ตลอดปี 68 สำหรับประเทศไทย ถ้าจะเรียกว่าเป็น “ปีแห่งความเหนื่อยล้า” น่าจะได้!! เพราะคนไทยยังคงเผชิญอยู่กับวิกฤติหลายด้านต่อเนื่องมาหลายปี ไล่เรียงตั้งแต่โควิด-19 จนถึงสงครามการค้า ภาษีทรัมป์ ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ ปัญหาการเมืองในประเทศ การทุจริตของคน 3 กลุ่มใหญ่ของประเทศ ทั้งนักการเมือง ข้าราชการ นักธุรกิจ จนถึงการสู้รบกันระหว่างไทย-กัมพูชาซึ่งล้วนแต่ฉุดรั้งความก้าวหน้า และการเจริญเติบโตของประเทศในทุกด้าน โดยเฉพาะเศรษฐกิจประเทศ และสถานภาพทางเศรษฐกิจส่วนบุคคลของประชาชนส่งผลให้คนไทยยังคงมีหนี้สินรุงรัง พันกันเป็นร่างแห และไม่มีทีท่าจะสะสางจนหมดได้ เพราะรายได้ต่ำ สวนทางกับรายจ่าย และค่าครองชีพที่สูงขึ้นมาก ขณะที่บางรายเข้าไม่ถึงเงินกู้ เพราะหนี้สินล้นพ้นตัว ไม่เหลือเครดิตให้แบงก์เชื่อถือขณะเดียวกัน งานก็ไม่มั่นคง เพราะนายจ้าง โดยเฉพาะเอสเอ็มอี หากเป็นกลุ่มส่งออก ก็ได้รับผลกระทบจากการส่งออกบางตลาดที่ไม่ดีนัก แม้ส่งออกปีนี้ คาดการณ์จะมีมูลค่าสูงสุดเป็นประวัติการณ์กว่า 370,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ แต่ส่วนหนึ่งเกิดจากการเร่งนำเข้าเพื่อหนีการเสียภาษีตอบโต้สหรัฐฯอัตราสูงคาดปี 69 ส่งออกไทยจะถูก “เผาจริง” เพราะผลของการเก็บภาษีตอบโต้จะเกิดขึ้นเต็มปีและหากเป็นเอสเอ็มอีที่ขายสินค้าในประเทศ ก็ได้รับผลกระทบจากกำลังซื้อคนไทยที่เหือดหาย อีกทั้งต้นทุนการผลิตต่างๆ ขยับขึ้นมาก ทำให้ปรับขึ้นราคาขายไม่ได้อีก เพราะการแข่งขันที่รุนแรง ทั้งจากสินค้าไทยด้วยกันเองที่ดิ้นหนีตาย ลด แลก แจก แถมสะบัด และจากสินค้าต่างประเทศที่ทะลักเข้าสู่ไทยทำให้เอสเอ็มอี ยอดขายตก กำไรหด ขาดทุน บางรายต้องลดเงินเดือน หักโอที หนักๆเข้าก็ปลดพนักงาน อีกทั้งส่งผลให้ภาคเอกชนแทบไม่ลงทุนเพิ่ม และแทบไม่มีเงินเข้ามาหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจจากการลงทุนเอกชน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งผลักให้ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ขยายตัวส่วนคนไทยบางราย แม้ยังมีงานทำก็เสี่ยงตกงานเหมือนเด็กจบใหม่ปีละนับแสนคน เพราะอาจถูก “หุ่นยนต์” และ “AI” แย่งงาน ยิ่งกว่านั้น ภัยพิบัติทางธรรมชาติ ก็สร้างผลกระทบให้ประชาชนเช่นกัน แม้รัฐบาลออกมาตรการต่างๆมาช่วยเหลือ แต่ก็ไม่ได้ทำให้สถานการณ์ทางเศรษฐกิจของประชาชนฟื้นขึ้นมาได้ เช่นเดียวกับเศรษฐกิจประเทศที่มีแต่ถดถอยลงส่วนปี 69 สถานการณ์เช่นนี้จะยังคงมีอยู่ต่อไป และน่าจะหนักขึ้น เพราะหลายสำนักพยากรณ์ทางเศรษฐกิจ คาดการณ์ จีดีพี จะโตได้แค่ 1.5-1.7% จากปีนี้ที่คาดจะโตได้เกิน 2%ประเทศไทยยังคงเป็น “ผู้ป่วยเรื้อรัง” ที่รอวันตาย หากไม่ปรับโครงสร้างประเทศครั้งใหญ่ ส่วนคนไทยก็ต้องปรับตัวด้วย ต้องเพิ่มทักษะ ทำงานให้ได้มากกว่า 1 อย่าง แม้เป็น “เป็ด” แต่ยุคนี้ “เป็ด” เท่านั้นที่รอด และต้องประหยัด ลดความอยากมี อยากได้ ก็น่าจะอยู่รอดได้!!เช่นเคย ปีใหม่นี้ “ฟันนี่เอส” มีไดอารี “ไทยรัฐ” มาฝาก ใครอยากได้ส่งคำติชมคอลัมน์ “กระจก 8 หน้า” หรือคอลัมน์อื่นๆใน นสพ.ไทยรัฐมาได้ที่อีเมล lerdsud@yahoo.com พร้อมชื่อ ที่อยู่ ด่วน!!ฟันนี่เอสคลิกอ่านคอลัมน์ “กระจก 8 หน้า” เพิ่มเติม