ภาพจำสมัยพ่อขุนรามคำแหง...ที่แปลงความจากศิลาจารึก...ราษฎรผู้ใด “เจ็บท้องข้องใจ” ก็ไปสั่นกระดิ่ง...พ่อขุนท่านก็จะออกมานั่งแท่นศิลามนังคศิลา...รับฟังสะสางนี่คือแบบอย่างง่ายๆ ตรงไปตรงมา ที่พระเจ้าแผ่นดินสมัยต่อมาทรงใช้ในหนังสือ “ตีกลองร้องทุกข์ ถวายฎีกา” (สำนักพิมพ์ ร.ศ.229 พิมพ์ พ.ศ.2554) ทัศนา ทัศนมิตร เขียน...ว่า พ่อขุนรามฯไม่ได้ประทับฟังร้องทุกข์อยู่ในวัง...อย่างเดียว ท่านห่วงหาอาทร “ไพร่ฟ้า ข้าไท” ถึงขนาดเสด็จไปหาสถานที่แอบฟังทุกข์แบบลับเฉพาะของชาวบ้านด้วยตัวของท่านเองทัศนา ทัศนมิตร เริ่มว่า...ว่ากันว่า ยังมีที่ร้องทุกข์อีกแห่งหนึ่ง ที่วัดฤาษีชุม สมัยนี้เรียกว่า ศรีชุมวัดนี้มีพระพุทธรูปองค์ใหญ่ ชาวบ้านนับถือกันว่าศักดิ์สิทธิ์มาก เชื่อกันว่า ขออะไรก็ได้ จึงแวะเวียนไปกราบไหว้ และเมื่อกราบแล้วก็เอ่ยปากบอกทุกข์ร้อนและเรื่องที่ขอ...ดังๆพ่อขุนรามฯท่านคงเข้าไปแอบฟังอยู่หลังองค์พระพุทธรูป และทุกครั้งท่านก็ตรัส...ปลอบบ้าง ให้กำลังใจบ้างชาวบ้านที่ได้ฟังกับหูก็เล่าลือต่อๆกันไปว่า พระพุทธรูปพูดได้(อ่านถึงตรงนี้ ผู้รู้รุ่นเก่าก็ยิ้ม...เพราะเข้าเค้ากับความจริง ที่เหลือให้เห็นที่วิหารวัดศรีชุมวันนี้...มีช่องลับเล็กๆพอคนเดินได้ข้างวิหาร...ผนังช่องนั้นมีภาพจิตรกรรมฝาผนัง...ฝีมือช่างสุโขทัย...สภาพสมบูรณ์หลายภาพเหลือให้เห็น)วัดศรีชุมเป็นวัดเก่าแก่ ตั้งอยู่นอกกำแพงเมืองศรีสัชนาลัยไปทางตะวันตก ชาวบ้านเล่าต่อๆกัน พ่อขุนรามลงทางอุโมงค์ริมกำแพง ไปโผล่หลังวัดศรีชุม ทรงเข้าไปหลังพระประธาน ฟังเสียงราษฎรระบายความทุกข์ร้อนอุโมงค์นี้เล่าต่อกันว่าเชื่อมต่อตรงไปโผล่ที่บ้านทุ่งยั้ง จังหวัดอุตรดิตถ์ เหนือศรีสัชนาลัยไปไม่ไกลนักห้าหกสิบปีที่แล้ว ทัศนา ทัศนมิตร เคยใช้เส้นทางอุตรดิตถ์ผ่านมาถึงศรีสัชนาลัย ฟากตะวันตกจะไปโผล่ใต้แก่งหลวง เลยกำแพงเมืองเก่าไม่ไกล ส่วนทางตะวันตกก็จะไปวัดศรีชุมเรื่องอุโมงค์พ่อขุนรามฯเล่าขานรู้กันในหมู่ชาวบ้าน หลวงพ่อจันทร์ วัดป่าข่อย สวรรคโลก เคยนำลูกศิษย์ลงไปสำรวจ ทัศนาทัศนมิตร แวะไปตั้งใจจะกราบนมัสการถามท่าน แต่วันที่ไปหลวงพ่อไม่อยู่เพราะความเชื่อนี้ทัศนา ทัศนมิตร ขับรถวนเวียนหาช่องเข้าอุโมงค์แถวๆกำแพงเมืองเก่าศรีสัชนาลัย วนอยู่หลายรอบ จนเจอร่องรอยทำเป็นประตูหลอกบนเนินคูเมืองทางกำแพงเมืองตะวันตกแถวๆประตูหลอกนั้น...แหวกเถาวัลย์รกรื้อเข้าไปก็เจอช่องเข้าอุโมงค์กว้างราว 9 เมตร พยายามเดินลึกลงไปไม่กี่ก้าวก็เจอกองอิฐกลบ เข้าใจว่า ผู้คนสมัยหนึ่งคงตั้งใจปิดอุโมงค์ ไม่ให้นักขุดสมบัติโบราณเข้าไปค้นภายในความรู้เรื่องอุโมงค์กับความพยายามของทัศนา ทัศนมิตร จึงสิ้นสุดตรงนั้นส่วนอุโมงค์ ตามเรื่องเล่าที่ว่าพ่อขุนรามฯสร้างไว้เพื่อขี่ม้าไปฟังชาวบ้านร้องทุกข์ หลังพระประธานวัดศรีชุม จะมีจริงหรือไม่ หรือเป็นแค่เรื่องเล่าต่อๆกันไปจนเป็นนิทานหรือเรื่องจริงมีแค่ในผนังวิหารวัดศรีชุมวันนี้ มีช่องลับอ้อมไปหลังพระพุทธรูป...สอดรับกับเรื่องเล่าต่อมาสมัยอยุธยา สมเด็จพระนเรศวรทรงใช้กุศโลบาย...ชุมนุมทัพสู้กับพม่า...มีเสียงพระพุทธรูปอวยชัย รบชนะ...เป็นส่วนหนึ่งของการกู้อิสรภาพที่ประวัติศาสตร์บันทึกไว้ประเทศเรามีพระเจ้าแผ่นดินทรงห่วงหาอาทรราษฎรลึกซึ้งตลอดมา เราจึงยืดอกประกาศเป็นประเทศเอกราชได้อย่างยืนยงมั่นคงในวันนี้อย่าวิตกกังวลเกินเลย...กันไป เลือกตั้งครั้งหน้า เงินเทาจากพวกสแกมเมอร์จะยึดบ้านเมืองเรา ไทยไม่ใช่เขมร คนอย่างคุณอนุทินไม่ใช่คนอย่างฮุน เซน ที่จะยอมให้พวกโจรปล้นเมืองได้สะดวกโยธิน.กิเลน ประลองเชิงคลิกอ่านคอลัมน์ “ชักธงรบ” เพิ่มเติม