“อัจฉริยะ” บุกสำนักงานจเรตำรวจ ยื่นหนังสือร้องเรียนกล่าวหา ผบ.ตร.กับพวก ระบุอาจเกี่ยวข้องซื้อขายเก้าอี้ตำรวจ บช.ภ.4 ลั่น 25 พ.ย. จะไปมหาดไทยจี้ย้าย ผบ.ตร.พ้นเก้าอี้ ขู่ “อนุทิน” ถ้าไม่ดำเนินการจะยื่น ป.ป.ช. เล่นงาน 157 ขณะที่ “ไตรรงค์” ลั่นพร้อมสอบกรณี “อัจฉริยะ” ร้องเรียน ชี้ ก.ร.ตร. อิสระ ไม่ขึ้นกับ ผบ.ตร. ล่าสุด ผบ.ตร.แจ้งจับ “บิ๊กโจ๊ก” หมิ่นประมาทแล้วจากข่าวฉาวโฉ่ว่อนโซเชียลเรื่องการซื้อขายเก้าอี้ในวงการตำรวจโดยเฉพาะที่ภาค 4 และภาค 8 เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 21 พ.ย. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ รองจเรตำรวจแห่งชาติ เผยถึงกรณีที่นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม จะไปยื่นหนังสือร้องต่อประธานคณะกรรมการพิจารณาเรื่องร้องเรียนตำรวจ หรือ ก.ร.ตร. ที่สำนักงานจเรตำรวจ กรณี พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. กับพวกเกี่ยวข้องกับการซื้อขายตำแหน่งในพื้นที่ตำรวจภูธร ภาค 4 โดยกล่าวว่า ทราบเรื่องแล้วจากข่าว หากได้รับมอบหมายหรือสำนักงานจเรตำรวจได้รับเรื่องร้องเรียนจะต้องมีการตรวจสอบอย่างจริงจัง ในกระบวนการตรวจสอบตำรวจนอกเหนือจากในระบบของจเรตำรวจแล้วยังมีคณะ ก.ร.ตร. ถือเป็นองค์กรอิสระที่ไม่ได้อยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของผู้ถูกร้องหรือ ผบ.ตร.ต่อมาเวลา 11.30 น. วันเดียวกัน ที่สำนักงานจเรตำรวจแห่งชาติ นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เข้ายื่นหนังสือร้องเรียนกล่าวหา พล.ต.อ. กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร.กับพวกรวมถึงเครือข่ายอาจเกี่ยวข้องกับการเรียกรับผลประโยชน์และซื้อขายตำแหน่งตำรวจ บช.ภ.4 มี พล.ต.ท.สรศักดิ์ เย็นเปรม ประธานคณะกรรมการพิจารณาเรื่องร้องเรียนตำรวจ ก.ร.ตร.เป็นผู้รับเรื่องนายอัจฉริยะกล่าวว่า พยานหลักฐานเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงการซื้อขายตำแหน่งและการชำระเงินระหว่างผู้ที่เกี่ยวข้องอย่างชัดเจน ได้แก่ ข้อมูลของ น.ส.จุฑาทิพย์ มีประวัติเคยถูกออกหมายจับในคดีฉ้อโกง และถูกอ้างว่าใกล้ชิดบุคคลสำคัญที่อาจระคายเคืองสถาบัน อีกทั้งรายละเอียดการซื้อขายตำแหน่งระดับ ผกก. พร้อมหลักฐานการชำระเงิน ข้อความแชตไลน์ของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ที่เกี่ยวข้องกับการเลื่อนตำแหน่งแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจสังกัด บช.ภ.4 ภาพแชตไลน์เกี่ยวกับการซื้อกระเป๋าแบรนด์เนม นาฬิกาหรู และผ้าไหมให้ภรรยา รวมถึงไฟล์คลิปเสียงพร้อมร้องขอให้ ก.ร.ตร. ดำเนินคดีพล.ต.อ.กิตติ์รัฐ และ น.ส.จุฑาทิพย์ พร้อมพวกในเครือข่าย และในวันที่ 26 พ.ย. เตรียมเปิดเผยชื่อนามสกุลจริงของบุคคลที่เกี่ยวข้องต่อหน้าคณะกรรมาธิการ ยืนยันไม่เกรงกลัวต่อการถูกฟ้องร้องคดีหมิ่นประมาท พร้อมทั้งกล่าวให้ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ออกมาชี้แจงกรณีแชตไลน์ที่ถูกเปิดเผยว่าไม่ใช่แชตไลน์ของตนและไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับ น.ส.จุฑาทิพย์นายอัจฉริยะยังกล่าวฝากถึงนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ว่า ในวันที่ 25 พ.ย. เวลา 10.00 น. จะไปยื่นหนังสือที่กระทรวงมหาดไทย ให้มีคำสั่งย้าย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พ้นจาก ผบ.ตร. หากยังไม่ดำเนินการโยกย้าย ผบ.ตร. จะยื่นเรื่องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ดำเนินคดีนายอนุทิน ฐานเป็นเจ้าพนักงานของรัฐปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามมาตรา 157ส่วนเรื่องการปราบปรามสแกมเมอร์ ก่อนหน้านี้ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ รองจเรตำรวจแห่งชาติ ในฐานะรอง ผอ.ศปอส.ตร. และประธานอนุกรรมการประชาสัมพันธ์ป้องกันการกระทำความผิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พล.ต.ต.วิชิต บุญชินวุฒิกุล รอง ผบช.ภ. 1, พล.ต.ต.วรชาติ แสนคำ ผบก.สส.ภ.1, พล.ต.ต.คมกฤช สุขไทย ผบก.สอท.3, นายวิทยา นีติธรรม ผู้ช่วยเลขาธิการ และโฆษก ปปง. และ ดร.ดรุณวรรณ ชาญพิพัฒนชัย ที่ปรึกษาคณะอนุกรรมการฯ ร่วมแถลงผลการดำเนินการปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีของศปอส.ตร. และคณะอนุกรรมการประชาสัมพันธ์ป้องกันการกระทำความผิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยีพล.ต.ท.ไตรรงค์กล่าวว่า ห้วงวันที่ 1 ต.ค. -18 พ.ย. ได้ปิดกั้น URL ที่ผิดกฎหมายผ่านระบบ AFC ดังนี้ ยอดรวม URL ที่มีการรายงานทั้งหมด 75,250 URL แบ่งเป็น Page Facebook 26,674 URL, URL ผิดกฎหมายอื่นๆ 19,994 URL, Website 19,334 URL, Line 6,424 URL, TikTok 2,824 URL ส่วนคดีพนันออนไลน์ จับกุมได้ 956 คดี ผู้ต้องหา 1,003 ราย ในส่วนของการดำเนินการของ ศปอส.ตร. และวอร์รูม IAC ตั้งแต่วันที่ 4 ส.ค.-19 พ.ย. มีเคสที่รับเข้ามา 1,000 เคส มูลค่าความเสียหายรวม 635.9 ล้านบาท สามารถอายัดเงินได้ทัน 475 เคส มูลค่ากว่า 202.5 ล้านบาท มีคดีที่น่าสนใจที่นำมาแถลงในวันนี้ 2 คดีรอง จตช.กล่าวอีกว่า คดีที่ 1 ตำรวจภูธรภาค 1 ทลายเครือข่ายพนัน SBOBET.LIVE และ UFA CLUB1 ยึดเงินสด 30 ล้านบาท จับผู้ต้องหา 10 ราย ยึดของกลาง บัตร ATM (บัญชีม้า) กว่า 100 ใบ, โทรศัพท์มือถือ 22 เครื่อง และเงินสดรวม 30,324,600 บาท อายัดทรัพย์สิน 20 ล้านบาท ส่วนคดีที่ 2 บช.สอท. เปิดยุทธการ “ปิดดอยทลายรังเว็บพนันภาคเหนือ” “Heng168” จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 18 พ.ย. จับผู้ต้องหาตามหมายจับ 9 ราย ยึดของกลาง อาทิ รถยนต์หรู, โทรศัพท์มือถือ 17 เครื่อง, สมุดบัญชีธนาคารรวม 28 เล่ม, บัตร ATM 10 ใบ, เสื้อผ้า/ของใช้แบรนด์เนม และเงินสด 50,000 บาท อายัดทรัพย์สินที่เป็นอสังหาริมทรัพย์ ได้แก่ บ้านและที่ดินใน อ.สันทราย จ.เชียงใหม่ มูลค่าประมาณ 6 ล้านบาท และบ้านพัก Pool Villa พร้อมที่ดินใน อ.เมืองเชียงใหม่ มูลค่าประมาณ 25 ล้านบาท รวมมูลค่าทรัพย์สินที่ตรวจยึดและอายัดได้ทั้งหมดกว่า 40 ล้านบาทเย็นวันเดียวกัน มีรายงานข่าวจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรณีการตรวจสอบการเผยแพร่ข้อมูลทางสื่อสังคมออนไลน์ที่ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์องค์กร ล่าสุด พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. ได้ลงนามคำสั่งมอบอำนาจให้แจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล อดีตรอง ผบ.ตร.ข้อหาหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ภายหลัง พล.ต.อ.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ จเรตำรวจแห่งชาติ ทำบันทึกรายงานผลการตรวจสอบข้อมูลข่าวสารเสนอต่อ ผบ.ตร. ระบุถึงเหตุการณ์ช่วงวันที่ 4-17 พ.ย.68 มีการเผยแพร่บทสัมภาษณ์และคลิปวิดีโอของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ ตรวจสอบเนื้อหาอย่างละเอียด พบถ้อยคำสำคัญเข้าข่ายพาดพิงรุนแรง ระบุว่า “สำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นองค์กรอาชญากรรมที่ใหญ่ที่สุด” ได้มีการเผยแพร่กระจายสู่สาธารณชนในวงกว้างรายงานระบุว่า เมื่อพิจารณาข้อเท็จจริงประกอบข้อกฎหมาย ถือเป็นการใส่ความที่เกินขอบเขตของการติชมหรือวิพากษ์วิจารณ์โดยสุจริตวิสัย แต่เป็นการมุ่งทำลายชื่อเสียง ลดทอนคุณค่าและความน่าเชื่อถือของสำนักงานตำรวจแห่งชาติอย่างร้ายแรงที่สุด อาจส่งผลให้ประชาชนเกิดความเกลียดชังและขาดความศรัทธาต่อองค์กรในภาพรวม แม้จะมีการชี้แจงภายหลังว่าไม่ได้หมายความเหมารวมถึงตำรวจทั้งแผ่นดิน แต่เจาะจงเพียงบางกลุ่ม อย่างไรก็ตาม การสื่อสารครั้งแรกที่ระบุชื่อสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้สร้างความเสียหายต่อภาพลักษณ์โดยรวมที่สำเร็จผลไปแล้ว การแก้ตัวภายหลังไม่อาจลบล้างความผิดได้ เข้าข่ายความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา เพื่อเป็นการปกป้องเกียรติยศภาพลักษณ์สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐมีคำสั่งลงนามมอบอำนาจให้ พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ รองจเรตำรวจแห่งชาติ เป็นตัวแทนเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่