหม่มไทยกับเขยยุโรป อเมริกา ออสเตรเลีย เลือกบินไทยบินตรงภูเก็ต เลี่ยงถูกกักตัว 14 วันสุวรรณภูมิ อีกอย่างเมื่อถึงภูเก็ตจะมีสถานะเป็นแขกรัฐบาลทำทัวริงได้สบายๆเมื่อครบ 7 วันตามเงื่อนไขถึงปิ๊กเหนือ หรือขึ้นเฮือนเยือนอีสานบ้านเฮา แหม่มใต้จะหลบ (กลับ) บ้าน ให้เขยฝรั่งได้เจอ “พาเรนต์ส อิน ลอว์” นานทีปีครั้ง แล้วเข้าโปรแกรม “โฮมสเตย์” พำนักระยะยาวเรือนตัวเอง...ไม่ก่อให้เกิดรายได้ภาคท่องเที่ยวกับห่วงโซ่ธุรกิจโรงแรมหรือรีสอร์ตนี่คือภาพจริงภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ ที่เชื่อมสู่การเปิดประเทศโดยใช้ “ท่องเที่ยว” เป็นคาถาเรียกเงินตราเข้าประเทศ และเตรียมตัวอยู่ร่วมโลกกับไวรัสหลากสายพันธุ์ต่อไปอีกนาน ม.ล.สุรวุฒิ ทองแถม โฮเทลเลียร์ระดับกูรู และอดีตรองประธานอาวุโสฝ่ายขาย เครือโรงแรมใหญ่ของไทย มองว่า การเปิดตลาดอินบาวด์คงยากสำหรับปีนี้หรือปีหน้า เนื่องจากการให้ความปลอดภัยด้านสาธารณสุขยังไม่เสถียร และติดอันดับ 30 ประเทศในโลกที่มีความเสี่ยง“สภาวะเศรษฐกิจประชากรโลกยังย่ำแย่ ให้จับตา...เมื่อเหตุการณ์คลี่คลายการแข่งขันเรื่องราคาจะเข้มข้น เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศอื่นๆ สงครามแย่งชิงนักท่องเที่ยวจะเกิดขึ้นแน่นอน และยิ่งทวีความรุนแรงกว่าที่ผ่านมา”ม.ล.สุรวุฒิ ย้ำว่า ตลาดอินบาวด์ต้องใช้เวลา 2 ปี หรือ 2 ฤดูกาลท่องเที่ยว ทางออกจึงหนีไม่พ้นตลาดไทยเที่ยวไทย ซึ่งเปรียบได้กับแม่เหล็กพลังสูงช่วยกู้สถานการณ์ได้ หน่วยงานรัฐจึงควรเร่งส่งเสริมและกระตุ้นตลาดให้เทียบเท่าที่ทุ่มใส่ตลาดต่างประเทศทั้งที่ไม่เห็นโอกาสภาระเร่งด่วนควรทำเมื่อ ศบค.คลายล็อกปล่อยผี ให้คนไทยเริ่มปลดปล่อยและเชื่อว่าจะเที่ยวกันถล่มทลายทันทีที่เปิดโอกาส คือรัฐต้องวางแผนล่วงหน้า ตัวอย่างง่ายๆ ผลักดันแหล่งท่องเที่ยวชายฝั่งทะเลตะวันออก ตั้งแต่ชลบุรี พัทยา ระยอง จันทบุรี ตราดถึงเกาะช้าง ให้เป็น “ซิตี้ บีช” มีสีสันรับนักท่องเที่ยว...ก่อนส่งเสริมแหล่งอื่นในแต่ละศักยภาพนั่นหมายถึง...การทำใจกับต่างชาติที่อุตส่าห์ตั้งเป้าทีแรก 3 ล้านคน พอเห็นท่าไม่ดีหดเหลือ 5-7 แสนคน โดยมี “ภูเก็ตแซดบ็อกซ์” เป็นกระจกให้ย้อนดูตัว...ยังดีมี “ไทยเที่ยวไทย” เหลือไว้เป็นตัวเลือกด้วยเป้า “เลขทิพย์” ปีนี้ 100 ล้านคนต่อครั้งทำได้แล้ว 24.58 ล้านคนต่อครั้ง...เอาล่ะ ปีนี้มีอีก 4 เดือนที่เหลือ นับจากนี้จะเป็น “ขิง” หรือ “ข่า”...ไม่นานคงจะได้รู้กันคงต้องตั้งตารอดู รอลุ้นกันต่อไป... “ท่องเที่ยวไทย” จะ “รอด” หรือ “ไม่รอด”...?