อิทธิฤทธิ์ “เอลนีโญ” ที่ธรรมชาติเอาคืนมนุษย์ทำลายสมดุลโลกประเทศไทยซีกหนึ่ง ในห้วงมรสุมฤดูฝน กรมอุตุนิยมวิทยาเตือนพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากใน 29 จังหวัด โดยเฉพาะประเทศไทยตอนบนมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณภาคเหนือ ด้านตะวันตกของภาคกลาง และภาคตะวันออก ขอให้ประชาชนระวังอันตรายจากฝนที่ตกหนักและฝนที่ตกสะสมขณะที่ประเทศไทยอีกซีกในภาคอีสานตอนกลางเจอภาวะฝนทิ้งช่วง ยังไม่พ้นวิกฤติภัยแล้งโดยสภาพอากาศแปรปรวนทั้งแล้งทั้งฝน ล้อไปกับการเมืองปรวนแปร ตามสถานการณ์มรสุมถาโถมเข้าใส่ “รัฐบาลเรือเหล็ก” ที่เพิ่งตั้งลำกำลังแล่นออกจากท่าแบบที่ว่าประเดิมระเบิดป่วนเมืองต้อนรับกันตูมตามและก็ตามฟอร์มที่เดาทางได้ ฝ่ายความมั่นคงไล่สาวปมเงื่อนงำ แกะรอยพบขบวนการหน้าเก่าเบื้องหลังใช้งานคนหน้าใหม่ มี “mastermind” ผู้บงการวางแผนและควบคุมอย่างเชี่ยวชาญเป้าหมายชัดเจน ดิสเครดิตรัฐบาลในสถานการณ์เปลี่ยนผ่านอำนาจโดยเฉพาะการมุ่งไปที่ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ที่รอบนี้ คุมความมั่นคงอย่างเบ็ดเสร็จทั้งกองทัพ ตำรวจ รวมถึงกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ)เลยเจอท้าทายกันตามเงื่อนไขสถานการณ์ระเบิดบึมบัมตามฤดูกาลเหมือนประทัดวันลอยกระทงขณะที่มรสุมลูกใหญ่กว่า “ของจริง” ก็คือสภาวการณ์ทางเศรษฐกิจ ที่เจอโจทย์หนักทั้งสถานการณ์ภายในประเทศจากปัญหาซ้ำๆซากๆสินค้าเกษตรราคาตกต่ำแถมจ่อซ้ำด้วยภาวะภัยแล้ง ภาพดินแตกระแหง ข้าวยืนต้นแห้งตาย หลายพื้นที่ไม่สามารถทำนาตามฤดู ชาวนาขาดรายได้ ยังไงก็หนีไม่พ้นกระทบปากท้องเกษตรกร ชาวบ้านระดับฐานรากไม่เว้นคนชั้นกลางที่ต้องเผชิญข้าวยากหมากแพงแต่นั่นยังไม่รุนแรงเท่าเงื่อนไขสถานการณ์แรงกระแทกเศรษฐกิจภายนอก จากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกากับจีนแผ่นดินใหญ่ ที่ไม่ใช่แค่ล้มโต๊ะข้อตกลงสงบศึกทางการค้ายังยกระดับเกมรบเศรษฐกิจตอบโต้กันอย่างรุนแรงทั้งมาตรการภาษีที่จีนส่งสัญญาณให้บริษัทเอกชนของตัวเองหยุดซื้อสินค้าทางการเกษตรจากสหรัฐฯและขู่รีดภาษีผลิตภัณฑ์จากฟาร์มสัญชาติอเมริกา เป็นการโซ้ยกลับแบบหักดิบประธานาธิบดี “โดนัลด์ ทรัมป์” ที่ประกาศกำหนดมาตรการรีดภาษีสินค้านำเข้าจากจีนรอบใหม่มูลค่า 300,000 ล้านดอลลาร์ล่าสุดถึงขั้นใช้อาวุธหนัก เล่นเกม “ค่าเงิน” เพิ่มความได้เปรียบทางการค้าแนวโน้มสถานการณ์แบบที่ธนาคารกลางจีนกำหนดค่ากลางอัตราแลกเปลี่ยนเงินหยวนในระดับต่ำสุดในรอบ 11 ปี ทะลุแนวต้านที่ 7 หยวนต่อดอลลาร์เขย่าตลาดเงิน ตลาดทุนสั่นสะเทือนกันทั่วโลกเร้าไปกับสถานการณ์ประท้วงในฮ่องกงต่อต้านรัฐบาลจีน ที่ทำให้ศูนย์กลางเศรษฐกิจและท่องเที่ยวในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกต้องกลายเป็นเมืองร้าง และชนวนลุกลามกลายเป็นปมการเมืองระหว่างประเทศ เมื่อมีการแฉจากทางการจีนพบเจ้าหน้าที่กระทรวงต่างประเทศอเมริกันแอบพบกับแกนนำผู้ชุมนุมประท้วงดีกรีความขัดแย้งเข้าใกล้จุดแตกหัก เสี่ยงกับการใช้กำลังสลายม็อบตามสภาวการณ์หนีไม่พ้นสงครามเย็นระหว่างมหาอำนาจจีน–สหรัฐฯที่ต้องส่งผลกระเทือนต่อเศรษฐกิจในกลุ่มประเทศเอเชียแปซิฟิกอย่างเลี่ยงไม่ได้นั่นก็ไม่ต้องพูดถึงประเทศไทยที่ต้องพึ่งพาการส่งออกเป็นหลักอาการแบบที่นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ ต้องออกมาส่งสัญญาณเตือนถี่ๆเศรษฐกิจขณะนี้เริ่มมีปัญหาหลายอย่าง เพราะสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีนส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกจริงreal sector ภาคการผลิต ส่งออกสินค้ากระอักโดยเฉพาะความขัดแย้งยกระดับถึงขั้นใช้ค่าเงินเพื่อเพิ่มความได้เปรียบทางการค้า ทำให้ประเทศไทยต้องจับตาอย่างใกล้ชิด และได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงการคลัง ไปหารือกับหน่วยงานตลาดเงิน ตลาดทุน รวมถึงธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เพื่อจับตาห้ามกะพริบซึ่งก็สอดคล้องกับการที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25 เปอร์เซ็นต์ จากร้อยละ 1.75 เป็นร้อยละ 1.50 ถือเป็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบ 4 ปีเตรียมรับแรงกระแทก “สึนามิ” เศรษฐกิจเต็มที่และก็ถือว่ายังโชคดี โดยธรรมชาติของรัฐบาลเลือกตั้งที่ “ความรู้สึกไว” กว่ารัฐบาลท็อปบูต“มือบริหารอาชีพ” ไม่ต้องเสียเวลาไหว้ครู ขึ้นเวทีชกได้ทันที สถานการณ์อย่างที่นายสมคิดรีบสั่งการ กระทรวงการคลังเร่งออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเฉพาะหน้าเร่งด่วน ไล่จี้รัฐวิสาหกิจเร่งเบิกจ่ายงบลงทุนปลายปี 2562 เพื่อกระตุ้นการหมุนเวียนเศรษฐกิจภายในประเทศจากที่ใส่ “เกียร์ว่าง” มาเกือบครึ่งปี รอรัฐบาลใหม่มาตีเมืองขึ้นตามฟอร์มขณะที่นายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง จ่อชงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 1.7 แสนล้าน เข้าที่ประชุม ครม.เศรษฐกิจวันที่ 19 สิงหาคม และเร่งคลอดภายในเดือนนี้ส่วนนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พลังงาน เปิดแผน 3 เดือนแรก ร่วมมือกับกระทรวงการคลัง ช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยใช้พลังงานราคาถูก เช่นค่าไฟฟ้า ค่าก๊าซหุงต้ม ผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐขณะที่นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม เตรียมหารือ ธปท.ดูแลค่าเงินให้อยู่ในระดับ 32 บาทต่อดอลลาร์ เพื่อไม่ให้กระทบขีดความสามารถในการแข่งขันของเอกชนในการส่งออก พร้อมวางคิวออกโรดโชว์ดึงนักลงทุนต่างประเทศที่ภาวะสงครามการค้าสหรัฐฯกับจีนมาลงทุนในเมกะโปรเจกต์อีอีซีของไทยเหนืออื่นใด ในสถานการณ์แบบที่นายสมคิดยืนยันชัดเจน ทีมเศรษฐกิจรัฐบาล “ประยุทธ์ภาค 2” ไม่มีทางขัดขากัน เพราะส่วนตัวรู้จักคุ้นเคยกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย มากว่า 20 ปี ส่วน นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ก็เป็นนักศึกษาธรรมศาสตร์รุ่นน้องไล่ๆ กันนักลงทุนจึงไม่ต้องห่วงปัญหาขบเกลียวในพรรคร่วมรัฐบาลโดยสถานการณ์มรสุมเศรษฐกิจที่เหมือน “สึนามิ” จ่อถล่ม แต่ทีมเศรษฐกิจ “ประยุทธ์ภาค 2” แท็กทีมวิ่งเข้าชนปัญหา ไม่มีอาการเงอะงะๆอย่างน้อยก็แสดงให้ประชาชนอุ่นใจ พอหวังฝากผี ฝากไข้ได้อีกจุดที่แทรกเข้ามาก็คือ “พายุลูกเห็บ” กับอาการงอแงของขบวนการ “เอี่ยวต่ำ” พรรค 1 ที่นั่ง 5 พรรค ที่ยึกๆยักๆขู่ถอนตัวจากการหนุนรัฐบาล เพราะไม่ได้รับการปูนบำเหน็จตำแหน่งทางการเมือง แถมโยงกับเกมการเมืองภายในพรรคพลังประชารัฐที่มีขาใหญ่จ้องเคลม 11 เสียงพรรคเล็กบี้กับกลุ่มก๊วนต่างๆซึ่งคนทั่วบ้านทั่วเมืองจับไต๋ได้ แค่ “เด็กร้องขอค่าขนม”อารมณ์เจอของจริงก็ไม่กล้า ขืนยุบสภาเมื่อไหร่พวก “เอี่ยวต่ำ” ก็เกมโอเว่อร์สถานการณ์รัฐบาลเสียงปริ่มน้ำที่ล็อกกันด้วยเงื่อนไขบังคับ มันเลยจุดต่อรองเรื่องตัวเลขกันแล้วแต่เรื่องของเรื่องมันดันมาเจอเรื่องไม่เป็นเรื่องที่ส่อเค้าจะเป็นเรื่องกับประเด็นที่ถูกจุดพลุครั้งแรกโดยนายปิยบุตร แสงกนกกุล ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ โวย พล.อ.ประยุทธ์ นำ ครม.กล่าวคำถวายสัตย์ฯไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ ส่อขัดรัฐธรรมนูญและตอนแรกฝั่งรัฐบาล โดยเฉพาะนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ฝ่ายกฎหมาย พยายามออกตัวว่า ขั้นตอนการถวายสัตย์ฯครบถ้วนแล้ว ไม่มีปัญหาแต่อย่างใด และยังตัดบทด้วยว่า“อย่าไปอยากรู้ในสิ่งที่ไม่ควรรู้”แต่ดูเหมือนจะไม่จบง่าย เพราะพรรคร่วมฝ่ายค้านยังเดินหน้าไล่จี้ไล่ต้อน “บิ๊กตู่” ให้เคลียร์ปมร้อน ว่ากันถึงขั้นขู่จะยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจและจุดสำคัญก็คือ โดยอาการลึกๆของ พล.อ.ประยุทธ์เองที่แสดงความกังวลออกมาให้เห็น จากการพูดย้ำแล้วย้ำอีก 3–4 รอบ แอ่นอกขอแก้ไขปัญหาปมถวายสัตย์ฯด้วยตัวเองขอรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียวอารมณ์แบบที่พูดบนเวทีเป็นประธานการประชุมชี้แจงนโยบายรัฐบาลต่อผู้บริหารระดับสูง เป็นห่วงกังวลอยู่อย่างเดียวว่าทำอย่างไรจะทำงานได้ ก็ขอให้ทุกคนได้ทำงานต่อไป ยังคงมีรัฐบาลอยู่แถมยังกล่าวขอโทษคณะรัฐมนตรี และถือว่าตนเองได้ทำอย่างเต็มที่แล้วจับคำพูด “นายกฯลุงตู่” ประกอบแนวโน้มสถานการณ์ นั่นก็เลยนำมาซึ่งกระแสนายกรัฐมนตรีถอดใจจะลาออก แก้ปมปัญหาการถวายสัตย์ฯไม่ครบ ขัดรัฐธรรมนูญทำให้คนในแวดวงรัฐบาลต้องออกมาปฏิเสธกันพัลวันและในเวลาต่อมา พล.อ.ประยุทธ์ก็ยืนกรานเสียงแข็ง “ผมยืนยันวันนี้ทำหน้าที่อย่างเต็มที่ เพราะผมเป็นนายกรัฐมนตรีอยู่ตรงนี้ ผมไม่ไปไหน ไม่ต้องเป็นห่วง”สรุปไม่มีอะไรในกอไผ่ แค่กลอนพาไปบนเวทีแต่ทั้งนี้ทั้งนั้น โดยสถานการณ์สะท้อนภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก“ไฟต์บังคับ” พล.อ.ประยุทธ์ต้องหาทางออกให้ได้เพราะถึงแม้ในมุมของประชาชนทั่วไปหรือฝรั่งต่างชาติอาจมองว่ารัฐบาล “ประยุทธ์ภาค 2” ต้องเจอเรื่องไม่เป็นเรื่อง รัฐบาลเรือเหล็กเจอปัญหาขัดข้องทางเทคนิคในจังหวะเพิ่งตั้งลำเดินหน้า ในสถานการณ์ “สึนามิ” เศรษฐกิจกำลังถาโถมเข้าใส่แต่ในเมื่อรัฐธรรมนูญบังคับไว้ การถวายสัตย์ฯจะขาดจะเกินไม่ได้“เรือเหล็ก” ขัดข้องทางเทคนิค กัปตันต้องแก้ไข ดีกว่าเสี่ยงไปล่มกลางทาง.“ทีมการเมือง”