“บิ๊กก้อง” รอง ผอ.ศปอส.ตร. แถลงปฏิบัติการ กวาดล้างบัญชีม้า “สายฟ้าฟาด ปราบบัญชีม้า สั่นเครือทั่วประเทศ” จับกุมผู้ต้องหากว่า 300 คน ขยายผลคอกม้าเชื่อมโยง 27 จังหวัด แนวโน้มภาคตะวันออกคดีเพิ่มมากสุด โอดกัมพูชาไม่ให้ความร่วมมือ หลังส่งข้อมูลที่ตั้งเครือข่าย สแกมเมอร์ให้ 2 จุด เข้าดำเนินการแค่จุดเดียว รายงานได้ผู้ต้องหา 30 คนไม่มีคนไทยที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 24 พ.ย. พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้ช่วย ผบ.ตร. ฐานะรองผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) เป็นประธานแถลงผลปฏิบัติการระดมกวาดล้างบัญชีม้าและอาชญากรรมทางเทคโนโลยีทั่วประเทศ ภายใต้ยุทธการ “สายฟ้าฟาด ปราบบัญชีม้าสั่นเครือทั่วประเทศ” ระดมตำรวจ บช.ภ.1-9 และ บช.น. กวาดล้างจับกุมบัญชีม้า ระหว่างวันที่ 18-26 พ.ย. ตามคำสั่งของ พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร.ฐานะ ผอ.ศปอส.ตร. พล.ต.ท.จิรภพ เผยว่า ศปอส.ตร.เร่งรัดการดำเนินงานอย่างจริงจัง เนื่องจากสถานการณ์อาชญากรรมออนไลน์ยังส่งผลกระทบอย่างกว้างขวาง ตั้งแต่ปี 2565 มีประชาชนแจ้งความออนไลน์กว่า 1.09 ล้านคดี รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 1 แสนล้านบาท ในส่วนบัญชีม้ายังคงเป็นหัวใจสำคัญของการรับโอนเงินในกระบวนการหลอกลวงทุกประเภท“การดำเนินปฏิบัติการอย่างเข้มข้นครั้งนี้ จับผู้ต้องหาได้เป็นจำนวนมาก แบ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับ 339 คน 209 คนให้การรับสารภาพว่าเปิดบัญชีม้าจริง จากการขยายผลยังพบเครือข่ายตัวการหรือคอกม้าเพิ่มอีก 25 เป้าหมาย พบตัวกลุ่มเรียลไทม์ (Real time) 87 ราย ในจำนวนนี้ 58 ราย ยอมรับว่ารับจ้างเปิดบัญชีม้า ก่อนขยายผลได้ ตัวการเพิ่มเติมอีก 30 เป้าหมาย รวมพบผู้ชักชวนเปิดบัญชีม้าทั้งสิ้น 55 เป้าหมาย ครอบคลุมพื้นที่ 27 จังหวัดทั่วประเทศ” พล.ต.ท.จิรภพกล่าวพล.ต.ท.จิรภพกล่าวต่อว่า ศปอส.ตร.ยกระดับการทำงานด้วยการใช้ระบบเอไอ (AI) วิเคราะห์ข้อมูล เพื่อจำแนกบัญชีต้องสงสัย รวมทั้งปรับโครงสร้างการส่งตัวผู้ต้องหาให้เป็นระบบเดียวกัน ใช้ตำรวจสอบสวนกลางและตำรวจ บช.ภ.6 จ.พิษณุโลก เป็นจุดกลางเคลื่อนย้ายผู้ต้องหาปิดช่องโหว่ที่เคยเกิดขึ้นในอดีต ทั้งนี้ การตรวจค้นบางพื้นที่พบพัสดุบรรจุโทรศัพท์และสมุดบัญชีม้าจำนวนมาก เตรียมส่งต่อให้นายทุนจีนหรือบอสชาวจีนประเทศเพื่อนบ้าน จะนำไปใช้รับโอนเงินจากเหยื่อทันทีหลังการสแกนหน้าเปิดบัญชีเสร็จสมบูรณ์“ฝากเตือนไปยังประชาชนผู้เปิดบัญชีม้า มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 300,000 บาท ส่วนผู้จัดหาหรือคอกม้า มีโทษหนักกว่า จำคุก 2 -5 ปี ปรับ 200,000-500,000 บาท พร้อมเตือนว่า ค่าตอบแทนเล็กน้อยไม่คุ้มกับการถูกดำเนินคดี และเป็นฟันเฟืองให้เกิดอาชญากรรมที่สร้างความเสียหายมหาศาล แม้จะทำแผนงานร่วมกับหลายประเทศ แต่การปฏิบัติของบางประเทศ เช่น กัมพูชา ยังไม่เป็นไปตามข้อมูลที่ไทยส่งให้ ล่าสุดมอบข้อมูลชี้เป้าฐานสแกมเมอร์ในกัมพูชา 2 เป้าหมาย แต่เมื่อปฏิบัติการ ฝั่งกัมพูชารายงานมาแค่เป้าหมายเดียว ผลการปฏิบัติพบผู้ต้องหา 30 คนแต่ไม่พบคนไทย มองว่าปฏิบัติการนี้ยังล่าช้าและรายงานผลที่ไม่เป็นไปตามความจริง” พล.ต.ท.จิรภพกล่าวผู้ช่วย ผบ.ตร.เผยด้วยว่า การแก้ปัญหาสแกมเมอร์เป็นเรื่องยาว ต้องดำเนินการทุกมิติอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันพบการเปิดบัญชีม้าในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือมากกว่าภูมิภาคอื่น ที่เป็นเช่นนี้อาจเป็นเพราะสภาพเศรษฐกิจ รวมทั้งยังไม่ได้รับข้อมูลข่าวสารจากทางการ เจ้าหน้าที่จำเป็นต้องเร่งสร้างความรับรู้ให้ประชาชนตระหนักถึงความผิดตามกฎหมายอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่