การไม่มีโรค เป็นลาภอันประเสริฐ แต่โรคภัยไข้เจ็บก็เป็นเรื่องธรรมชาติที่มนุษย์ทุกคนต้องเจอ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ไม่มีใครหนีพ้น ที่สำคัญเมื่อมีอาการเจ็บป่วยก็จำเป็นต้องไปหาหมอเพื่อตรวจรักษา แต่ก็อย่างที่รับทราบกันโดยทั่วไปว่าโรงพยาบาล (รพ.) ของรัฐเกือบทุกแห่ง มีผู้ป่วยไปรับการรักษาเป็นจำนวนมาก ต้องรอคิวกันยาวทำให้ผู้เจ็บป่วยอีกเป็นจำนวนมาก ที่ต้องการได้รับความสะดวกรวดเร็วในการได้รับการตรวจรักษาโรค ทั้งของตนเองและคนในครอบครัว ต้องเลือกที่จะไปตรวจรักษากับ รพ.เอกชน ซึ่งมีค่าใช้จ่ายสูงกว่า รพ.รัฐ หลายเท่าตัว และทำให้มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์เรื่องค่ารักษาแพง เรียกร้องให้มีการกำหนดมาตรฐานราคาที่เป็นธรรมมาโดยตลอดล่าสุด กรมการค้าภายในได้เดินหน้าจัด “โครงการสุขกาย สบายกระเป๋า” ขอความร่วมมือ รพ.เอกชนเพิ่มทางเลือกให้ประชาชนสามารถไปซื้อยาจากร้านขายยาภายนอก รพ.เอกชน โดย อย.ได้เปิดให้ร้านขายยาลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการ และจะเริ่มคิกออฟโครงการ ในวันที่ 28 ต.ค.นี้ นัยว่าเป็นการเพื่อลดภาระค่ายาให้ประชาชนขณะที่ กันต์พงษ์ ประยูรศักดิ์ สส.พรรคประชาชน รองประธานคณะ กมธ.การคุ้มครองผู้บริโภคและประธานอนุ กมธ.ศึกษากฎหมายด้านการคุ้มครองผู้บริโภค สภาฯ แถลงเรื่องความท้าทายในการควบคุมราคาค่าบริการและเวชภัณฑ์ของ รพ.เอกชน ว่า กมธ.ได้เห็นถึงปัญหาค่ารักษาใน รพ.เอกชนที่มีราคาสูงกว่ามาตรฐานของ รพ.รัฐ อย่างมากทำให้ผู้ป่วยไม่สามารถเข้าถึงบริการทางการแพทย์ที่มีคุณภาพได้อย่างเท่าเทียม ค่ารักษาที่แพงกระทบต่อเศรษฐกิจครอบครัว โดยเฉพาะกลุ่มรายได้ปานกลางและรายได้น้อย สะท้อนความเหลื่อมล้ำทางสังคมในการเข้าถึงบริการสุขภาพที่เป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชน กมธ.จึงเสนอแนวทางควบคุมราคาค่ารักษาให้เหมาะสม โปร่งใส และเป็นธรรมอาทิ องค์กรของผู้บริโภคควรรวบรวมข้อมูลค่ายารักษา เวชภัณฑ์ต่างๆ เสนอรัฐบาลและหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้อง ส่วนการควบคุมการเก็บค่ารักษาของ รพ. เอกชน กรมการค้าภายในควรต้องวิเคราะห์ต้นทุน กำหนดราคายาที่แน่นอน เพื่อไม่ให้มีการเรียกเก็บในราคาสูงเกินควร และกำหนดค่ารักษาให้ชัดเจน และเป็นธรรมต่อผู้บริโภคดังนั้น การที่กรมการค้าภายในขอความร่วมมือจาก รพ.เอกชน ให้ประชาชนไปซื้อยาจากร้านขายยาภายนอกได้ แม้เป็นเรื่องดี แต่ก็คงช่วยให้ประหยัดค่าใช้จ่ายได้แค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น เพราะไม่ใช่เป็นการควบคุมราคายา เวชภัณฑ์ และค่ารักษาของ รพ.เอกชน ซึ่งควรต้องมีการกำหมดมาตรฐานราคาที่เป็นธรรมต่อผู้บริโภคอย่างแท้จริง.คลิกอ่านคอลัมน์ “บทบรรณาธิการ” เพิ่มเติม