กองทัพไทยเผยผลสำรวจและปักหมุดชั่วคราวระหว่างหลักเขตแดนที่ 42 ถึง 43 บ้านหนองจาน รวมสี่วัน วัดจุด GCP ได้แล้ว 56 หมุด จากทั้งหมด 128 หมุด คิดเป็นร้อยละ 43.75 ย้ำปักหมุดตามที่ตั้งหลักเขตแดนเดิมที่ปักในอดีตเมื่อกว่า 120 ปี ไม่ได้ปักตามหรือใช้แผนที่ 1:200,000 ส่วนการเคลียร์ทุ่นระเบิดได้พื้นที่ปลอดภัย 1,230 ตร.ม. จากทั้งหมด 9.98 หมื่น ตร.ม. คิดเป็นร้อยละ 1.23 ขณะที่ศูนย์ช่วยเหลือคนไทยในต่างแดนแฉพบคนไทยตายที่เมืองปอยเปต กัมพูชา อีกราย ถูกทำร้ายร่างกาย ช็อตด้วยไฟฟ้า เป็นหนุ่มจากแม่อาย จ.เชียงใหม่ พิกัดเดียวกับสาวพังงาที่เพิ่งเสียชีวิตไปก่อนหน้านี้การปฏิบัติการสำรวจปักหมุดไทย-กัมพูชา บริเวณบ้านหนองจาน หนองหญ้าแก้ว ต.โนนหมากมุ่น อ.โคกสูง จ.สระแก้ว ที่ทำต่อเนื่องเป็นวันที่ห้า ในวันที่ 23 พ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศตลอดช่วงเช้าหลังเจ้าหน้าที่กองกำลังบูรพาเดินหน้าใช้โดรนลาดตระเวนทางอากาศตรวจสอบพื้นที่ตั้งแต่ช่วงรุ่งเช้า สถานการณ์ทั่วไปยังคงเงียบสงบ ไม่มีความเคลื่อนไหวผิดปกติจากฝ่ายกัมพูชาแหล่งข่าวในพื้นที่ระบุว่า ความเงียบสงบในวันนี้อาจมาจากปัจจัยสำคัญ คือการที่คณะกรรมการปักปันเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา อยู่ระหว่างดำเนินการปักหมุดชั่วคราวในสองจุดสำคัญของพื้นที่ ได้แก่ บริเวณบ้านหนองจานและบ้านหนองหญ้าแก้ว ทำให้ฝ่ายกัมพูชาหยุดการเคลื่อนไหวเพื่อรอดูผลการดำเนินงานของคณะทำงานร่วม อย่างไรก็ตาม ฝ่ายไทยยังคงไม่ไว้วางใจสถานการณ์ทั้งหมด โดยเฉพาะกำลังทหารกัมพูชาที่บางครั้งมีการแสดงท่าทีแข็งกร้าวในบางจังหวะ ตลอดจนความเสี่ยงเรื่องกลุ่มมวลชนชาวกัมพูชาที่อาจรวมตัวและสร้างแรงกดดันในพื้นที่ได้ทุกเวลาในส่วนของแนวชายแดนฝั่งโซนภาคอีสาน ซึ่งก่อนหน้านี้มีสัญญาณความตึงเครียดเพิ่มขึ้น ยังคงน่าจับตาเป็นพิเศษ โดยหน่วยข่าวกรองของไทยได้รับคำสั่งให้ติดตามความเคลื่อนไหวของกำลังทหารกัมพูชาอย่างใกล้ชิด ทั้งการเคลื่อนกำลัง การก่อสร้าง หรือการรวมตัวของชาวบ้านที่อาจเกี่ยวข้องกับข้อพิพาทด้านพรมแดนด้าน จ.สระแก้ว ซึ่งเป็นพื้นที่หลักในการปฏิบัติการของกองกำลังบูรพา ยังคงส่งโดรนขึ้นบินในรอบหลายชั่วโมง เพื่อเก็บภาพมุมสูง ตรวจหาความเคลื่อนไหวของบุคคลหรือยานพาหนะบริเวณแนวชายแดน รวมถึงพื้นที่ป่ารกทึบที่เข้าถึงยาก ซึ่งถือเป็นจุดเสี่ยงสำหรับการเข้า-ออกผิดกฎหมายและการแทรกซึมของกำลัง จากการตรวจสอบจนถึงช่วงสาย สถานการณ์ยังคงสงบเรียบร้อย ไม่มีเหตุผิดปกติขณะที่ผลการปฏิบัติงานเมื่อวันที่ 22 พ.ย.ที่ผ่านมา ตั้งแต่เวลา 09.00 น. กองกำลังบูรพา ร่วมกับชุดสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ของกรมแผนที่ทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย ฝ่ายปกครองจังหวัดสระแก้วและอำเภอโคกสูง ได้ปฏิบัติงานร่วมกับฝ่ายกัมพูชา เพื่อสำรวจและปักหมุดชั่วคราวระหว่างหลักเขตแดนที่ 42 ถึง 43 (ช่วงการสำรวจช่วงแรก) โดยดำเนินการกรุยแนวเพื่อวางจุด GCP ได้ 16 จุด และรังวัดจุด GCP ด้วย GPS ได้จำนวน 24 หมุด รวมทั้งบินโดรนถ่ายภาพ เก็บภูมิประเทศปัจจุบันและนำไปจัดทำแผนผังหมุดชั่วคราวประกอบการรายงานผลการสำรวจ ได้จำนวน 2 เที่ยวบิน ระยะทาง 670 เมตร การกำหนดแนวเขตแดนเพื่อการปักหมุดชั่วคราวในครั้งนี้ เป็นการปักหมุดตามที่ตั้งหลักเขตแดนเดิมที่ปักในอดีตเมื่อกว่า 120 ปี ไม่ได้ปักตามหรือใช้ แผนที่ 1 : 200,000 แต่อย่างใด รวมวัดจุด GCP ได้ 56 หมุด จากทั้งหมด 128 หมุด คิดเป็นร้อยละ 43.75 รวมเที่ยวบินได้ 7 เที่ยวบิน จากทั้งหมด 16 เที่ยวบิน รวมระยะทาง 4.07 กิโลเมตร จากทั้งหมด 7 กิโลเมตร คิดเป็นร้อยละ 58ส่วนการปฏิบัติงานเก็บกู้ทุ่นระเบิด พื้นที่บ้านหนองจาน ขนาดพื้นที่ 99,800 ตารางเมตร ดำเนินการสำรวจทางเทคนิคพื้นที่ ได้พื้นที่ปลอดภัย จำนวน 1,230 ตารางเมตร คิดเป็นร้อยละ 1.23 ไม่พบทุ่นระเบิดสำหรับแผนในการปฏิบัติต่อไปในวันที่ 24 พ.ย.ยังเป็นการรังวัดหมุด GCP และบินโดรนถ่ายภาพ ที่หลักเขตแดนที่ 43 บ้านโนนหมากมุ่น อำเภอโคกสูง ต่อเนื่องขณะเดียวกัน มีรายงานว่าเพจศูนย์ช่วยเหลือคนไทยในต่างแดน (IMF) แจ้งเมื่อวันที่ 23 พ.ย.ว่า มีคนไทยเสียชีวิตที่ จ.ปอยเปต ประเทศกัมพูชา เพิ่มอีก 1 ราย ชื่อนายณรงค์ก้ำ หรือดอน เป็นชาว อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ โดยทางศูนย์ได้รับแจ้งเมื่อ เวลาประมาณ 17.00 น. วันที่ 22 พ.ย.ที่ผ่านมาเพจศูนย์ช่วยเหลือคนไทยในต่างแดนยังระบุว่าอีกว่า สาเหตุของการเสียชีวิตของคนไทยรายล่าสุดนี้ คือถูกทำร้ายร่างกาย และถูกช็อตด้วยไฟฟ้า ซึ่งพิกัดที่ได้รับแจ้ง คือ “บัวลัย” เป็นพิกัดเดียวกับสาวพังงาที่เพิ่งเสียชีวิตไปก่อนหน้านี้ พร้อมระบุว่า ตอนนี้ยังไม่รู้ว่าร่างผู้เสียชีวิตอยู่ที่ไหน ผู้ใดที่รู้จักกับผู้เสียชีวิต หรือเป็นเพื่อนสนิท หรือเคยร่วมงานกัน ขอให้แจ้งเพื่อให้ข้อมูลและข้อเท็จจริง เพราะประเด็นตอนนี้คือ จะเจอร่างน้องหรือไม่ และตอนนี้ร่างน้องอยู่ที่ไหน หลังได้รับเบาะแสว่าหายไปจากพื้นที่บัวลัยวันเดียวกัน นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีของมาเลเซีย ที่อยู่ระหว่างเข้าร่วมประชุมสุดยอดกลุ่มจี 20 ที่ประเทศแอฟริกาใต้ แถลงเกี่ยวกับกรณีคนไทยรวมพลังหน้าสถานทูตมาเลเซียในกรุงเทพฯ และประท้วงเรียกร้องให้มาเลเซียยุติการแทรกแซงประเทศไทยในการเจรจาปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา โดยผู้นำมาเลเซียกล่าวว่า มาเลเซียเป็นห่วงกรณีความขัดแย้งระหว่างไทยและกัมพูชา และมาเลเซียทำหน้าที่แค่ช่วยเป็นตัวกลางในการนำไทยและกัมพูชาเข้าสู่โต๊ะเจรจาเพื่อแก้ไขความขัดแย้ง และขอยืนยันว่า มาเลเซียไม่ได้แทรกแซงกิจการภายในของไทยแต่อย่างใดอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่