การก้าวเข้าสู่เศรษฐกิจดิจิทัล ที่ประเทศไทยตั้งใจจะให้เป็นศูนย์กลางทั้งธุรกิจและอุตสาหกรรมภาคใต้ เขตเศรษฐกิจพิเศษระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก หรือ อีอีซี บวกกับโครงสร้างพื้นฐานทางด้านคมนาคมที่จะเชื่อมต่อกับ เส้นทางสายไหม ทำให้ประเทศไทยเป็นที่จับตาทั้งในฐานะ ประเทศที่น่าลงทุนและศูนย์กลางการลงทุน ในภูมิภาคนี้เมื่อเร็วๆนี้ ธเนศ ปณิธานศิริกุล กรรมการผู้จัดการบริษัท S.P.Petpack Inter Group ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมพลาสติกในประเทศไทยที่มีมาตรฐานจนเป็นที่ยอมรับของลูกค้าในประเทศและต่างประเทศ ได้ขยายฐานการผลิตระดับชั้นนำของประเทศและระดับอาเซียน ด้วยการตั้งฐานการผลิตผลิตภัณฑ์พลาสติกที่ สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา นิคมเขตเศรษฐกิจพิเศษ ติละวา โดยร่วมมือกับกลุ่มนักลงทุนในภาคการผลิตอุตสาหกรรมและโลจิสติกส์อย่างครบวงจรทั้งจากอาเซียนและทวีปยุโรปทั้งนี้ มีบริษัทพันธมิตรที่สำคัญคือ พีทีที โกลบอล เคมิคอล หรือ GC ผู้นำในธุรกิจปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ ให้การสนับสนุนวัตถุดิบที่สำคัญ ได้แก่เม็ดพลาสติก InnoPlus คุณภาพสูง นับว่าเป็นโรงงานผลิตภัณฑ์พลาสติกจากประเทศไทยโรงงานแรกใน ประเทศเมียนมา ถือเป็นก้าวแรกของ กลุ่มอุตสาหกรรมพลาสติกไทยที่จะเป็นผู้นำของผลิตภัณฑ์พลาสติกโลกในอนาคตโรงงานดังกล่าวผลิตบรรจุภัณฑ์พลาสติกสำหรับอาหาร นม น้ำมันหล่อลื่น และบรรจุภัณฑ์พลาสติกต่างๆ มีความพร้อมทางด้านเทคโนโลยี มีเครื่องจักรที่ทันสมัยได้มาตรฐานสากล มีกำลังผลิตรวมประมาณ 3,000 ตันต่อปี และสามารถขยายกำลังการผลิตได้ถึง 8,800 ตันต่อปี ในปี 2569 มีมูลค่าโครงการประมาณ 12 ล้านเหรียญโดยที่ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ GC สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ ยืนยันว่า การสนับสนุนผู้ประกอบการพลาสติกของประเทศไทยให้มีการขยายการลงทุนตอบสนองความต้องการของตลาดยุคใหม่ที่เป็นหนึ่งในนโยบายของ GC เริ่มต้นจะมุ่งเน้นขยายตลาดในกลุ่มประเทศ CLMV คือ กัมพูชา สปป.ลาว เมียนมาและ เวียดนาม เป็นการพัฒนาและต่อยอดธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน ซึ่งตลาด CLMV มีอัตราการเติบโตที่น่าสนใจ คือสูงขึ้น 1.5-2.0 เท่าของ GDP เฉพาะที่ เมียนมา มีความต้องการใช้พลาสติกจำนวน 250,000-300,000 ตันต่อปีคาดว่าในอีก 5 ปีข้างหน้า GC ตั้งเป้าทำยอดขายเม็ดพลาสติกในตลาด CLMV และตลาดอาเซียนในกลุ่มเออีซีกว่าแสนล้านบาท ซึ่ง GC มีนโยบายที่จะเข้าไปลงทุนในอุตสาหกรรมพลาสติกในกลุ่มประเทศ CLMV ในสัดส่วนไม่เกินร้อยละ 25 เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้า โดยไม่มีการไปทำสินค้าแข่งกับลูกค้าแต่อย่างใดปัจจุบัน GC มีส่วนแบ่งตลาดเม็ดพลาสติกใน กัมพูชา ร้อยละ 12 สปป.ลาว ร้อยละ 81 เมียนมา ร้อยละ 14 และ เวียดนามร้อยละ 5 มี การส่งออก รวม 70,000 ตันต่อปี ซึ่งยังมีโอกาสที่จะเจริญเติบโตได้อีกมากจาก ปริมาณการใช้เม็ดพลาสติกทั่วโลก กว่า 10 ล้านตันต่อปี เป็นเครื่องยืนยันว่า ประเทศไทยพร้อมที่จะเป็นศูนย์กลางของการค้าและอุตสาหกรรมในภูมิภาคนี้ตามนโยบายไทยแลนด์ 4.0.หมัดเหล็กmudlek@thairath.co.th