“พลังสามัคคี...พลังความดี ไม่มีชาติไหนแย่งชิงแผ่นดินไทยได้”...สังคมมนุษย์ดำรงอยู่ได้ด้วยการพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน มนุษย์แตกต่างจากสัตว์เดรัจฉานด้วยการมีศีลธรรม มีจิตใต้สำนึกที่ดี รู้จักความรับผิดชอบต่อส่วนรวม จนได้รับการยกย่องว่าเป็น “ผู้ประเสริฐ”แต่...ความเป็นผู้ประเสริฐนี้ จะเป็นเพียงการยกยอปอปั้นตนเอง หรือเป็นความจริงที่ปรากฏให้เห็นนั้นก็อยู่ที่การกระทำนั่นเพราะทุกชีวิตล้วนแสวงหาความสุข แต่ความสุขที่แท้จริงต้องเป็นความสุขที่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อตนเองและผู้อื่นและไม่สร้างความทุกข์ให้เกิดขึ้นกับคนอื่น จึงจะนำมาซึ่งความสุขที่จีรังยั่งยืนเราสามารถพบเห็นการทำความดีได้อยู่เป็นประจำ ไม่ว่าจะเป็นการช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้ยากด้วยปัจจัยสี่ หรือการให้กำลังใจ ความรัก ความปรารถนาดี ที่เรียกว่าการ...“แผ่เมตตา” ตัวอย่างที่ชัดเจนคือเหตุการณ์สู้รบตามแนวชายแดนในพื้นที่อีสานใต้และตะวันออกผู้มีหน้าที่ได้เป็นแนวหน้าปกป้องอธิปไตย ผู้สนับสนุนก็ทุ่มเทกำลังกายกำลังใจอย่างไม่เหน็ดเหนื่อย ขณะที่ผู้มีกำลังแบ่งปันก็ยื่นมือเข้าช่วยเหลือ เสียสละอย่างเต็มที่โดยไม่หวังผลตอบแทนใดๆทั้งสิ้นการกระทำเหล่านี้ได้หลอมรวมกันเป็น “พลังแห่งความสามัคคี” ของคนในชาตินำมาซึ่งความสำเร็จในการแก้ไขปัญหา การทำความดีของแต่ละคนจึงกลายเป็น “พลังมหาศาล” ที่มีจุดประสงค์เดียวกันคือ การรักษาไว้ซึ่งเอกราชและอธิปไตยของประเทศ“คนเราถ้ามีความรักและความสามัคคี รวมถึงการเสียสละได้เช่นนี้ ไม่มีชาติไหนใดๆในโลกที่จะแย่งชิงผืนแผ่นดินไทยไปได้”“มูลนิธิกลุ่มแสงเทียน วัดบางไส้ไก่” ก็ได้มีโอกาสให้ความช่วยเหลือและสนับสนุนกรณีดังกล่าวตามกำลังที่มี ทั้งการนำข้าวสาร อาหารแห้ง เครื่องอุปโภค บริโภค ไปมอบให้กับประชาชนและทหารตามแนวชายแดน ได้มีโอกาสไปสัมผัสกับความทุกข์ยากชาวบ้านที่ต้องหนีภัยสู้รบและพักอยู่ในศูนย์อพยพพวกเขามีความกังวลเรื่องความไม่ปลอดภัย คิดถึงบ้านเรือน พืชผล สัตว์เลี้ยง การห่างบ้านเพียงไม่นานก็เหมือนนานเป็นเดือน การต่อสู้ด้วยอาวุธสงครามไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ใดๆมีแต่สร้างความเดือดร้อน...ความเสียหาย ดังนั้น เมื่ออยู่ร่วมกันแล้วขอจงเป็นผู้เสียสละ เป็นผู้รู้จักให้อภัย อย่าประพฤติตนเป็นคนเห็นแก่ตัว ต้องรู้จัก “เอาใจเขามาใส่ใจเรา” คิดถึงหัวอกผู้อื่นที่ต้องการความสุขและความสงบเหมือนกัน อีกทั้งทางมูลนิธิยังได้ใช้พาหนะที่มีช่วยอาสาขนส่งสิ่งของ ไปช่วยเหลือประชาชน...ทหาร โดยไม่หวังผลตอบแทน จนได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของการทำความดีเพื่อส่วนรวมอย่างแท้จริงพระครูจินดาสุตานุวัตร (พระมหาสมัย จินฺตโฆสโก) ประธานมูลนิธิกลุ่มแสงเทียน และเจ้าอาวาสวัดบางไส้ไก่ กรุงเทพฯ ย้ำว่า “สุขา สังฆัสสะ สามัคคี” ความพร้อมเพรียงแห่งหมู่คณะ นำความสุขมาให้ คนไทยต้องไม่เสียชาติเกิด...ที่ได้เกิดมาบนผืนแผ่นดินนี้ ความเสียสละที่ชายแดน...เป็นจุดกำเนิด “พลังมหาศาล”การทำหน้าที่ให้บริบูรณ์...คือการทำความดีที่ยิ่งใหญ่ ต่อเนื่องเชื่อมโยงไปถึงสิ่งใกล้ๆตัวไม่ว่าจะเป็นสามีที่ดี ภรรยาที่ดี สร้างความสุขให้เกิดขึ้นภายในครอบครัว เมื่อครอบครัวอยู่เย็นเป็นสุข อานิสงส์ก็จะแผ่ไปถึงเพื่อนบ้านและชุมชน ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อส่วนรวมนอกจากนี้ การที่ “ผู้ใหญ่ในสังคม” หรือ “ผู้นำ” ได้ทำตัวเป็นแบบอย่างที่ดีให้แก่ผู้ใต้บังคับบัญชาหรือผู้ร่วมงานก็มีความสำคัญอย่างมาก ความสำเร็จก็จะตามมา เพราะผู้นำกลายเป็น “ตัวอย่างที่ดี” ผู้นำที่เข้มแข็งและเอาใจใส่ภาระหน้าที่ มักจะอยู่หน้างานในการแก้ไขปัญหาเสมอ “การทำความดีสามารถทำได้ทุกวัน ทุกเวลา ทุกเหตุการณ์ของลมหายใจ ไม่ต้องเลือกวัน เวลา สถานที่ ถ้ามีใจรักและเห็นว่าจะเป็นประโยชน์ก็ขอให้ทำไปเลยอย่างน้อยเราก็รู้ด้วยใจเราเอง เราก็ภาคภูมิใจในตัวเราเอง และเป็นการทำความดีที่ไม่หวังผลตอบแทน เป็นความดีที่บริสุทธิ์ สะอาด และสดใสจริงๆ”พระครูจินดาสุตานุวัตร บอกอีกว่า การทำความดีนั้นทำได้ทั้ง ทางกาย...ไม่ทำร้าย ไม่เบียดเบียน ไม่ลักขโมย ไม่เสพสิ่งมึนเมา ทางวาจา...ไม่พูดใส่ร้าย ไม่พูดส่อเสียด ไม่พูดคำหยาบ พูดแต่ในทางสร้างสรรค์ ใช้วาจาสุภาพไพเราะ และ ทางใจ...มีจิตใจอ่อนโยน มีเมตตา อยากช่วยเหลือคนอื่นให้พ้นทุกข์คนที่ดีทั้งกาย ทั้งวาจาและทั้งใจ จึงกลายเป็น “ผู้ประเสริฐ” กว่าสัตว์เดรัจฉานและมนุษย์ทั้งปวงอาตมาขออนุโมทนา...กับความดีของคนไทย ขอจงทำความดี ช่วยกันสร้างสรรค์สังคม...ประเทศชาติให้มีความสุข ความเจริญ อย่าได้มีจิตใจที่พอกพูนไปด้วยความอิจฉาริษยา เห็นคนอื่นทำความดีแล้วกลับไปขัดขวาง บุคคลเช่นนี้ควรพิจารณาปรับนิสัยเสียใหม่เมื่อพบเห็นคนอื่นทำดี ก็ขอให้อนุโมทนาสาธุ หากมีโอกาสก็เข้าไปช่วยเหลือสนับสนุนให้คนอื่นได้ก่อประโยชน์มากยิ่งขึ้น สังคม...ชาติบ้านเมืองก็จะเจริญก้าวหน้า มีความสุขเพราะ...“คนที่ให้ย่อมเป็นที่รักของคนที่ถูกให้และคนที่ให้ด้วยจิตใจที่บริสุทธิ์ย่อมมีความสุขได้รับบุญกุศลในชีวิตอย่างเต็มที่”การทำ “ความดี” ย่อมถูกคุ้มครองด้วย “ความดี” ส่วนการทำ “ความชั่ว” ย่อมถูกทำลายด้วย “ความชั่ว” จนหาความสุขไม่ได้ ขอคนดีจงทำความดีอย่างต่อเนื่องขอจงใช้ชาตินี้ที่เกิดมาให้เป็นประโยชน์ต่อครอบครัว ชุมชน สังคม และเพื่อนมนุษย์ร่วมโลกให้มากที่สุด เราจะได้ชื่อว่า...“ไม่เสียชาติเกิดที่ได้เกิดมาบนผืนแผ่นดินไทย”.คลิกอ่านคอลัมน์ “สกู๊ปหน้า 1” เพิ่มเติม