อีซูซุประเมินเศรษฐกิจปีหน้ามีความท้าทายต่อเนื่อง พร้อมเดินหน้ากลยุทธ์ “Trusted Buddy” ชูโซลูชันพลังงานหลากหลายสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในงานมอเตอร์ เอ็กซ์โป 2025 ซึ่งจัดระหว่างวันที่ 29 พ.ย.-10 ธ.ค.นี้ ณ อาคารชาลเลนเจอร์ อิมแพ็ค เมืองทองธานี ผู้บริหารระดับสูงของ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด เจ้าพ่อตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ของไทย นำโดย “ทาคาชิ ฮาตะ” กรรมการผู้จัดการ, “มิชิมาสะ โคโนะ” รองกรรมการผู้จัดการ, “ปนัดดา เจณณวาสิน” ประธานที่ปรึกษา และ “วิชัย สินอนันต์พัฒน์” รองกรรมการผู้จัดการ ได้ร่วมเปิดเผยมุมมองเศรษฐกิจและทิศทางธุรกิจยานยนต์ของอีซูซุในปี 2569 รวมถึงแนวทางพัฒนาผลิตภัณฑ์พลังงานทางเลือกและทิศทางการผลิตเพื่อรองรับสถานการณ์ตลาดที่ยังมีความไม่แน่นอนสูงผู้บริหารบริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ ประเมินว่า เศรษฐกิจไทยปี 2569 จะยังเผชิญความท้าทายต่อเนื่อง โดยเฉพาะฐานลูกค้าหลักอย่างเกษตรกรที่รายได้ยังไม่เพิ่มขึ้น เนื่องจากราคาพืชผลตกต่ำและผลผลิตออกมาน้อย ขณะเดียวกันแรงกดดันจากต่างประเทศ เช่น นโยบายขึ้นภาษีนำเข้า 19% ของสหรัฐฯ ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยเสี่ยงที่ต้องจับตาด้านการเมืองไทย ซึ่งจะมีทั้งการยุบสภาและการเลือกตั้งทั่วไป อีซูซุเชื่อว่าหากมีรัฐบาลใหม่ที่มีเสถียรภาพ จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจได้คาดการณ์ว่า ตลาดรถยนต์รวม ทุกยี่ห้อ ในปี 2568 จะอยู่ที่ 595,000 คัน ในจำนวนนี้เป็นรถปิกอัพประมาณ 145,000 คัน และ รถ PPV ประมาณ 36,000 คัน สำหรับเหตุการณ์น้ำท่วมภาคใต้ยังไม่สามารถประเมินผลกระทบได้ โดยอีซูซุให้ความสำคัญกับการเร่งช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับภัยก่อนส่วนตลาดปีหน้า อีซูซุมองว่าแม้จะมีมาตรการ “Quick Big Win” ของรัฐบาลซึ่งอาจช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ภาพรวมยังคงท้าทาย จึงประเมินว่าตลาดรถปี 2569 จะ “ทรงตัว” ใกล้เคียงปีนี้ทั้งนี้ การส่งออกปิกอัพไฟฟ้าอีซูซุจากฐานผลิตในไทยไปยุโรปยังเดินหน้าตามแผน ได้มีการส่งออกไปแล้ว แต่ยังไม่กำหนดเวลาวางขายในไทย ต้องรอประเมินความพร้อมของตลาด จึงยังไม่กำหนดกรอบเวลาเปิดตัวในประเทศส่วนความคืบหน้าพลังงานทางเลือก อีซูซุยังคงยึดแนวทาง “Multi–Pathways to Carbon Neutrality” ที่เน้นความหลากหลาย ไม่ยึดทางใดทางหนึ่ง ได้แก่1.รถปิกอัพไฟฟ้า (BEV) : มีการผลิตและส่งออกไปยุโรปแล้ว สำหรับเมืองไทยต้องดูสถานการณ์ตลาดและความต้องการของลูกค้าต่อไป2.น้ำมันเชื้อเพลิง CN Fuel : เรากำลังทดสอบ CN Fuel ที่ช่วยลดคาร์บอน หรือพวก HVO กับ B20 ร่วมกับลูกค้ารายใหญ่อยู่ ซึ่งผ่านไปเกือบหมื่นกิโลเมตรแล้วก็ยังไปได้ดี3.น้ำมัน New Gen ไบโอดีเซล : ในอนาคตน่าจะเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับลูกค้าบางประเภทที่ไม่พร้อมไป EV หรือไฮโดรเจนและ 4.พลังงานอื่นๆ หรือ Hybrid (HEV) : อีซูซุก็ไม่ได้ตัดทิ้ง ยังคงศึกษาอยู่ว่าเหมาะสมกับความต้องการประเทศใด หรือตลาดไหนบ้างแม้ประเทศไทยได้มีมาตรการส่งเสริมรถยนต์ไฟฟ้า EV3.0 และ 3.5 แต่อีซูซุไม่ได้มองว่าช้า หรือเสียโอกาส เพราะเครื่องยนต์ดีเซล สมัยใหม่ยังตอบโจทย์ลูกค้าชาวไทยได้ดี โดยเฉพาะรุ่นดีเซล 2.2 ลิตรที่ทั้งแรงและประหยัดสำหรับมาตรการที่กระทรวงการคลังให้บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ค้ำประกันสินเชื่อรถปิกอัพ อีซูซุเห็นว่าเป็นมาตรการที่ดีต่อประชาชน แต่ยังมีปัญหาปลีกย่อยที่ต้องปรับปรุง พร้อมอยากให้ขยายโครงการออกไป เพราะกำลังจะสิ้นสุดในช่วงสิ้นปีนี้แม้สภาวะเศรษฐกิจในปีหน้าอาจซบเซา แต่ผู้บริหารอีซูซุย้ำว่าได้เตรียมรับมือไว้แล้ว โดยมีสองทิศทางสำคัญ นั่นคือ1.เปิดตัวรุ่นใหม่ ดันความต้องการตลาด โดยเมื่อวันที่ 25 ต.ค.ที่ผ่านมาได้เปิดตัว D-MAX และ MU-X รุ่นใหม่ ซึ่งจะเป็นกำลังหลักในการสร้างยอดขายปีหน้า และ 2.เดินหน้ากลยุทธ์ “Isuzu Trusted Buddy...อีซูซุเคียงข้างคุณ เคียงคู่ไทย” รถอีซูซุ “มีคุณภาพสูง ตามแบบฉบับญี่ปุ่น” และออกแบบให้ “เหมาะกับการใช้งานของคนไทย” ทั้งในด้านสมรรถนะ ความประหยัด ความทนทาน และความคุ้มค่าผู้บริหารตรีเพชรฯยังย้ำว่าบริษัทต้องการอยู่ในทุกช่วงชีวิตของลูกค้า ทั้งยามสุขและยามทุกข์ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและความผูกพันระยะยาวอีซูซุยอมรับว่าตลาดในประเทศเล็กลง ทำให้ต้องมีการหารือกับโรงงานเพื่อลดแผนการผลิตบางส่วน แต่ในขณะเดียวกันความต้องการปิกอัพในตลาดโลกไม่ได้ลดลง ส่งผลให้ซัพพลายเออร์ไม่ได้รับผลกระทบโดยรวม เนื่องจากปริมาณการส่งออกของอีซูซุยังดีอยู่ดังนั้น แม้ปีหน้าจะเป็นปีที่ท้าทายทั้งทางเศรษฐกิจและตลาดยานยนต์ แต่ “ตรีเพชรอีซูซุเซลส์” ยังเดินหน้าอย่างระมัดระวัง พร้อมยึดพันธสัญญา “Trusted Buddy” ในการยืนหยัดเคียงข้างลูกค้าชาวไทยควบคู่กับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ การสำรวจพลังงานทางเลือกหลากหลายทาง และการส่งออกที่แข็งแรงซึ่งยังคงเป็นฐานสำคัญของธุรกิจในอนาคต.เจริญสุข ลิมป์บรรจงกิจคลิกอ่านคอลัมน์ “The Issue” เพิ่มเติม