“ตอนนี้ให้คนที่อยู่ในตึก รวบรวมอาหารเท่าที่หาได้พังตู้เสื้อผ้ามาเป็นฟืน ตั้งครัวทำอาหาร แบ่งให้คนทั้งตึกที่ชั้น 4 อย่างน้อยๆได้ประทังความหิวกันไปก่อน...มีเรือเข้ามาส่งอาหารแห้งให้แล้ว 1 ถุง แต่ยังไม่สามารถอพยพคนออกไปได้ แต่คิดว่าถ้าอาหารยังมี น่าจะรอน้ำลดลงได้...”ขอบคุณทุกแรงใจ ทุกการแชร์ ขอบคุณจากใจจริงๆ...บันทึกไว้โพสต์นี้มาจาก “Boonsri Kame” อยู่กับ “Kamol Kamolpan” (26 พ.ย.68) แชร์โดย “Pueng Natha” พร้อมระบุว่า วันนี้แหล่งข่าวคือคุณแจง ภรรยาคุณเข้ม ที่ติดอยู่ในอพาร์ตเมนต์ที่ อ.หาดใหญ่ โฟนอินในรายการเล่าให้ฟังว่าวันนี้มีการทำอาหารรับประทานกันในตึกแล้วนี่ก็คือเพิ่งเห็นภาพว่าการทำอาหารเป็นยังไง เอาใจช่วยมากๆจริงๆ...ขอให้คุณเข้ม คุณแจง และทุกคนที่หาดใหญ่ ผ่านพ้นวิกฤตินี้ไปได้นะคะในสถานการณ์น้ำท่วมภาคใต้ปัจจุบัน (อ้างอิงข้อมูล ณ วันที่ 26 พฤศจิกายน 2568) จากผลการค้นหาข้อมูล ซึ่งเป็นช่วงที่เกิดวิกฤติและหน่วยงานต่างๆกำลังระดมความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน ข้อมูลสาธารณะจะเน้นไปที่ภาพรวมความเสียหาย ช่องทางขอความช่วยเหลือและการจัดการของภาครัฐเท่าที่รวบรวมและสรุปประเด็นวิกฤติ...พื้นที่ที่ได้รับผลกระทบหนัก...สาเหตุที่การช่วยเหลือเข้าถึงยาก และการประเมินความรวดเร็วของการช่วยเหลือ พอเห็นภาพใหญ่ได้พอสังเขป จากรายงานของหน่วยงาน...สื่อ เช่น สปสช.รายงานว่ามีผู้ขอความช่วยเหลือ 150 เคส ส่วนใหญ่เป็นผู้ป่วยติดเตียงวิกฤติเดือดร้อนหนักที่บาดหัวใจมากๆ หนึ่ง...ผู้ป่วยติดเตียง...กลุ่มเปราะบาง ติดค้างในบ้าน...อาคารที่น้ำท่วมสูง การขาดการส่งต่อยาและอาหาร เป็นอันตรายถึงชีวิต ถัดมา...การขาดน้ำดื่มและอาหาร หลายพื้นที่ถูกตัดขาดเป็นวันที่ 2-3 ประชาชนเริ่มอ่อนแรงจากการขาดน้ำและอาหารที่จำเป็น กรณีนี้...แพทย์ออกมาเตือนวิกฤติใน 24-48 ชั่วโมง และสาม...การติดค้างในโรงพยาบาลบุคลากรและผู้ป่วย เช่น รพ.หาดใหญ่ติดค้างภายใน ต้องอพยพผู้ป่วยหนักและต้องลำเลียงอาหารทางอากาศสี่...ภาพการอพยพฉุกเฉิน ชาวบ้านต้องเสี่ยงชีวิตไต่สายไฟฟ้าปีนขึ้นหลังคาหนีน้ำที่ไหลเชี่ยวและสูงหลายเมตร เพื่อรอการช่วยเหลือ ห้า...การสูญเสียชีวิต มีรายงานผู้เสียชีวิตรวม 33 ราย จากน้ำท่วมและน้ำเชี่ยว โดยเฉพาะในนครศรีธรรมราชและสงขลา ซึ่งเป็นความสูญเสียที่ใหญ่หลวงหก...ความเสียหายต่อระบบประปา โรงกรองน้ำการประปาหาดใหญ่ถูกน้ำท่วมสูงกว่า 3 เมตร ทำให้การจ่ายน้ำประปาหยุดชะงัก กระทบต่อสุขอนามัยของคนทั้งเมือง เจ็ด...ผู้ที่ถูกตัดขาดสัญญาณสื่อสาร พื้นที่ที่ไฟฟ้าดับ สัญญาณโทรศัพท์ล่ม ทำให้ไม่สามารถแจ้งขอความช่วยเหลือได้ทันเวลาแปด...ความเสียหายของโครงสร้างพื้นฐาน ถนนและเส้นทางหลักถูกตัดขาด ส่งผลให้การลำเลียงเสบียงและกำลังพลจากภายนอกทำได้ยาก เก้า...ความเดือดร้อนทางเศรษฐกิจ ภาคธุรกิจและบริการต้องหยุดชะงักอย่างรุนแรง ประเมินความเสียหายทางเศรษฐกิจสูงถึง 11.8-23.6 พันล้านบาทสิบ...การติดค้างของนักท่องเที่ยว...ผู้เดินทาง การหยุดเดินรถไฟ และการคมนาคมที่ล่ม ทำให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวติดค้างในพื้นที่ “หาดใหญ่น้ำท่วมหนักในรอบหลายปี” อาจารย์สนธิ คชวัฒน์ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ ชมรมนักวิชาการสิ่งแวดล้อม เปิดประเด็น พร้อมย้ำว่า น้ำท่วมของเมืองหาดใหญ่และจังหวัดสงขลามักเกิดในช่วงเดือนตุลาคมถึงเดือนธันวาคมของทุกปีโดยเฉพาะในช่วงเดือนพฤศจิกายนเคยเกิด “น้ำท่วมหนัก” มาหลายครั้งแล้วใน พ.ศ.2531, ปี 2543, ปี 2553 และปีนี้ 2568 ปัจจัยที่สำคัญคือสภาพภูมิอากาศ เกิดจากหย่อมความกดอากาศต่ำได้พัดผ่านเข้าทางภาคใต้ของประเทศไทยทำให้มีฝนตกหนักและเกิดน้ำหลากจากภูเขาลงสู่คลองอู่ตะเภาซึ่งเป็นเส้นทางน้ำหลัก“...การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศช่วงหลัง ฝนส่วนใหญ่จะตกระยะเวลาสั้นๆแต่มีปริมาณมาก นอกจากนี้ปีนี้ยังเกิดสภาวะของปรากฏการณ์ลานีญาทำให้เกิดฝนตกมากกว่าค่าปกติ ขณะที่ยังมีปัจจัยเสริมจากภาวะลานีญาทำให้ร่องมรสุมความกดอากาศต่ำทางภาคใต้มีกำลังแรงขึ้นมากกว่าปกติ”ซึ่งโดยปกติแล้วภาคใต้จะมีฝนตกชุกหรือฝนตกหนักจนถึงหนักมากอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วงปลายปี (ตุลาคม– ธันวาคม) แต่ปีนี้หนักสุดในรอบ 15 ปีปัจจัยต่อมา...มีการเปลี่ยนแปลงการใช้ประโยชน์ที่ดินพื้นที่รอบเมือง ซึ่งจะส่งผลกระทบทำให้การเกิดอุทกภัยรุนแรงมากกว่าในอดีต “คลองอู่ตะเภา” ไหลผ่าน “เมืองหาดใหญ่” ไปลงสู่ทะเลสาบ ปลายทางคือแหลมโพธิ์ ตำบลคูเต่า โดยต้นน้ำอยู่ที่อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา และมีคลองสาขาที่สำคัญคือ...คลองสะเดา คลองหล้าปัง ซึ่งเป็นสาขาลุ่มน้ำอู่ตะเภาตอนบนสภาพภูมิประเทศของเมืองหาดใหญ่ พื้นที่ต่ำสุดอยู่บริเวณเขต 8 โดยมีชุมชนวัดโคกอยู่ต่ำที่สุด (รทก. 4.7 เมตร)“การขยายตัวของเมืองหาดใหญ่ มีการสร้างอาคารและถนนเข้ามาแทนที่พื้นที่เกษตรกรรมและป่าไม้ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่เคยช่วยซับน้ำ เมื่อไม่มีที่ซับน้ำทำให้น้ำไหลลงสู่คลองอู่ตะเภาเร็วและรุนแรงมากขึ้น เมื่อเกิดฝนตกหนัก...จนรับไม่ไหวน้ำเอ่อล้นท่วมตัวเมือง”ปัจจัยที่สาม...เทศบาลหาดใหญ่เตรียมการรับมือไม่ทันกรณีที่มีฝนตกในจุดเดียวในปริมาณมากเกิน 100 มม.ดังเช่นในวันที่ 20 พ.ย.68 ฝนตกที่อำเภอหาดใหญ่ถึง 165.5 มม. ทำให้เกิดการท่วมขังและระบายไม่ทัน ประกอบกับการเปลี่ยนแปลงการใช้ประโยชน์ที่ดินที่มีการถมพื้นที่ที่ขวางทางน้ำหรือทับที่ระบายน้ำ...ทำให้ทิศทางการไหลของน้ำเปลี่ยนแปลงไปถึงเวลาแล้วที่หาดใหญ่ต้องเปลี่ยนจาก “แก้ที่ปลายเหตุ” เป็น “ปฏิวัติผังเมืองและระบบบริหารจัดการลุ่มน้ำอู่ตะเภา” อย่างจริงจัง เพื่อหยุดยั้ง “หายนะ” ที่อาจจะคุกคามได้ทุกๆปลายปี.คลิกอ่านคอลัมน์ “สกู๊ปหน้า 1” เพิ่มเติม