ย่างเข้าเมษายนเดือนแห่งความร้อนแล้งโดยเฉพาะภาคเหนือกำลังวิกฤติหนัก จากหมอกควันพิษเกินมาตรฐานระดับสีแดงเพราะไฟป่าส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อชีวิตประจำวันของพี่น้องประชาชนต้องเผชิญปัญหาสุขภาพ โรคระบบทางเดินหายใจ ในสถานการณ์ที่กระเทือนถึงธุรกิจท่องเที่ยว จังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย แม่ฮ่องสอน ห้างร้านเงียบไม่มีคนเดิน แขกยกเลิกจองที่พักผวาภาวะหมอกควันพิษอยู่ในระดับอันตรายอย่างไรก็ตาม ในท่ามกลางวิกฤติก็มีข่าวน่าชื่นใจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. ได้ อัญเชิญพระราชกระแสรับสั่งสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงห่วงใยประชาชนในพื้นที่ภาคเหนือที่กำลังประสบปัญหาหมอกควันไฟป่า และฝุ่นละอองขนาดเล็กเกินค่ามาตรฐานรวมทั้งทรงให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานทุกคนปฏิบัติหน้าที่ด้วยความอดทนเสียสละวิกฤติควันพิษไฟป่าหน้าแล้งกำลังสร้างหายนะอย่างรุนแรงในพื้นที่ภาคเหนือในสถานการณ์ที่ควันไฟจากชนวนการเมืองก็ลุกโขมง ตามปรากฏการณ์ที่ “บิ๊กแดง” พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก ออกมาคำราม “สัญญาณพิเศษ”ปล่อยวาทะร้อน “ซ้ายจัดดัดจริต”อย่าคิดเปลี่ยนแปลงการปกครองพร้อมกันนั้น ผบ.ทบ.ยังเปิดคิวให้สัมภาษณ์สื่อต่างประเทศประจำประเทศไทย ประกอบด้วย CNN, AFP, NHK, EPA, Japanese News Agency, ABC Australia, CNA Singapore ฯลฯ ประกาศจุดยืนกองทัพชัดให้รับรู้กันทั่วโลกยอมไม่ได้ให้คนไทยไปต่อสู้กันบนถนนอีกทุกคนต้องยอมรับกติกา คือคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ประกาศผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ 9 พฤษภาคม ซึ่งนายกรัฐมนตรีพยายามควบคุมให้ทุกอย่างแฟร์ ส่วนจะแฟร์หรือไม่แฟร์อยู่ที่ตัวบุคคล เมื่อคนแพ้ไม่พอใจก็หาเรื่องเรื่องของเรื่อง โดยอาการ “เทกแอ็กชัน” แรงๆของจ่าฝูงกองทัพบกก็สอดคล้องต่อเนื่องกับการที่ พล.อ.ประยุทธ์ ได้ออก “สารนายกรัฐมนตรี” ขอให้ประชาชนร่วมใจกันปกป้องบ้านเมืองไม่ให้วุ่นวายอีกระบุชัด มีผู้ไม่หวังดีบางกลุ่มใช้โซเชียลมีเดียบิดเบือนข้อเท็จจริงและโดยจังหวะสถานการณ์ขยับออกตัวแรงๆของ “บิ๊กตู่” กับ “บิ๊กแดง” มันก็โยงกันพอดีกับปรากฏการณ์ทางกระแสควันหลงจากการเลือกตั้ง ที่พรรคเพื่อไทย พรรคอนาคตใหม่ และแนวร่วมชิงแถลงจับขั้วจัดตั้งรัฐบาลอ้างเสียงข้างมากเกินครึ่งสภา ภายหลังรู้ตัวเลข ส.ส.อย่างไม่เป็นทางการแต่ก็เป็นได้แค่ “รัฐบาลลม” เพราะตัวเลขไม่ชัวร์นั่นก็ทำให้แรงกระแทกไหลไปที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กลายเป็นตำบลกระสุนตก โดนรุมถล่มหนัก สารพัดข้อหา ทั้งบกพร่อง ตุกติก จัดเลือกตั้งไม่โปร่งใสประกาศผลเลือกตั้งไม่ทันใจพวกที่รอลุ้นจับขั้วรัฐบาล โดยเฉพาะสถานการณ์ปลุกกระแสถอดถอน กกต.ในโซเชียลมีเดียที่ล้อไปกับการเคลื่อนไหวขององค์กรนิสิตนักศึกษาหลายสถาบันที่เคลื่อนไหวออกแถลงการณ์กดดัน กกต.เล่นกระแสข่าวกันวันต่อวัน ลามต่อกันเป็นโดมิโนทั้งๆที่ไม่รู้ว่ากระบวนการโละ กกต.จะทำอย่างไร ที่สำคัญจะพานให้เลือกตั้งติดล็อกหรือไม่และนั่นก็เข้าเหลี่ยมการเมืองขั้วตรงข้าม คสช. ฝั่งของพรรคเพื่อไทยที่พยายามแห่กระแส ชิงความชอบธรรมในการพลิกขั้วอำนาจ ชิงจัดตั้งรัฐบาลแข่งกับทีมหนุน “นายกฯลุงตู่” ถ้าสู้ในเกมชิงตัวเลขไม่ได้ก็แห่ทุบ กกต. เพื่อลามถึงความชอบธรรมของรัฐบาลพลังประชารัฐภาพดูเหมือนกลุ่มอำนาจเก่าทีมดูไบ ได้โอกาสโหนนักศึกษารุ่นใหม่ในการขับเคลื่อนมวลชนแทนแกนนำม็อบหน้าเก่าๆ ที่ต้องโทษอยู่ในเรือนจำสำนึกบาป ติดคุกเข็ดหลาบกันหมดแล้วแนวโน้ม “นายใหญ่” เลยเต็มใจมอบธงให้แกนนำรุ่นใหม่อย่าง “ไพร่หมื่นล้าน” นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้า กับนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ เป็นแกนขับเคลื่อนหลักแทนทีมคุมเกมมวลชนเก่าที่หมดกระแส ไม่เหลือสภาพการใช้งานสถานการณ์ค่อยๆชัดเจนขึ้นโดยอัตโนมัติ “ธนาธร–ปิยบุตร” คือหัวหอกฝ่ายต้าน คสช. ที่ “นายใหญ่” ถ่ายโอนสรรพกำลังในขุมข่ายพรรคเพื่อไทยให้เป็นแนวร่วมกองหนุนในห้วงที่เครือข่าย “ทักษิณ” โดนไล่ใกล้จนกระดานเต็มทีและนี่ก็เป็นเหตุที่ฝ่ายความมั่นคงต้องขยับ รับมือกับจุดเสี่ยงของคนไม่มีอะไรจะเสีย ไม่มีหลักประกัน อะไรที่ไม่คาดคิด เกมป่วนไร้ทิศทางยากต่อการคาดหมายประกอบกับ “ทัศนคติอันตราย” ของ “ธนาธร” กับ “ปิยบุตร”หลักฐานชุดความคิดที่แสดงออกต่อสาธารณะในหลายช็อตหลายเวทีของหัวหอกพรรคอนาคตใหม่ในอดีตหมาดๆ มันมีเหตุให้รัฐบาล กองทัพ ตลอดจนประชาชนคนรักสถาบันพากันหวาดระแวงสงครามแฝงของพวกล้มล้างการปกครอง ต้องรีบบล็อกก่อนที่กระแสจะไหลลามในหมู่นักศึกษาที่ด้อยประสบการณ์เชิงประวัติศาสตร์การเมือง ไหนจะพวกอ่อนไหวต่อข้อมูลบิดเบือนโซเชียลมีเดียเสพข้อมูลแค่ 2-3 บรรทัดแล้วเชื่อทันทีโดยเฉพาะในห้วงบรรยากาศพระราชพิธีสำคัญ ทุกอย่างควรอยู่โหมดสงบ เพื่อโชว์ความสวยงามให้ทั่วโลกได้เห็นความยิ่งใหญ่ของโบราณราชประเพณี วัฒนธรรม ที่ยาวนานของประเทศไทยในรอบเกือบ 70 ปี บางคนชั่วชีวิตอาจได้เห็นแค่ครั้งเดียวสัญญาณแรงๆของ “บิ๊กแดง” ก็คือการปรามให้ทุกฝ่ายอยู่ในความสงบชั่วคราวเรื่องของเรื่อง โดยเงื่อนไขสถานการณ์ในทางยาวๆ มันก็ไม่น่าจะมีอะไรรุนแรงถึงขั้นล้มเกมคว่ำกระดาน ถ้า กกต.สามารถเคลียร์ปมที่สังคมกังขา ไม่ให้ลามเป็นความไม่เชื่อมั่นต่อองค์กรเข้าทางพวกจ้องจุดชนวน “น้ำผึ้งหยดเดียว”ลุกเป็นไฟวิกฤติความขัดแย้งของสังคมรอบใหม่แบบที่ล่าสุด กกต.ได้จัดให้มีการนับคะแนนและ ลงคะแนนใหม่ในเขตเลือกตั้งที่มีปัญหาหรือที่นายประพันธ์ นัยโกวิท อดีตกรรมการร่างรัฐธรรมนูญและอดีต กกต.ยืนยันภายหลังการหารือกับกรรมการที่ปรึกษากฎหมาย กกต. กรณีการคำนวณสูตร ส.ส.บัญชีรายชื่อหรือปาร์ตี้ลิสต์ เป็นอำนาจหน้าที่ของ กกต.ตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. มาตรา 128 วรรคท้ายหลักคิดของรัฐธรรมนูญมุ่งให้ทุกคะแนนเสียงมีความหมายในชั้นกรรมาธิการยกร่างกฎหมายลูกได้นำตารางการคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อมาพิจารณา ดูหมดว่าถ้ากรณีไม่มีโอเว่อร์แฮงก์จะทำอย่างไร หรือมีโอเว่อร์แฮงก์จะคิดคำนวณอย่างไร หากต้องประกาศ ส.ส.ที่ร้อยละ 95 เพื่อให้เปิดประชุมสภาได้จะคิดอย่างไร จนเขียนออกมาเป็น มาตรา 128 และมาตรา 129ตารางการคำนวณมีอยู่หมดแล้ว โดยมาตรา 128 ให้ กกต.เป็นผู้คิดและมีอยู่ “สูตรเดียว” เท่านั้น ส่วนกรณี 12 พรรคเล็ก ที่ได้ปาร์ตี้ลิสต์พรรคละ 1 คน อยู่ในสูตรที่มีอยู่ในกรรมาธิการฯ และมีปรากฏมานานแล้วขณะที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ยืนยัน กกต.หารือกับกรรมการร่างรัฐธรรมนูญถูกแล้ว อำนาจการตัดสินอยู่ที่ กกต. ถ้าใครไปฟ้องศาล ศาลวินิจฉัยว่าเป็นอำนาจ กกต. ศาลก็จำหน่ายคดีเป็นไปไม่ได้ที่มันจะตัน ปัญหาอยู่ที่เราคิดว่าเป็นทางออกที่คนเชื่อหรือไม่สรุปถ้าทำใจเป็นกลาง ชั่งน้ำหนักข้อมูล ไม่ไหลตามเกมแห่ในโซเชียลฯ สถานการณ์มันจะไม่ลุกลามและตามรูปเกม โดยสถานการณ์จับขั้วจัดตั้งรัฐบาลก็พอจะมองเห็นภาพได้ ภายหลังฝั่งพรรคเพื่อไทยจับขั้วรวมเสียงได้แค่ “รัฐบาลลม” เพราะเสียงไม่ชัวร์ระดับความชัวร์จึงไหลมาทางฝั่งพรรคพลังประชารัฐมากกว่าตามเงื่อนไขรัฐธรรมนูญที่เอื้อให้จากเสียงต้นทุน 250 ส.ว. ขอแค่อีก 126 เสียง ส.ส.ก็โหวตให้ พล.อ.ประยุทธ์ ตีตั๋วต่อนายกรัฐมนตรีได้เมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ยึดแป้นนายกรัฐมนตรีได้ดุลอำนาจการเมืองก็จะเพิ่มตามสถานะจังหวะเอื้อกับสถานการณ์รวบรวมเสียงข้างมากในสภา โดยธรรมชาตินักการเมืองอาชีพใครก็อยากอยู่ฝั่งรัฐบาล แปะข้างฝาได้กับเสียงของพรรคชาติไทยพัฒนา พรรครวมพลังประชาชาติไทย พรรคชาติพัฒนา พรรคภูมิใจไทย พรรคประชาธิปัตย์ ในปีกของ กปปส. พรรคเล็กๆเก็บเบี้ยใต้ถุนร้าน หรือมองโลกแง่ร้ายสุด “ลุงตู่” ยอมเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย ถึงจังหวะยุบสภานั่นก็จะวัดใจนักเลือกตั้งอาชีพทุกยี่ห้อทุกป้อมค่าย ที่เพิ่งเหนื่อยรากเลือด เปลืองทุน เปลืองแรงกันมายังไม่ทันได้พักหายใจหายคอ จะต้องลงสนามกันใหม่จับอาการว่าที่ ส.ส.เพื่อไทยที่ไม่ยอมลงชื่อในสัญญาลาออกถ้าขัดมติพรรค หรืออารมณ์ของลูกทีมอนาคตใหม่ที่รู้ดีว่าโอกาสถูกหวยเป็น ส.ส.ตามกระแสแค่รอบเดียวแค่นี้ก็เดาทางได้ “งูเห่า” รอปากรู แทบไม่ต้องไล่ต้อนดูตามรูปการณ์ ตั้งสติมองทะลุฝุ่นควันที่ฟุ้งกระจายมันก็ไม่ได้มีอะไรซีเรียสซักเท่าไหร่ ในเมื่อถึงจุดที่รู้ตัวเลขชัวร์ๆ กกต.ก็คือคนถืออำนาจ โดยมีกรรมการร่างรัฐธรรมนูญเป็นตัวช่วยยืนยันเจตนารัฐธรรมนูญการจับขั้วตั้งรัฐบาลก็เดินหน้าได้ทันทีหลังพระราชพิธีตามคิวประกาศ ส.ส.ร้อยละ 95 เงื่อนไขสถานการณ์เข้าทางฝั่งพลังประชารัฐและแนวร่วมมากกว่าโดยรูปการณ์ เมื่อมันยังมีทางออกโดยการเดินตามรัฐธรรมนูญอย่างชอบธรรม มีกฎหมายรองรับ ประเทศกำลังกลับเข้าสู่โหมดประชาธิปไตยจากการเลือกตั้งตามโรดแม็ปเว้นแต่พวกไม่ได้ผลอย่างใจ ไม่ยอมรับกติกา สร้างวาทกรรมเผด็จการโกง ไม่ยอมรับผลเลือกตั้งป่วนกระดาน ลากเข้าทางตัน.“ทีมการเมือง”