“วิษณุ” ต่อสายเคลียร์ “ชวน” ปมยื้อถกร่าง พ.ร.บ.ประชามติ กมธ. รับลูกเลื่อนเปิดสภาสมัยวิสามัญไปหลังสงกรานต์ “พลเดช” อ้างคณะกรรมการกฤษฎีกาปรับเนื้อหาไม่ทันแก้ ม.9 พันมาตราอื่น ยกเหตุ ส.ว.กังวลเปิดช่องรัฐสภากับภาคประชาชนชงทำประชามติขัดรัฐธรรมนูญ ขู่วาระ 2 วุ่นแน่ส่อแท้ง พท.จวกรัฐบาลดิ้นกลัวอำนาจประชาชน ศาลฎีการับฟ้อง “ปารีณา” รุกป่าสงวนฯ สั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ ส.ส.ทันที “เอ๋” น้อมรับคำสั่ง มั่นใจหลักฐานพร้อมสู้คดี โพสต์รูปนั่งเศร้าในสภาฯ เชื่อไม่ผิดจริยธรรมกระบวนการสกัดกั้นการแก้ไขรัฐธรรมนูญยังคงดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดการเปิดประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญ เพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ เพื่อใช้รองรับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มีอันต้องเลื่อนออกไปช่วงหลังสงกรานต์ ไม่สามารถเปิดได้ทันวันที่ 7-8 เม.ย.นี้ “วิษณุ” เคลียร์ “ชวน” ยื้อ ก.ม.ประชามติเมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 25 มี.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ท้วงติงหลังระบุการเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญเร็วเกินไป ทั้งที่ร่าง พ.ร.บ.ออกเสียงประชามติเป็นเรื่องเร่งด่วนของรัฐบาลว่า ได้พูดคุยทางโทรศัพท์กับนายชวนเรียบร้อยแล้วช่วงเช้าวันที่ 25 มี.ค. ให้ประสานงานกับคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติของรัฐสภาเพื่อดูว่าจะทำเสร็จหรือไม่ ต้องคิดเผื่อเวลานำขึ้นทูลเกล้าฯ รวมทั้งการออกวาระล่วงหน้า นายชวนและตนรับทราบเรื่องเหล่านี้ เมื่อถามว่าสรุปแล้วจะเปิดวิสามัญวันที่ 7-8 เม.ย.ได้หรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ตนขอพบและพูดคุยกับกรรมาธิการก่อน นายชวนไม่ได้ยืนยัน ให้แล้วแต่รัฐบาล แต่ท่านได้เสนอแนะว่าให้บอกเวลาช่วงที่เหมาะสม รายละเอียดต่างๆยังไม่ขอพูดถึง เอาเป็นว่าได้พูดคุยกับนายชวนชัดเจนแล้ว เนื่องจากยังไม่ได้นำขึ้นทูลเกล้าฯ พ.ร.ฎ.เปิดสมัยประชุม จะมาพูดระบุถึงเรื่องวันไม่ใช่เรื่องเหมาะสมที่จะมาพูดก่อนกมธ.แก้ไม่ทันเลื่อนเปิดวิสามัญนพ.พลเดช ปิ่นประทีป ส.ว.ในฐานะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.การออกเสียงประชามติ กล่าวถึงการแก้ไขเนื้อหามาตรา 9 ร่าง พ.ร.บ.การออกเสียงประชามติ ว่า คณะกรรมการกฤษฎีกายังไม่ส่งเนื้อหาที่ปรับปรุงแก้ไขมาให้ กมธ. ล่าสุดได้รับแจ้งว่าคณะกรรมการกฤษฎีกาหนักใจไม่สามารถพิจารณาแก้ไขเนื้อหาเสร็จได้ทัน เพราะต้องแก้ไขเนื้อหาที่ผูกโยงกับมาตรา 9 อีกหลายมาตรา แนวโน้มคงไม่สามารถเปิดประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญวันที่ 7-8 เม.ย.ตามที่นายชวนระบุว่าเหมาะสมได้แล้ว คาดว่าน่าจะเป็นหลังสงกรานต์ จะนำเข้าที่ประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญได้ การประชุม กมธ.วันที่ 1-2 เม.ย.คงหาข้อสรุปอะไรไม่ได้เพราะกฎหมายเสร็จไม่ทัน คงทำได้แค่ประเมินสถานการณ์กันส.ว.อ้างขัด รธน.วาระ 2 ส่อไม่ผ่านนพ.พลเดชกล่าวอีกว่า สมาชิกหลายคนกังวลเนื้อหาที่เพิ่มเติมใหม่ให้รัฐสภาและภาคประชาชนมีส่วนร่วมในการเสนอการจัดทำประชามติ จากเดิมให้ ครม.มีอำนาจฝ่ายเดียว อาจขัดแย้งกับรัฐธรรมนูญที่ระบุว่าการจัดทำประชามติให้ทำได้เฉพาะกรณีการยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ และเรื่องที่ ครม.มีมติให้ทำเท่านั้น ดังนั้น มีความเป็นไปได้ว่า อาจส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญชี้ขาดเป็นทางเลือกหนึ่งที่พิจารณากันอยู่ ส่วนจะโหวตคว่ำร่าง พ.ร.บ.ประชามติในวาระ 3 ตัดปัญหาไปเลยหรือไม่ ขึ้นอยู่กับดุลพินิจที่ประชุมรัฐสภา ไม่ใช่ ส.ว. เพราะเสียงข้างมากกรณีนี้คือเสียง ส.ส.ชี้ขาด แต่ให้จับตาตอนโหวตวาระ 2 มาตรา 10 ถึงมาตรา 14 ที่มีเนื้อหาเกี่ยวโยงกับมาตรา 9 ให้ดี อย่ากะพริบตา มีโอกาสไม่ราบรื่นตีรวนกันสูงเป็นไปได้มาตราเหล่านี้อาจจะไม่ผ่านพท.จวก รบ.กลัวอำนาจ ปชช.นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรค เพื่อไทย ให้สัมภาษณ์กรณีรัฐบาลระบุถ้ากฎหมายประชามติออกมาแล้วมีปัญหาในการปฏิบัติ สามารถยื่นแก้ไขได้ว่า จริงๆแล้วเมื่อรัฐสภาผ่านร่างกฎหมายที่มีความสำคัญ ต้องให้เวลาใช้ดูก่อนว่ามีปัญหาอะไรหรือไม่ ไม่ใช่จะมาแก้ไขหลังประกาศใช้เลยไม่สมควร และมาตรา 9 ที่เปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วม มีโอกาสแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการทำประชามติ ไม่ได้ขัดหลักการกฎหมาย ที่ ส.ว.ท้วงติงว่าให้ประชาชนและรัฐสภามีส่วนร่วมเสนอคำถามอาจขัดรัฐธรรมนูญที่ให้เป็นอำนาจของ ครม.ก็ไม่จริง ประชามติส่วนหนึ่งเป็นความคิดเห็นของประชาชนเหมือนการเสนอกฎหมาย ประชาชน 5 หมื่นชื่อเสนอแก้รัฐธรรมนูญได้ 1 หมื่นชื่อเสนอกฎหมายธรรมดาได้ ประชามติเป็นเรื่องใหญ่ยิ่งต้องสอบถามประชาชน ทำไม กลัวอำนาจประชาชนหรืออย่างไร การให้ประชาชนและรัฐสภามีสิทธิเสนอให้รัฐบาลทำประชามติเป็นเรื่องจำเป็น“แฮงค์” ปัดพรรคร่วมฯโดดเดี่ยว พปชร.ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุชา นาคาศัย รมต. ประจำสำนักนายกฯ ในฐานะเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ของพรรค พปชร.ว่า จุดยืนไม่แตะหมวด 1-2 การแก้ไขอำนาจ ส.ว.ไปว่ากัน จะตัดหรือไม่ตัดอำนาจเป็นเรื่องของสภาฯ เมื่อถามว่า ที่มานายกฯควรมาจาก ส.ส.อย่างเดียว โดยไม่ให้ ส.ว.มีส่วนร่วมใช่หรือไม่ นายอนุชากล่าวว่า ไม่จำเป็น หากจะแก้ไขต้องดูบริบทตามรัฐธรรมนูญเป็นภาพรวมที่ต้องไปคุยกัน แต่ไม่ใช่ว่าเราจะไม่แก้รัฐธรรมนูญ และคงไม่ใช่ว่าพรรค พปชร.ถูกโดดเดี่ยวจากพรรคร่วมรัฐบาลในเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพราะการแก้ไขรัฐธรรมนูญมีความเห็นแตกต่างอยู่แล้ว ในทางการเมืองหากคิดเห็นเช่นเดียวกันคงไม่ปกติ สุดท้ายต้องมาจบว่ารัฐสภาจะไปทางไหน พรรคร่วมรัฐบาลต้องคุยกันอยู่แล้ว “ท็อป” ชี้ให้ ส.ว.ตัดแขนตัวเองไม่ง่ายนายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายและยุทธศาสตร์พรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) กล่าวว่า รัฐธรรมนูญฉบับนี้ข้อเด่นข้อด้อยต้องหาจุดร่วมที่เดินไปข้างหน้าด้วยกันได้โดยปราศจากความขัดแย้ง หลายกลไกที่มีปัญหา เช่น กลไกการเลือกตั้งที่ซับซ้อน มีเงื่อนไขมากขึ้น ไม่ได้ทำให้ระบบโปร่งใสแต่ทำให้ยุ่งยาก อำนาจ ส.ว.ต้องมานั่งคุยกัน ส.ว.เหมือนขอให้คนคนนึงตัดแขนตัวเองทิ้ง ส.ว.คงไม่เห็นด้วย แต่ไม่ใช่แก้ไม่ได้ แต่จะแก้ประเด็นใดต้องเป็นเรื่องที่ ส.ว.รับได้ด้วย ส.ว.ชุดนี้แต่งตั้งขึ้นมาแล้วจะแก้ไขอะไรที่กระทบอำนาจหรือความสำคัญของ ส.ว.เขาคงไม่ยอม“อู๊ดด้า” หนุนเร่งคลอด ก.ม.รองรับรื้อ รธน.นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ กล่าวว่าฝ่ายกฎหมายยกร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญแยกเป็นรายประเด็นร่างละ 1 ประเด็น ไม่รวมร่างเดียว คาดว่า 1-2 สัปดาห์นี้น่าจะเสร็จจากนั้นจะนำไปหารือร่วมกับพรรคร่วมรัฐบาล ประเด็นใดเห็นตรงกันหรือยังเห็นไม่ตรงกันจะปรับอย่างไร เพราะจำเป็นต้องอาศัยเสียงร่วมกัน และต้องอาศัยเสียงวุฒิสมาชิกและฝ่ายค้านด้วย ประเด็นเร่งด่วนที่ต้องแก้คือมาตรา 256 และมาตราเกี่ยวกับอำนาจการเลือกนายกฯของ ส.ว. เป็นต้น ส่วนร่าง พ.ร.บ.ประชามติพรรคสนับสนุนอยากให้ออกมาโดยเร็ว ถ้าเข้าสู่สภาฯพรรคจะให้ความเห็นชอบ หากไม่มีกฎหมายประชามติ การแก้ไขรัฐธรรมนูญก็ทำไม่ได้ หรือทำได้ก็ไม่สำเร็จต้องรอกฎหมายประชามติ เป็นเรื่องจำเป็นบังคับไว้ในรัฐธรรมนูญด้วยศาลฎีการับคำร้อง “ปารีณา” รุกป่าเมื่อเวลา 09.00 น. ที่ศาลฎีกา ศาลนัดฟังคำสั่งในคดี คมจ.1/2564 ที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ยื่นคำร้องขอให้ศาลวินิจฉัยการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐาน ทางจริยธรรมอย่างร้ายแรงของ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ กรณีบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนใน จ.ราชบุรี อันเป็นการขัดกันระหว่างผลประโยชน์ส่วนตัวและส่วนรวม โดยนัดฟังคำสั่งวันนี้ผู้ร้องมาศาล ผู้คัดค้านยื่นคำร้องขอให้ไต่สวนข้อเท็จจริงเพิ่มเติมก่อนมีคำสั่งและขอให้เลื่อนการมีคำสั่งออกไปศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่าในชั้นนี้เป็นการพิจารณาว่าจะรับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัยหรือไม่ กรณีไม่มีเหตุต้องไต่สวนข้อเท็จจริงและเลื่อนฟังคำสั่งออกไปก่อนตามคำร้องของผู้คัดค้าน ส่วนที่ผู้คัดค้านยื่นคำร้องฉบับลงวันที่ 24 มี.ค.โต้แย้งว่าคณะกรรมการ ป.ป.ช.ไต่สวนโดยไม่ชอบ การกระทำของผู้คัดค้านไม่ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรงและตามคำร้องว่าผู้คัดค้านส่งมอบที่ดินคืนให้แก่สำนักงานปฏิรูปที่ดิน ผู้คัดค้านจึงมิได้เป็นผู้กระทำความผิดนั้น เป็นปัญหาที่ต้องว่ากล่าวกันในชั้นพิจารณา นัดไต่สวนพยานผู้ร้องในวันที่ 30 เม.ย. เวลา 09.30 น.ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ ส.ส.ทันทีส่วนที่ผู้คัดค้านยื่นคำร้องว่า หากศาลฎีกามีคำสั่งรับคำร้องเนื่องจากผู้คัดค้านไม่สามารถให้คุณหรือโทษแก่บุคคลใดๆ และไม่สามารถเข้าไปแทรกแซงหรือดำเนินการใดๆเพื่อให้ข้อเท็จจริงคดีนี้เปลี่ยนแปลงไป ขอให้ผู้คัดค้านยังคงปฏิบัติหน้าที่ต่อไปตามคำร้องฉบับลงวันที่ 23 มี.ค. ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่าคำร้องของผู้คัดค้านยังไม่มีเหตุเพียงพอให้ศาลมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น หรือมีคำสั่งให้ผู้คัดค้านปฏิบัติหน้าที่ต่อไปตามที่ผู้คัดค้านร้องขอให้ยกคำร้อง เนื่องจากศาลฎีกามีคำสั่งรับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัยแล้ว และมิได้มีคำสั่งเป็นอย่างอื่นตามรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 มาตรา 235 วรรคสาม บัญญัติให้ผู้คัดค้านหยุดปฏิบัติหน้าที่จนกว่าจะมีคำพิพากษา ให้มีหนังสือแจ้งคำสั่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทราบและผู้คัดค้านยื่นคำ คัดค้านภายใน 14 วันนับแต่วันรับคำร้องและมีหนังสือให้ศาลที่ผู้คัดค้านมีภูมิลำเนาดำเนินการจัดส่งแทน ถ้าไม่มีผู้รับ หรือไม่สามารถทำได้ให้ปิดหมายและให้มีผลใช้ได้ทันที“เอ๋” น้อมรับมั่นใจหลักฐานพร้อมสู้เมื่อเวลา 13.00 น. น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส. ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ กล่าวเพียงสั้นๆหลังศาลฎีการับคำร้องคณะกรรมการป้องกันและปราบปราม การทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ฝ่าฝืนจริยธรรมร้ายแรงกรณีรุกที่ป่า โดยให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ว่า ขอน้อมรับคำสั่งศาลและพร้อมเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม มั่นใจในระบบกระบวนการยุติธรรม เชื่อว่าจะได้รับความเป็นธรรมโพสต์รูปนั่งเศร้าเชื่อไม่ผิดจริยธรรมผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.ส.ปารีณายังได้นำภาพที่เคยถ่ายไว้ขณะนั่งอยู่ในห้องประชุมสภา เป็นภาพนั่งหน้าเศร้าๆ มาโพสต์ลงเฟซบุ๊กส่วนตัว และยังให้สัมภาษณ์สั้นๆอีกครั้งว่า มั่นใจในพยานหลักฐาน เชื่อมั่นไม่ผิดจริยธรรม และพร้อมไปศาลในวันที่ 30 เม.ย. ที่จะมีการไต่สวนพยานผู้ร้องนัดแรกวันที่ 30 เม.ย. เวลา 09.30 น. “เสรีพิศุทธ์” เหน็บ ส.ส.ไม่รู้กฎหมายที่รัฐสภา พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย กล่าวว่า เป็นดุลพินิจของศาลให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ไว้ก่อน แต่ยังไม่ถือว่าพ้นจาก ส.ส. แต่ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ทั้ง ส.ส. และกรรมาธิการ ตนไม่ได้เป็นไม้เบื่อไม้เมากับ น.ส.ปารีณา แต่ ส.ส.จำนวนมากไม่รู้กฎหมาย ไม่รู้ว่าที่ดินที่ครอบครอง เหล่านี้ผิดกฎหมาย มองว่า น.ส.ปารีณาไม่เหมาะสมเป็น กมธ.ป้องกันและปราบปรามการทุจริตตั้งแต่แรก เพราะไม่มีความรู้ด้านกฎหมาย แต่มาจากโควตาพรรคการเมือง มอบหมายงานให้ก็ไม่ทำ กมธ.จึงไม่มอบงานให้ บางครั้งมาเซ็นชื่อรับเบี้ยเลี้ยงแล้วก็ออกไป อยากฝากถึงพรรคการเมืองให้คัดคนมีความรู้ ความสามารถมาทำงานจริงๆ โดยเฉพาะ กมธ.ป้องกันและปราบปรามการทุจริตควรเป็นผู้มีความรู้ทางกฎหมาย ไม่ใช่ส่งคนที่ไม่มีความรู้ทางกฎหมายมาเป็นสร้างภาระแก่ กมธ.“บิ๊กป้อม” หงุดหงิดสื่อถามลูกทีมหาย 1 เสียงพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีศาลฎีการับคำร้องกรณี น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรค พปชร. บุกรุกพื้นที่ป่าสงวนใน จ.ราชบุรี โดยให้หยุดการปฏิบัติหน้าที่ ส.ส. และนัดพร้อมไต่สวน 30 เม.ย.ว่า เป็นเรื่องของศาล ไม่ขอก้าวล่วง เมื่อถามว่าได้ให้กำลังใจ น.ส.ปารีณา อย่างไร พล.อ.ประวิตรตอบว่า ไม่เป็นไรหรอก เขากำลังใจดีอยู่แล้ว เมื่อถามว่าเสียง ส.ส.ของพรรคพลังประชารัฐหายไปหนึ่งเสียงจะกระทบการทำงานหรือไม่ พล.อ.ประวิตรย้อนถามกลับด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยสบอารมณ์ว่า “โห คุณถามอะไรก็ไม่รู้นะ เป็นเรื่องของผมนะ ไม่ใช่เรื่องของคุณ คุณไม่เกี่ยว”“บิ๊กตู่” รับทราบบ่นสื่อไม่สนลูกแฝดถูกขู่เมื่อเวลา 11.00 น. ที่กระทรวงยุติธรรม ถนนแจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ กทม. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม กล่าวตอนหนึ่งกับกลุ่มตัวแทนผู้เลี้ยงไก่ชนหลายจังหวัด ที่มาขอบคุณรัฐบาลคลายล็อกการแข่งขันกีฬาพื้นบ้านไก่ชนว่า ขอให้ทุกคนให้กำลังใจกัน เหมือนที่ตนให้กำลังใจท่าน ยืนยันจะทำหน้าที่ด้วยความโปร่งใส สุจริตและเป็นธรรมให้มากที่สุด หากใครเรียกหาประโยชน์แจ้งมาได้ทันที จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์กล่าวเพียงสั้นๆถึงคดีของ น.ส.ปารีณาว่าทราบแล้ว เมื่อถามว่ากรณีดังกล่าวจะกระทบกับรัฐบาลหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ได้ตอบคำถามพล.อ.ประยุทธ์กล่าวถึงกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมชายไทย อายุประมาณ 40 ปี ที่โพสต์ทวิตเตอร์ข้อความข่มขู่คุกคามบุตรสาวว่า ได้มีการออกหมายเรียกและได้สอบสวนหาหลักฐาน พร้อมย้อนถามสื่อว่า “แล้วควรทำไหม สื่อเห็นว่าควรทำไหม ไม่เห็นมีสื่อไหนพูดให้ผม มีแต่ประชาชนให้กำลังใจฉัน”“อนุชา” ผิดหวังเสียเพื่อนลุยงานสภานายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ในฐานะเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ให้สัมภาษณ์ว่า รู้สึกผิดหวังไปกับ น.ส.ปารีณาที่ต้องโดนตัดสิทธิ ในฐานะเลขาธิการพรรคก็เป็นห่วงในฐานะทำงานร่วมกันมา คงไม่มีผลกระทบต่อการทำงานในสภาฯ เพราะเพิ่งผ่านการเลือกตั้งมา เสียงเรามีอยู่ตอนนี้ค่อนข้างมั่นคง เสียงไม่สำคัญเท่ากับการเสียเพื่อนไปคนหนึ่ง ที่ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ เสียงในสภาไม่ใช่ประเด็น“อนุทิน” ย้ำแลกเก้าอี้ รมต.เป็นเอกภาพนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและ รมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) กล่าวถึงกรณีพรรคภูมิใจไทยและพรรคประชาธิปัตย์สลับโควตา รมช.พาณิชย์ กับ รมช.คมนาคมว่า ช่วงครึ่งหลังวาระรัฐบาลและสภาฯได้พูดคุยว่าได้คนนั้นคนนี้ไปทำงานรับนโยบายกันได้และการบังคับบัญชาชัดเจนไม่ต้องระแวงกันก็ดีทั้งนั้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแต่ละคนมีภารกิจมากแสนสาหัส ถ้าไม่มี รมช.ที่ทำงานเป็นทีมเดียวกัน การทำงานก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ไม่มีเงื่อนไขอื่น การทำงานจากนี้ไปจะเป็นเอกภาพเป็นปึกแผ่น ประชาชนได้ประโยชน์ทั้งนั้นกกต.ไฟเขียวพรรค “ไทยสร้างไทย”วันเดียวกัน สำนักกิจการพรรคการเมือง (สกพ.) สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เผยแพร่ข้อมูลพรรคการเมือง ประจำวันที่ 23 มี.ค. มีพรรคการเมืองที่ยังดำเนินการทั้งหมด 73 พรรค รวมสมาชิกทั้งหมด 1,164,571 คน สาขาพรรค 390 แห่ง ตัวแทนพรรค 2,243 คน มีพรรคใหม่ที่จดทะเบียนเป็นพรรคการเมือง 3 พรรค ได้แก่ 1.พรรคสหประชารัฐ (สปร.) จัดตั้งเมื่อวันที่ 10 มี.ค. มีนายทรรศชล พงษ์ภควัต เป็นหัวหน้าพรรค น.ส.สมร ดีสมเลิศ เป็นเลขาธิการพรรค มีคณะกรรมการบริหารพรรค 7 คน 2.พรรคพลังสังคมไทย (พสม.) จัดตั้งวันที่ 17 มี.ค. มีนายเชาวฤทธิ์ ขจรพงศ์กีรติ เป็นหัวหน้าพรรค นาย จารุพงษ์สกุล จิณะโชติกุล เป็นเลขาธิการพรรค มีคณะกรรมการบริหารพรรค 11 คนและ 3.พรรคไทยสร้างไทย (ทสท.) จัดตั้งเมื่อวันที่ 23 มี.ค. มีนาย สอิสร์ โบราณ เป็นหัวหน้าพรรค นายวัลลภ ไชยไธสง เป็นเลขาธิการพรรค มีคณะกรรมการบริหารพรรค 9 คน“อนุชา” ปัดกระแสเปลี่ยนเลขาฯ พปชร.ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุชา นาคาศัย รมต.ประจำสำนักนายกฯในฐานะเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงกระแสข่าวการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคในเดือน เม.ย. เปลี่ยนโครงสร้างผู้บริหารพรรคว่าไม่ทราบ ยังไม่มีกำหนดการ เมื่อถามถึงความต้องการเปลี่ยนแปลงเลขาธิการพรรค นายอนุชากล่าวว่า ไม่มีๆ ทุกอย่างหัวหน้าพรรคดูแลดีอยู่แล้ว เมื่อถามย้ำว่าเก้าอี้เลขาธิการ พปชร.ยังแข็งแรงใช่หรือไม่ นายอนุชาตอบว่าอยู่ที่ภาพรวม ไม่สามารถกำหนดกฎเกณฑ์อะไรได้โดยลำพัง อยู่ที่กระบวนการของพรรค“4 ช.” ขย่มแย่งเก้าอี้ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การนัดประชุมปรับโครงสร้าง พปชร.ที่กำลังจะมีขึ้นเป็นที่น่าจับตาอย่างยิ่งโดยเฉพาะตำแหน่งเลขาธิการพรรค มีความพยายามจากกลุ่ม 4 ช. นำโดย ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรฯ ที่ต้องการเปลี่ยนตัวเลขาธิการพรรคจากนายอนุชาไปเป็นนายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง ที่ผ่านมามีการกีดกันไม่ให้บริหารจัดการเงินและทรัพยากรของพรรคได้เต็มที่ จนไม่ลงรอยกัน ล่าสุดศึกเลือกตั้งซ่อม ส.ส.นครศรีธรรมราช เขต 3 นายอนุชาเป็น ผอ. การเลือกตั้ง แต่แทบไม่มีบทบาท ผิดกับกลุ่ม ร.อ.ธรรมนัสที่มีบทบาทในการเลือกตั้งซ่อมทุกครั้ง ขณะที่ กลุ่มสามมิตรนำโดยนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรมและนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรมและนายอนุชาก็ไม่ยอม หากพรรคต้องการเปลี่ยนตัวจริง นายสมศักดิ์จะเสนอตัวเป็นแคนดิเดตชิงตำแหน่งนี้เพื่อรักษาโควตากลุ่มเอาไว้รวมไทยสร้างชาติรอ กกต.รับรองขณะที่พรรครวมไทยสร้างชาติที่ถูกมองเป็นพรรคสำรองของ พปชร.รองรับการเลือกตั้งครั้งหน้า เหลือขั้นตอนนำเข้าสู่ กกต.ชุดใหญ่และประกาศในราชกิจจานุเบกษา มีชื่อ น.ส.พนัชกร ตุลานนท์ ยื่นคำขอแจ้งเตรียมตั้งพรรคตั้งแต่วันที่ 17 ก.ค.63 และแจ้งชื่อว่าที่ ร.ท.ไกรภพ นครชัยกุล เป็นหัวหน้าพรรค โลโก้พรรคใช้เครื่องหมายหกเหลี่ยมสีน้ำเงิน มีแถบ 3 เส้นสีทอง ขาว บนเครื่องหมายหกเหลี่ยม หมายถึงการหลอมรวมประชาชนชาวไทยเป็นหนึ่งเดียวกัน สำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่บ้านเลขที่ 169/98 อาคารเสริมทรัพย์ ถนนรัชดาภิเษก ดินแดง กทม. ก้าวไกลปัด “พิธา” ลงชิงผู้ว่าฯ กทม.นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อและโฆษกพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ปฏิเสธกระแสข่าวว่านายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลจะลงสมัครผู้ว่าฯ กทม.ในนามพรรคก้าวไกลว่า ยังไม่มี ข้อเท็จจริงว่านายพิธาจะลาออกเพื่อลงสมัครผู้ว่าฯ กทม. ไม่ทราบว่าแหล่งข่าวมาจากไหน เป็นไปไม่ได้ ความเหมาะสมของนายพิธาคือตำแหน่งนายกฯ ส่วนข้อสังเกตว่าพรรคไม่มีตัวแทนที่พอจะสู้กับนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ และ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา อดีต ผบ.ตร. คงไม่ใช่แบบนั้น คณะกรรมการสรรหาตัวผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.คัดเลือกเหลือ 2-3 คน เป็นทั้งผู้ชายและผู้หญิง อายุ 30 ปลาย และ 40 ต้นๆ คาดว่าจะเปิดตัวก่อนเปิดสมัยประชุมสามัญช่วงเดือน พ.ค.“ชยุต” จอดเบนซ์ชาร์จไฟรัฐสภาฟรีเมื่อเวลา 14.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานจากรัฐสภาว่า กรณีโลกออนไลน์แชร์ภาพรถเบนซ์ของ ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลเข้ามาจอดชาร์จระบบไฟฟ้ารถฟรี ที่อาคารรัฐสภา ล่าสุดนายชยุต ภุมมะกาญจนะ ส.ส. ปราจีนบุรี พรรคภูมิใจไทย ยอมรับว่าเป็นรถตัวเองเพิ่งซื้อมาใช้งานได้เดือนเดียว เป็นรถ 2 ระบบเกิดไฟหมด ต้องขออภัยเจ้าหน้าที่สภาฯด้วย อาจเป็นความไม่รู้และเป็นความบกพร่องของตนเห็นว่าไฟรถหมดจึงเสียบชาร์จช่วงเวลา 11.00 น. ไม่มีใครมาเตือน จึงไม่ทราบว่าจะผิดระเบียบทางราชการหรือไม่ ไม่ได้แอบชาร์จ เพราะจอดรถตรงหน้าประตูใหญ่ ไม่ได้แอบชั้นใต้ดิน เชื่อว่าในอนาคตสภาฯคงคิดเรื่องรองรับรถในอนาคต สร้างสถานที่ชาร์จรถรุ่นใหม่ ไม่ใช่เรื่องผิดปกติ ยิ่งมีเร็วยิ่งดี สภาฯเป็นฝ่ายนิติบัญญัติของประเทศ อะไรที่นำมาซึ่งความทันสมัยและใหม่ ไม่ได้เป็นเรื่องผิดจริยธรรม สภาฯสมควรจะต้องทำส.ส.พท.กระดูกทับเส้นจอดที่คนพิการผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อ 25 มี.ค. บริเวณที่จอดรถคนพิการชั้น B2 ของอาคารรัฐสภา มีรถยนต์มาจอดอยู่ จากการสอบถามผู้เห็นเหตุการณ์เล่าว่าคนขับรถน่าจะเป็น ส.ส.พรรคร่วมฝ่ายค้านพรรคหนึ่ง ซึ่งร่างกายปกติ ไม่ได้พิการมาจอดไว้ ต่อมานายอุบลศักดิ์ บัวหลวงงาม ส.ส.ลพบุรี พรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ว่าเป็นรถของตนเข้าจอดในช่องคนพิการของรัฐสภา เนื่องจากกระดูกทับเส้นที่ขาขวา เดินไม่ค่อยไหว มีอาการปวด และตนขับรถเอง เวลาไปสนามบินต้องนั่งรถเข็น ถ้าจอดไม่ได้ขอให้เจ้าหน้าที่แจ้งมาจะได้ไม่นำมาจอด