“อนุทิน” ลงพื้นที่ติดตาม สถานการณ์น้ำท่วมเมือง กรุงเก่า จี้เร่งรัดจ่ายเงินเยียวยาผู้ประสบภัย กำชับผู้บริหาร อปท.กล้าใช้งบฯฉุกเฉินเบิกจ่ายได้ไม่ต้องกลัวถูกตรวจสอบ ดันโครงการชลประทาน 1 แสนล้านบาท แก้ปัญหายั่งยืนภายใน 7 ปี ลุ้นระทึกพายุลูกใหม่ “บัวลอย” อุตุฯเตือนฝนถล่มหนักอีกรอบ 28-30 ก.ย. ฟ้าฝนยังชุ่มฉ่ำ “เหนือ-อีสาน” น้ำป่าซัดถล่มหลายจังหวัด พิมายอ่วมรอบ 4 ถนนหนทางถูกตัดขาด บ้านพังถล่มทั้งหลัง เดชะบุญไม่มีใครได้รับอันตราย ชัยภูมิน้ำซัดจมสะพานเชื่อมหมู่บ้าน 300 หลังถูกตัดขาด ลำปางน้ำป่าดอยขุนตาลถล่มซ้ำ 2 อำเภอทั้งถนนสะพานขาดหลายจุดนายกฯนำคณะลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำท่วมที่วัดโคกหิรัญ ต.บางชะนี อ.บางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา เมื่อเวลา 09.15 น.วันที่ 27 ก.ย. นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย นายสุรศักดิ์ พันเจริญวรกุล รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) นายทรงศักดิ์ ทองศรี นายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ น.ส.ศศิธร กิตติธรกุล รมช.มหาดไทย นายภราดร ปริศนานันทกุล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายทวิวงศ์ โตทวิวงศ์ สส.พระนครศรีอยุธยา พรรคประชาชน รวมถึงผู้บริหารกระทรวงมหาดไทย ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำท่วมนายนิวัฒน์ รุ่งสาคร ผวจ.พระนครศรีอยุธยา รายงานสถานการณ์ว่า พื้นที่นี้เป็นพื้นที่ลุ่มต่ำไม่ใช่ทุ่งรับน้ำ มีโฉนดที่ดินทั้งหมดไม่ใช่ที่สาธารณะหรือแก้มลิง ขอให้พิจารณาจ่ายเงินเยียวยาเพื่อบรรเทาปัญหาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย ปรับปรุงหลักเกณฑ์การให้การช่วยเหลือ กรณีผู้ประสบเขตภัยพิบัติให้เหมาะสมกับสภาพของความเสียหาย ตลอดจนกำหนดกรอบระยะเวลาการจ่ายเงินชดเชยเยียวยาให้รวดเร็วขึ้น ต้องการให้รัฐบาลช่วยเร่งรัดแก้ไขปัญหาอุทกภัยอย่างยั่งยืนเพื่อไม่ให้การบริหารจัดการน้ำมากระทบหรือให้เกิดปัญหาอุทกภัยซ้ำซากในพื้นที่ลุ่มเจ้าพระยา ทบทวน 9 แผนงานโครงการลุ่มเจ้าพระยาตอนล่างของกรม ชลประทานนายอนุทินกล่าวว่า เมื่อเกิดปัญหาต้องเร่งแก้ให้ทันท่วงทีโดยเฉพาะงบเยียวยา เมื่อเกิดภัยพิบัติที่เป็นเหตุฉุกเฉิน ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นไม่ว่าจะเป็นนายก อบต. นายกเทศมนตรี เรามีงบฯฉุกเฉินสามารถเบิกจ่ายได้ไม่ต้องกังวล สามารถชี้แจงได้ ให้ความมั่นใจงบฯช่วยเหลือต้องตกถึงพ่อแม่พี่น้องทั้ง 100% ไม่มีตกหล่น ผู้บริหารท้องถิ่นอย่าไปเกรงกลัวจะถูกตรวจสอบทำให้ไม่กล้าใช้ ผวจ. รอง ผวจ.ต้องไปชี้แจงแนวทางใช้งบฉุกเฉิน ก่อนมาเป็นนายกฯก็เป็น รมว.มหาดไทยมา เข้าใจเรื่องความเร่งด่วนความเดือดร้อน วันนี้นายกฯและ รมว.มหาดไทย ชื่ออนุทิน ขั้นตอนจะถูกลดลงมา ขณะนี้ได้เร่งรัดโครงการก่อสร้างคลองระบายน้ำหลากบางบาล-บางไทร ให้เสร็จในปี 2569 จะช่วยระบายน้ำ 1,200 ลบ.ม.ต่อวินาที ตัดยอดน้ำไม่ให้ท่วมตัวเมือง ต้องเกิดการปรับปรุงระบบชลประทานฝั่งตะวันออกตอนล่าง ดูแผนแล้วต้องใช้เวลา 7 ปี มีการของบฯ 1 แสนล้านบาทเท่ากับตกปีละกว่า 1 หมื่นล้านบาทเองต่อมานายอนุทินและคณะมอบเงินช่วยเหลือค่าจัดการศพและเงินสงเคราะห์ครอบครัวผู้เสียชีวิต 1 ราย จากเหตุน้ำท่วม และมอบถุงยังชีพ 1,000 ชุด ก่อนจะเดินทักทายประชาชนพร้อมกล่าวว่า “ขอให้อดทนหน่อย เอาเงินช่วยเหลือก่อน กำลังช่วยเหลือเรื่องการระบายน้ำ วันนี้มากันเยอะรัฐบาลเดียวกัน” จากนั้นเดินทักทายให้กำลังใจหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ รพ.บางบาล ที่มาประจำจุด แวะร้านขายก๋วยเตี๋ยวเหมาให้ชาวบ้านได้กินกัน ก่อนสวมรองเท้าบูตเดินลุยน้ำเข้าไปให้กำลังใจชาวบ้าน ลงเรือที่มีชาวบ้านพายให้ ไปมอบถุงยังชีพและเยี่ยมผู้ประสบภัยตามบ้านที่ถูกน้ำท่วม ล้อมวงพูดคุยและดื่มนมถั่วเหลืองที่ชาวบ้านนำมาให้ มีชาวบ้านมอบกล้วยไข่ให้นายกฯ 1 เครือได้แบ่งแจกจ่ายให้ข้าราชการที่ตามคณะ นายอนุทินกล่าวว่า ชาวบ้านขวัญกำลังใจดี หากเทียบกับระดับน้ำกับปีที่แล้วถือว่าต่ำกว่า จากนั้นนายกฯทดลองพายเรือท้องแบนก่อนเดินทางกลับ กทม.ช่วงเที่ยงวันเดียวกัน ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.เกษตรและสหกรณ์ นำคณะลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำที่เขื่อนเจ้าพระยา จ.ชัยนาท ระบายน้ำ 2,100 ลบ.ม./วินาที (คงที่) สถานการณ์น้ำท่าเหนือเขื่อนมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น พื้นที่ท้ายเขื่อนมีแนวโน้มทรงตัว ร.อ.ธรรมนัสเผยว่า เวลานี้ปัญหาสำคัญที่สุดคือระบบสั่งการจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาจไม่เกิดความคล่องตัวในการบริหารจัดการน้ำ ทำให้แก้ปัญหาไม่ทันต่อสถานการณ์ จะกลับไปหารือกับนายกฯเพื่อแก้ไขปัญหา ส่วนการแก้ไขปัญหาระยะยาวจำเป็นต้องทบทวนกันใหม่ ยืนยันว่าพื้นที่ กทม.และจังหวัดใกล้เคียงปีนี้เอาอยู่ อย่างไรก็ตาม เรื่องสำคัญคือ ตอนนั่ง ฮ.มา พบวัชพืชและสิ่งกีดขวางทางน้ำลำธารแหล่งกักเก็บน้ำต่างๆ ให้เวลา 1 เดือน หากยังมีอยู่ต้องลงโทษโยกย้ายทันที ถือเป็นนโยบายสำคัญส่วนสถานการณ์ฝนตกหนักทำให้เกิดน้ำป่าซัดถล่มหลายพื้นที่ จ.นครราชสีมา ฝนตกต่อเนื่องตลอดคืนจนเกิดน้ำป่าไหลหลากจากพื้นที่ราบสูงใน อ.ห้วยแถลง ลงสู่พื้นที่ อ.พิมาย เกิดน้ำท่วมขังในตลาดสดพิมายเมืองใหม่ ต.ในเมือง พ่อค้าแม่ค้าต้องยืนแช่น้ำขายของ ส่วนภายในอุทยานประวัติศาสตร์พิมาย (ปราสาทหินพิมาย) รวมถึงอุทยานไทรงาม แหล่งท่องเที่ยวชื่อดังก็ถูกน้ำท่วมสูง 20-30 ซม. กระแสน้ำป่ายังไหลบ่าท่วมถนนสายพิมาย-ชุมพวง หน้าโรงเรียนพิมายสามัคคี 1 ต.รังกาใหญ่ ระดับน้ำสูงกว่า 30 ซม.ระยะทาง 1 กม. น้ำไหลเชี่ยวแรงจนรถสัญจรผ่านไปมาลำบาก นับเป็นน้ำป่าซัดถล่มรอบที่ 4 ในช่วงเวลาแค่เดือนเดียวนอกจากนี้เกิดเหตุระทึกที่บ้านเลขที่ 18/1 หมู่ 6 ต.รังกาใหญ่ อ.พิมาย ของนางฉลวย มุ่งครอบกลาง อายุ 58 ปี เป็นบ้านปูนชั้นเดียวถูกกระแสน้ำซัดพังถล่มลงมาทั้งหลัง โชคดีที่คนในบ้านหนีออกมาได้ทันไม่มีใครได้รับอันตราย ส่วนที่ อ.พระทองคำ น้ำท่วมถนนสุรนารายณ์ ฝั่งขาเข้า ช่วง กม.ที่ 180 บ้านมาบกราด หมู่ 6 ต.มาบกราด ระดับน้ำ 60-70 ซม. ระยะทางยาวกว่า 400 เมตร เจ้าหน้าที่ต้องเปิดช่องทางพิเศษให้รถวิ่งสวนทางกันในช่องทางฝั่งขาออกจ.ชัยภูมิ เกิดน้ำป่าจากเทือกเขาพังเหย ไหลทะลักลงสู่ลำห้วยฝรั่ง เอ่อท่วมถนนและสะพานเชื่อมระหว่างบ้านห้วยฝรั่งหมู่ 4 กับบ้านดงลาน หมู่ 11 ต.วะตะแบก อ.เทพสถิต ชาวบ้านดงลานกว่า 300 ครัวเรือนถูกตัดขาดจากโลกภายนอก มวลน้ำไหลหลากลงสู่หน้าผาสูงชันใกล้สะพาน รถทุกชนิดไม่สามารถวิ่งข้ามไปได้ เจ้าหน้าที่ต้องเฝ้าระวังไม่ให้เกิดเหตุการณ์กระแสน้ำซัดรถตกเหวซ้ำอีกเพราะจุดดังกล่าวเคยเกิดเหตุบ่อยครั้ง ขณะเดียวกันที่ อ.บำเหน็จณรงค์ พายุฝนพัดกระหน่ำรุนแรงทำให้ต้นไม้ใหญ่ล้มขวางถนนสายบำเหน็จณรงค์-ซับใหญ่ บ้านวังพระทราย ต.บ้านชวน ยังโชคดีไม่มีใครได้รับอันตราย เจ้าหน้าที่และชาวบ้านต้องช่วยกันนำเครื่องจักรอุปกรณ์เข้าไปตัดทอนต้นไม้ออกจากถนน นอกจากนี้ถนนสายดังกล่าวบริเวณเลยสามแยกตลาดใหม่มุ่งหน้าไป อ.ซับใหญ่ ก็มีน้ำท่วมขังผิวการจราจรด้วยจ.ลำปาง น้ำป่าไหลหลากจากเขตอุทยานแห่งชาติดอยขุนตาล ลงลำห้วยแม่ตาล เอ่อล้นเข้าท่วมพื้นที่บ้านปงเหนือ-ปงใต้ ต.ปงยางคก อ.ห้างฉัตร ถนนในหมู่บ้านถูกน้ำกัดเซาะขาดไม่สามารถสัญจรได้ ก่อนหน้านี้เพียง 1 สัปดาห์ถนนสายนี้เพิ่งเสียหายจากน้ำป่าอยู่ระหว่างรอการซ่อมแซม กระทั่งมาถูกน้ำป่าซัดขาดอีกครั้ง มีนาข้าวหลายสิบไร่ถูกน้ำท่วมเสียหาย เช่นเดียวกับถนนสายห้างฉัตร-เกาะคา เส้นทางไปพระธาตุลำปางหลวง น้ำท่วมหลายจุด โดยเฉพาะช่วงหน้าวัดจำทรายมูล น้ำท่วมสูง 30-80 ซม.รถเล็กไม่สามารถผ่านได้ นอกจากนี้ที่บ้านปางตอง ต.เวียงตาล สะพานข้ามลำห้วยแม่ตาลถูกกระแสน้ำซัดขาด ถนนเข้าหมู่บ้านแม่ตาลน้อย-บ้านปางปงปางทราย คอสะพานขาดเช่นกันนายพัชระ สีมะเสถียร รอง ผวจ.ลำปาง ลงพื้นที่ บ้านจำ หมู่ 3 ต.ปงยางคก อ.ห้างฉัตร พร้อมเผยว่า มวลน้ำในลำห้วยแม่ตาลเอ่อเข้าท่วมพื้นที่ อ.ห้างฉัตร ใน 3 ตำบลคือ ต.เวียงตาล ต.ห้างฉัตร และ ต.ปงยางคก ก่อนจะไหลต่อไปพื้นที่ท้ายน้ำคือบ้านม้า ต.ลำปางหลวง อ.เกาะคา ชาวบ้านในพื้นที่ 2 อำเภอหลายร้อยหลังคาเรือนได้รับผลกระทบ ระดับน้ำสูง 30 ซม.ถึง 1 เมตร สั่งการเจ้าหน้าที่เร่งช่วยเหลือชาวบ้านและสำรวจความเสียหายแล้วจ.แม่ฮ่องสอน กระแสน้ำจากแม่น้ำแม่ลาก๊ะกัดเซาะผิวถนนทางหลวงสาย 108 ช่วงบ้านท่าหินส้ม-บ้านหนองแห้ง ต.เมืองปอน อ.ขุนยวม พังถล่มลงไปเกือบครึ่งเลน หมวดทางหลวงขุนยวมประกาศเตือนผู้ที่สัญจรผ่านให้เพิ่มความระมัดระวังพร้อมเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาเนื่องจากเป็นถนนสายหลักที่ใช้เดินทางใน จ.แม่ฮ่องสอน ส่วนพื้นที่ อ.แม่สะเรียง เกิดเหตุดินสไลด์ทำให้เสาไฟฟ้าโค่นล้มขวางถนนสายเดียวกัน ช่วง กม.ที่ 176-177 ใกล้สามแยกป่าแป๋ ต.แม่เหาะ เจ้าหน้าที่ระดมกำลังคนและเครื่องจักรเข้าเคลียร์เส้นทางจนสามารถเปิดการจราจรได้ตามปกติประกาศกรมอุตุนิยมวิทยาเรื่องพายุ “บัวลอย” ฉบับที่ 4 ระบุว่า เมื่อเวลา 13.00 น.วันที่ 27 ก.ย. พายุโซนร้อนกำลังแรง “บัวลอย” (BUALOI) บริเวณทะเลจีนใต้ตอนกลางได้ทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุไต้ฝุ่นแล้ว และเมื่อเวลา 16.00 น. ความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 120 กม.ต่อ ชม. เคลื่อนตัวทางทิศตะวันตกค่อนทางเหนือเล็กน้อยด้วยความเร็วประมาณ 35 กม.ต่อ ชม. คาดว่าจะเคลื่อนขึ้นฝั่งประเทศเวียดนามตอนบนวันที่ 29 ก.ย. หลังจากนั้นจะอ่อนกำลังลงตามลำดับ จากอิทธิพลของพายุ “บัวลอย” ส่งผลให้ช่วงวันที่ 28-30 ก.ย. ร่องมรสุมกำลังแรงพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน และอ่าวไทยมีกำลังแรง ทำให้ประเทศไทยมีฝนตกหนักหลายพื้นที่ และมีฝนตกหนักมากบางแห่งในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ตามแนวขอบของพายุ รวมถึงด้านรับมรสุมในภาคตะวันออกและภาคใต้ฝั่งตะวันตกอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่