เมื่อวานนี้ (จันทร์ที่ 1 มิถุนายน 2563) หน้าเศรษฐกิจหนังสือพิมพ์ไทยรัฐลงตีพิมพ์บทสัมภาษณ์คุณบัณฑูร ลํ่าซำ อดีตประธานธนาคารกสิกรไทย เอาไว้เต็มหน้า 8 ใครที่ยังมิได้อ่าน กรุณากลับไป อ่านกันเสียนะครับ เพราะมีข้อคิดข้อเสนอแนะในการฟื้นฟูเศรษฐกิจ ไทยที่น่าสนใจหลายๆประการสำหรับผมอ่านจบแล้วชอบข้อความที่คุณบัณฑูรอุปมาอุปไมยไว้ช่วงหนึ่ง ขออนุญาตหยิบยกมาเผยแพร่ต่อในวันนี้“สำหรับวิกฤติโควิด-19 ขณะนี้ผมมีโอกาสพบพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ผมได้เรียนว่า วิกฤติเศรษฐกิจครั้งนี้ เหมือนกับสงครามที่ไม่มีทางช่วยเหลือกัน”“ครั้งนี้ล้มพร้อมกันทั้งโลก ไม่มีใครแข็งแรงพอช่วยกันได้...ในช่วง วิกฤติต้มยำกุ้ง เราล้ม แต่ฝรั่งไม่ล้ม...เงินจากฝั่งโน้นมาช่วยได้ แต่ตอนนี้ ทุกคนล้มกันหมด ไม่มีใครช่วยใครได้”นี่คือข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นแก่ทุกประเทศในโลกนี้ นับมาถึงนาทีนี้... ทุกๆคน หรือทุกๆประเทศล้มกันหมด โดยเฉพาะประเทศยักษ์ใหญ่บาดเจ็บหมด ยากจะเหลือเรี่ยวแรงไปช่วยคนอื่นๆคำว่า “ช่วย” ในที่นี้มิได้หมายเพียงแค่การมีเงินทองเหลือเฟือจนสามารถให้คนอื่นกู้ยืมโดยตรงเพื่อไปแก้ปัญหาของแต่ละประเทศเท่านั้น ยังหมายถึงการสั่งซื้อของจากประเทศอื่นๆในจำนวนมาก หรือการไปท่องเที่ยวในประเทศอื่นๆอีกด้วยถ้าทุกฝ่ายในบ้านเราเห็นด้วยและยอมรับข้อเท็จจริงข้อนี้...นโยบายที่ฝ่ายฟื้นฟูเศรษฐกิจของเราจะต้องเน้นก่อนอื่นใดก็คือ นโยบาย “ช่วยตนเอง” หรือ “พึ่งตัวเอง” นั่นเองการพึ่งพาคนอื่น เช่น การส่งออกสินค้าต่างๆ การดึงนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศ หรือการดึงการลงทุนจากต่างประเทศ จะต้องเป็นนโยบาย ที่ รองลงไป อันสืบเนื่องมาจากข้อเท็จจริงที่ว่าทุกประเทศต่างก็หมดเงินซื้อของและหมดเงินที่จะไปท่องเที่ยวเป็นส่วนใหญ่แล้วดังกล่าวที่ใช้คำว่า “รองลงไป” ก็เพื่อมิให้ผู้ที่รับผิดชอบในด้านการส่งออก หรือการส่งเสริมชักชวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศมาเที่ยวบ้านเรา ต้องวางมือไปเสียทั้งหมดเพราะยังอาจจะมีสินค้าบางอย่างที่ขายได้ เช่น ประเภทผลิตภัณฑ์อาหาร หรือที่จะไปใช้ประกอบอาหารต่างๆ ที่อย่างไรเสียก็ยังเป็นที่ต้องการของทุกประเทศหรือในด้านท่องเที่ยวก็ยังอาจจะมีบุคคลบางกลุ่มที่ยังพอมีทรัพยากรพอที่จะออกไปพักผ่อนไปท่องเที่ยวอยู่บ้าง จึงอาจจะต้องเตรียมการในการประชาสัมพันธ์ดึงดูดใจเอาไว้บ้างแต่มิใช่ทุ่มเทกันสุดแบบยุคก่อนๆ ซึ่งจะทำให้เราสิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายไปโดยไม่จำเป็นเท่าที่เป็นข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์ก็พอจะประมาณได้ว่านโยบายการฟื้นฟูเศรษฐกิจของรัฐบาลก็จะเน้นไปแนวนี้คือ เริ่มจากการ “พึ่งพาตนเอง” สำหรับการใช้จ่ายและการท่องเที่ยวในประเทศเป็นหลักโดยเฉพาะการส่งเสริมการท่องเที่ยวนั้น มีข่าวว่ากระทรวงการท่องเที่ยวฯได้ติดต่อประสานไปทางกระทรวงการคลัง เพื่อนำเงินส่วนหนึ่ง มาสนับสนุนแพ็กเกจการท่องเที่ยวในประเทศในหลักการผมเห็นด้วยครับ แต่ในรายละเอียดฝากให้ดูไว้หน่อย อย่าให้เงินที่จะมาสนับสนุนโครงการนี้รั่วไหลไปเข้าพกเข้าห่อใครบางคน ตามแบบฉบับของการใช้เงินหลวง ซึ่งมักจะเกิดขึ้นเสมอๆก็แล้วกันการจุดพลุด้วยการชวนคนไทยที่ยังมีสตางค์และไม่บาดเจ็บออกกิน ออกใช้ และออกท่องเที่ยวในประเทศเป็นนโยบายที่ถูกต้องแล้วครับอย่างที่ผมเคยเรียนท่านผู้อ่านไว้ด้วยมูลค่า GDP ที่เราสะสมไว้ ในแต่ละปีพอเพียงที่เราจะนำมาใช้กระตุ้นเศรษฐกิจคราวนี้อย่างแน่นอนเพียงแค่ส่วนใหญ่ของ GDP ไปกระจุกอยู่ในกระเป๋าของคนกลุ่มน้อย ซึ่งบางตำราใช้คำว่ามีอยู่ประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์ของประชากรของประเทศซึ่งจะตกประมาณ 6.6 ล้านคน จากยอดประชากรประมาณ 66 ล้านคนเศษล่าสุดถ้าคน 6.6 ล้านคนที่ตักตวง GDP ส่วนใหญ่ของประเทศไปอยู่ในกระเป๋าของเขาจะตัดสินใจควักออกมากิน มาเที่ยว มาใช้พร้อมๆกันทั่วประเทศ...ผมว่าไม่นานนักเราจะฟื้นตัวแน่นอนวางแผนกันไว้เลยนะครับท่านที่มีเงินสะสมของท่านเอง (ห้ามยืมคนอื่นเด็ดขาด) ประมาณกรกฎาคม รัฐบาลคงคลายล็อกอีกหลายเปลาะ ทำให้การเดินทางไปทั่วไทยแลนด์สำหรับคนไทยเราสะดวกขึ้นอยากเที่ยวที่ไหนไปที่นั่นเลยนะครับ ไปฉลองกันให้เต็มที่หลังจากต้อง “อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ” กันมาซะนาน.“ซูม”