ประสิทธิ์ ฉกาจธรรม เขียนคอลัมน์ คารมคมคิด...ลงใน นสพ.กรุงเทพธุรกิจ ตั้งแต่ปี 2551 สำนักพิมพ์สุขภาพใจ รวมพิมพ์เป็นเล่ม หนังสือชื่อ คารมคมความคิด ปี 2553 และพิมพ์รวมเล่ม คารมคมปัญญาครั้งแรก ม.ค.2568ผมแน่ใจ เรื่องที่ 47 หนทางแห่งความรวย...ไม่ว่าใครจะได้อ่าน...ในการพิมพ์ครั้งไหน...คงไม่ได้อารมณ์สะใจ...เท่ากับได้อ่านในครั้งนี้ประสิทธิ์หมายเหตุไว้ท้ายเรื่อง...เรียบเรียงจากบันทึกทิงสื่อ ยุคราชวงศ์ซ่งใต้ ประพันธ์โดยเย่ว์เคอในอดีตมีบัณฑิตหนุ่มยากจนผู้หนึ่ง อาศัยอยู่ใกล้บ้านเศรษฐี เขามักอิจฉาความสมบูรณ์พูนสุขของเพื่อนบ้าน จนถึงวันนั้น...เขาทนต่อไปไม่ไหว แต่งกายเรียบร้อยเข้าไปหา“กรุณาชี้แนะหนทางแห่งความร่ำรวยของท่านให้แก่ข้าบ้าง...”เศรษฐีไม่ตอบทันที ทำท่าครุ่นคิด แล้วว่า “การจะร่ำรวย ไม่ใช่เรื่องง่าย เอาอย่างนี้ เจ้ากลับไปถือศีลกินเจ 3 วัน แล้วค่อยกลับมาใหม่”ผ่านไป 3 วัน บัณฑิตหนุ่มก็กลับมา เขานำของกำนัลติดมือมามอบให้ เศรษฐีเชื้อเชิญให้นั่งลงสนทนา“ขั้นตอนไปสู่ความมั่งคั่ง ต้องเริ่มจากการกำจัดโจรร้ายทั้งห้า”คำสอนเศรษฐี ไม่ชอบด้วยทำนองคลองธรรม...นี่นา! บัณฑิตหนุ่มสงสัย “โจรร้ายทั้งห้าคืออะไร?”เศรษฐียิ้มอย่างเยือกเย็น“ก็คือสิ่งที่เราเรียกกันว่า เมตตา คุณธรรม มารยาท ปัญญา และสัจจะ”เรื่องราวอ่านไม่ยาก แต่เข้าใจยาก ประสิทธิ์บอกไว้แล้ว เป็นคำประพันธ์ของเย่ว์เคอ บอกชื่อนี้แล้วถ้าบอกต่อว่า คนคนนี้ เป็นหลานของแม่ทัพเย่ว์เฟยที่คนไทยคุ้นเคยในชื่องักฮุยเย่ว์เคอเจ็บปวดกับชะตากรรมของเย่ว์เฟย ขุนนางที่ซื่อตรงจงรักภักดี แต่ถูกขุนนางกังฉินใส่ร้ายป้ายสี จนถูกฮ่องเต้ลงโทษประหารชีวิตแท้จริงเย่ว์เคอประพันธ์เรื่องนี้เสียดสีสังคมสับปลับจอมปลอม เปลือกนอกเทิดทูนหลักเบญจธรรมของลัทธิขงจื๊อ คือ เมตตา คุณธรรม มารยาท และจารีตประเพณีอันดีงาม สติปัญญา หยั่งรู้ถูกผิด และการรักษาสัจจะแต่เนื้อแท้กลับตรงกันข้ามผู้ที่เป็นใหญ่เป็นโต ประสบความสำเร็จร่ำรวย ล้วนแต่ประพฤติตนนอกหลักคำสอนของขงจื๊อผลงานของเย่ว์เคอสะท้อนภาพแผ่นดินจีนยุคนั้น ผู้ที่ยึดมั่นในความดีงามคือคนโง่จึงไม่น่าแปลกใจ หลังเย่ว์เคอเสียชีวิตเพียง 45 ปี ราชวงศ์ซ่งใต้ก็ล่มสลาย แผ่นดินจีนตกอยู่ในเงื้อมมือของชนเผ่ามองโกล ชนเผ่าซึ่งเคยถูกเหยียดหยามว่า เป็นคนป่าเถื่อนไร้อารยธรรมสังคมไทยที่เห็นอยู่ตรงหน้าช่างคลับคล้ายสังคมจีนยุคนั้น...คนส่วนใหญ่ต่างรู้สึกว่า “ทำดีได้ดีมีที่ไหน ทำชั่วได้ดีมีถมไป” เมื่อรู้สึกเหมือนๆกันอย่างนี้ ใครเล่าจะอยากทำความดีข้าราชการเรียนรู้ว่า วิธีที่จะก้าวหน้าก็ต้องเอาใจนักการเมือง หรือผู้มีตำแหน่งสูงกว่า ต้นตอปัญหาอยู่ที่อำนาจการแต่งตั้งโยกย้ายอยู่ในมือคนไม่กี่คนประโยคจบที่คุณประสิทธิ์เขียนไว้...ผมจำได้ชัดเจน จึงนึกได้ข้อเดียว...คนไทยเขารู้กันทั้งบ้านเมือง บางตำแหน่งที่ตัดสินคดีการเมือง ตำแหน่งที่เคยบ่นๆกันว่า ไม่โยงยึดอำนาจประชาชน แต่ตอนนี้ถูกยึดโยงด้วยมือของโจรการเมืองใครหนา!เคยบอก สวรรค์มีตา นรกมีมือ...เรื่องราวในบ้านเมืองเราตอนนี้จะทำให้ผมเชื่อได้อย่างไรว่า สวรรค์มีจริง นรกมีจริง.กิเลน ประลองเชิงคลิกอ่านคอลัมน์ “ชักธงรบ” เพิ่มเติม