ตอน “เว่ยเจิง” มหาเสนาบดีฝ่ายคัดค้าน ตาย ถางไท่จงฮ่องเต้ ตรัสคำอาลัย “เสียดายคันฉ่องที่ดีบานหนึ่ง” ราชวงศ์ถางถือเป็นยุคทอง รุ่งเรืองเฟื่องฟูต่อมากว่า 300 ปี เพราะฮ่องเต้ใช้คันฉ่องหลายบาน บริหารบ้านเมืองคันฉ่องสำคัญอีกบาน คือเรื่องราวในราชวงศ์ สุย ราชวงศ์ที่ปกครองก่อนหน้าราชวงศ์ถางเจินกวนศก 4 (ค.ศ.630) ถางไท่จงตรัสถามเซียวหวี่ว่า จักพรรดิ สุยเหวินตี้ (หยางเจียน) ปฐมจักรพรรดิราชวงศ์สุย เป็นจักรพรรดิประเภทไหน?(เจินกวนเจิ้งเย่า ยอดกุศโลบายจีน อู๋จิง เขียน อธิคม สวัสดิญาณแปล สำนักพิมพ์เต๋าประยุกต์ พิมพ์ครั้งที่ 4 พ.ศ.2552)เซียวหวี่ทูลว่า จักรพรรดิสุยเหวินตี้ รักษาขนบจารีต บริหารราชการแผ่นดินด้วยความวิริยะอุตสาหะ ทรงงานหามรุ่งหามค่ำ ขุนนางตั้งแต่ระดับห้า ต้องอยู่สนทนาให้คำปรึกษา มหาดเล็ก องครักษ์ต้องยืนกินข้าวในหน้าที่“ท่านรู้แค่ด้านเดียว” ถางไท่จงฮ่องเต้ตรัส “สุยเหวินตี้หมกมุ่นในเรื่องรายละเอียดหยุมหยิมเกินไป ไม่เข้าใจเหตุผลเรื่องราวต่างๆอย่างถ่องแท้ จึงเพลี่ยงพล้ำบ่อย”ถางไท่จง รู้ประวัติปฐมจักรพรรดิราชวงศ์สุยดี...บุตรีหยางเจียน เป็นมเหสีจักรพรรดิเซเวียนตี้ ราชวงศ์เป่ยโจว เมื่อจักรพรรดิสวรรคต จิงตี้พระโอรสวัย 8 พรรษาขึ้นเป็นจักรพรรดิหยางเจียนผู้สำเร็จราชการ ปลดหลานออกจากราชบัลลังก์แล้วนั่งแทน สถาปนาราชวงศ์สุยเหตุที่ทรงยึดครองแผ่นดิน ด้วยการข่มเหงรังแกแม่หม้าย และลูกกำพร้า จึงวิตกและระแวงว่า เหล่าเสนาอำมาตย์จะไม่จงรักภักดี จึงมักตัดสินพระทัย และแก้ปัญหาบ้านเมืองโดยลำพังไม่กล้าช่วงใช้ขุนนางฝ่ายบุ๋นฝ่ายบู๊ แม้ทรงเหน็ดเหนื่อยกับงานบ้านเมือง จนสารรูปซูบผอม แต่ก็ไม่สามารถแก้ปัญหามากมายได้อย่างสมเหตุสมผล เหล่าข้าราชสำนักที่รู้ตื้นลึกหนาบาง ก็ไม่กล้าขุนนางระดับใต้มหาเสนาบดีลงไป ก็เอาแต่เออออคล้อยตาม ไม่กล้าทูลเสนอความเห็นที่แตกต่างถางไท่จงฮ่องเต้ ตรัสอย่างมั่นพระทัย “ข้ามีทัศนคติแตกต่างจากสุยเหวินตี้อย่างสิ้นเชิง”แผ่นดินออกกว้างใหญ่ไพศาล ประชากรก็หนาแน่น ราชกิจงานเมืองมีพันเงื่อนหมื่นปม ต้องบริหารและแก้ปัญหาอย่างพลิกแพลงตามสภาพที่เป็นจริง ให้ขุนนางทุกระดับชั้นได้ปรึกษาหารือกันมหาเสนาบดีค่อยสรุป และวางแผนอย่างเป็นเอกภาพ จนเห็นว่าเหมาะสม แล้วจึงเสนอให้จักรพรรดิมีพระราชโองการถ่ายทอดลงไปเพื่อดำเนินการถางไท่จงฮ่องเต้ตั้งคำถาม “ราชกิจงานเมืองร้อยแปดในแต่ละวัน จะให้เป็นหน้าที่ขบคิดตัดสินทุกประการขององค์จักรพรรดิผู้เดียวนั้นควรหรือ?” ตรัสต่อว่า หากวันหนึ่งตัดสินใจสิบเรื่อง แต่ตัดสินผิดพลาดห้าเรื่องเรื่องที่ตัดสินถูกต้องย่อมดีแน่ แต่เรื่องที่ตัดสินผิดพลาดล่ะจะทำอย่างไร?จากวันเป็นเดือน จากเดือนเป็นปี ความผิดพลาดยิ่งสะสมก็ยิ่งมาก แล้วจะไม่สิ้นชาติได้อย่างไร?ถางไท่จงทรงส่องกระจกบานราชวงศ์สุย จนทรงเห็นชัดเจนแล้ว ทรงมีพระราชโองการ หากหน่วยงานต่างๆพบว่าคำสั่งหรือราชโองการที่ถ่ายทอดลงไป มีสิ่งไม่ถูกต้องเหมาะสม จะต้องทำฎีกาเสนอเหตุผลทูลถวายขึ้นมาทรงกำชับห้ามประจบประแจงปฏิบัติตามคำสั่งอย่างหลับหูหลับตาเด็ดขาดผมอ่านเรื่องนี้จบไม่แน่ใจ ทั้งกระจกบานล้มเหลวไปถึงสิ้นชาติ ของราชวงศ์สุย และกระจกบานรุ่งเรืองเฟื่องฟูของราชวงศ์ถาง...จะมีผู้นำยุคหลังๆจะเลือกเอาบานไหนไปเป็นแบบอย่างผู้นำที่รู้จักดูจะเกลียดกระจก ทะเลาะกับกระจกบ่อยๆ ผมไม่แปลกใจ ทำไมจึงได้ยินแต่เสียงผลักไสไล่ส่ง.กิเลน ประลองเชิง