ปกติวิสัยชาวบ้าน เมื่อทุกข์หนักไม่รู้ว่าจะปรึกษาใคร ก็จะหันหน้าเข้าวัด แล้วปกติอีกเหมือนกัน พระท่านก็มักจะสนองศรัทธา หลวงพ่อขลังๆท่านก็พรมน้ำมนต์ พ่นน้ำหมาก...ขั้นหลวงตา ก็ให้ถวายสังฆทานสิ่งที่คนได้กลับไปบ้าน ก็คือความรู้สึกโล่งใจ ชื่นใจ และความหวังลมๆแล้งๆพระที่ผมอยากให้ฟังธรรม...คลายทุกข์ จากท่านในวันนี้ เป็นพระฝรั่ง ศิษย์หลวงปู่ชา วัดหนองป่าพง ประเทศไทย คือ พระอาจารย์พรหม ครับตอนนี้ เป็นสมภารวัดพุทธในเมืองเพิร์ธ ออสเตรเลียปี พ.ศ.2553 ท่านโด่งดังมากแล้วถูกนิมนต์ไปปราศรัยในงานประชุมสภาคอมพิวเตอร์โลก ที่เมืองบริสเบน“อาตมาไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์เลย” ท่านสารภาพ “แต่การที่อาตมาไม่เข้าใจว่า กำลังไปพูดเรื่องอะไร เป็นเรื่องเล็กๆน้อยๆ อาตมาจึงไม่ปฏิเสธคำเชิญ”พระอาจารย์พรหมไม่ได้เล่า เริ่มปราศรัยด้วยเรื่องอะไรไปถึงไหน...ท่านว่า “อาตมายกแก้วน้ำดื่ม” แล้วถามผู้ฟัง “แก้วใบนี้ หนักแค่ไหน?” ยังไม่ทันมีผู้ใดตอบ พระอาจารย์พรหมก็พูดต่อ“ถ้าอาตมาถือแก้วน้ำใบนี้ ต่อไปอีกห้านาที อาตมาก็จะรู้สึกเมื่อยแขน หลังจากนั้นอีกสิบนาที อาตมาก็จะรู้สึกเมื่อยแขนมากขึ้น และหลังจากอีกสิบห้านาทีผ่านไป อาตมาก็จะมีความทุกข์ทรมานท่าทางของอาตมาจะถูกมองว่า เป็นพระสงฆ์ที่โง่เขลามาก”“ถ้าอย่างนั้น อาตมาควรจะทำอย่างไรดี”“เมื่อใดก็ตามที่รู้สึกว่าแก้วน้ำเริ่มจะหนักเกินกว่าที่จะถือได้อย่างสบายๆ อาตมาก็ควรจะวางมันลงสักหนึ่งนาที การพักแขนเป็นเวลาหกสิบวินาที จะทำให้สามารถยกแก้วน้ำใบนั้นขึ้นมาถือได้อีกครั้งอย่างง่ายดาย”สร้างภาพฝังใจให้ผู้ฟังชัดเจนแล้ว พระอาจารย์พรหมก็เริ่มเข้าสู่คำสอนเนื้อหา“นี่คือ ที่มาของความเครียดในที่ทำงาน ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับปริมาณงานที่ต้องทำ หรือปริมาณความรับผิดชอบที่มี ดังเช่นน้ำหนักของแก้วน้ำของโยมเองแต่มันเกี่ยวกับการไม่รู้ว่า จะต้องวางแก้วน้ำลง เมื่อรู้สึกว่ามันหนักเกินกว่าที่จะถือไว้ แล้วก็พักสักเล็กน้อย ก่อนที่จะยกภาระชิ้นนั้นขึ้นมาอีกครั้ง”จบเรื่องที่พระอาจารย์พรหมออกตัวตอนแรก ไม่รู้ว่าจะพูดเรื่องอะไร ให้ผู้รู้ในสภาคอมพิวเตอร์โลกฟัง เนื้อหาคำปราศรัยเรื่องนี้ ได้รับการยอมรับหนักแน่นมากหนังสือพิมพ์ออสเตรเลียน หนังสือพิมพ์รายวันเล่มเดียวที่พิมพ์จำหน่ายทั่วประเทศ นำไปตีพิมพ์ ทั้งยังถูกนำไปเผยแพร่ต่อในเว็บไซต์ตลาดหลักทรัพย์ออสเตรเลียเรื่องเล่าของพระอาจารย์พรหมเรื่องนี้ ถูกนำมาตีพิมพ์เป็นภาษาไทย ในหนังสือ ชวนม่วนชื่น 2ท่านแนะต่อว่า “ถ้าโยมไม่เรียนรู้ที่จะวางภาระอันหนักลง” และหยุดพักในเวลาที่รู้สึกเครียดคุณภาพการทำงานของโยมก็จะลดลง ผลงานของโยมก็จะน้อยลง ระดับความเครียดของโยมจะเพิ่มมากขึ้นพระอาจารย์พรหมปล่อยมุกทิ้งท้าย เมื่อเรื่องที่ท่านพูดไปปรากฏอยู่ในบล็อกของอาร์วาด บิวสิเนส สคูล ท่านจึงเพิ่งรู้ว่า “พูดเรื่องอะไร”ผมมีมิตรรักนักเพลงหลายคน ก็อยากจะแนะให้อ่านเรื่องแก้วน้ำของพระอาจารย์พรหม...“ตอนนี้ จะไปไหนมาไหน ไว้ใจทางก็ไม่ได้ วางใจคนก็ไม่ลง” กลัวจะติดเจ้าโควิด-19 กันไปหมดยิ่งใครที่อยู่ใกล้ตัวนายกฯประยุทธ์ หาเอาไปให้ท่านอ่านบ้างเป็นห่วงครับ ดูท่านเหนื่อยมาก เครียดมากกว่าปกติที่เคยเป็น.กิเลน ประลองเชิง