ทหารกัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิงและมีพฤติกรรมยั่วยุป่วนทหารไทยต่อเนื่อง นำรถถังและอาวุธเข้ามาในพื้นที่ตรงข้ามช่องตาเฒ่า ทางขึ้นเขาพระวิหาร อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ห่างแนวเส้นปฏิบัติการฝั่งไทยประมาณ 300 เมตร แถมยิงปืนเล็ก ขว้างระเบิดข่มขวัญ โฆษก ทบ.ชี้ทหารกัมพูชายั่วยุหวังดูปฏิกิริยาการตอบโต้และทดสอบแนวการวางกำลังของฝ่ายไทย ย้ำไทยมีสิทธิ์ป้องกันตนเองตามกฎบัตรสหประชาชาติ ขณะที่สถานการณ์บ้านหนองจานยังนิ่ง มีมวลชนไทยแห่ให้กำลังใจทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ตรึงแนวชายแดน ขณะที่ชาวกัมพูชาจ๋อยได้แต่นั่งเฝ้าเต็นท์ที่พัก ทหารกองกำลังบูรพาจับชาวกัมพูชาที่กลับกัมพูชาแล้วใกล้อดตายลอบหนีเข้าไทยและจับ 8ไทยลอบข้ามแดนหลังตกงานจากกัมพูชาจะกลับภูมิลำเนา ฝ่ายกัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิงอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 25 ก.ย. กองทัพภาคที่ 2 รายงานว่า เมื่อวันที่ 24 ก.ย.ทหารกัมพูชาได้เพิ่มเติมอาวุธยิงสนับสนุนวิถีตรงเข้ามาในพื้นที่แนวชายแดนและนำรถถัง 1 คัน เข้าที่ตั้งยิงบริเวณพื้นที่ตรงข้ามช่องตาเฒ่า ทางขึ้นเขาพระวิหาร ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ห่างจากแนวเส้นปฏิบัติการฝั่งไทยประมาณ 300 เมตร คาดเป็นการเตรียมการปฏิบัติการทางทหารต่อฝ่ายไทยต่อมาเวลาประมาณ 20.50 นาฬิกา ทหารไทยที่ปฏิบัติหน้าที่บริเวณพื้นที่ช่องกร่าง ต.ตาเมียง อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 1 นัด ทางทิศตะวันออกระยะประมาณ 150 เมตร ติดแนวลวดหนามของฝ่ายไทยและยังตรวจพบแสงไฟประมาณ 5 ดวง ในระยะ 100 เมตร บริเวณแนวรั้วลวดหนามพร้อมทั้งได้ยินเสียงปืนเล็กยิงเข้ามาบริเวณพื้นที่วางกำลังของฝ่ายไทย 3 นัด คาดว่าทหารกัมพูชาพยายามเข้ามาเกาะแนวลวดหนามของฝ่ายไทยต้องการตรวจสอบแนวการวางกำลังและยั่วยุทหารไทยในเวลา 02.50 นาฬิกา ทหารไทยที่ปฏิบัติหน้าที่บริเวณจุดตรวจสามแยก ต.ตาเมียง ได้ยินเสียงระเบิดดังขึ้น 1 ครั้ง จากทางทิศใต้ ระยะประมาณ 150 เมตร ติดกับแนวรั้วลวดหนามของฝ่ายไทยคาดเป็นการใช้ระเบิดขว้างเข้ามาในแนววางกำลังของฝ่ายไทย เพื่อตรวจสอบแนวการวางกำลังและยั่วยุทหารไทย แต่ทหารไทยไม่มีการตอบโต้ โดยยังคงยึดมั่นในหลักการอดกลั้นและปฏิบัติด้วยความรอบคอบ เพื่อป้องกันมิให้สถานการณ์บานปลายไปสู่ความรุนแรงพล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวว่า จากการกระทำยั่วยุของฝ่ายกัมพูชาล่าสุด หวังดูปฏิกิริยาการตอบโต้และทดสอบแนวการวางกำลังของฝ่ายไทย การตรวจพบข้างต้น ถือเป็นหลักฐานสำคัญที่แสดงว่ากัมพูชายังคงละเมิดในมาตรการหยุดยิง รวมทั้งมีความพยายามต่อเนื่องที่จะมุ่งสร้างสถานการณ์ยั่วยุต่อเจ้าหน้าที่ทหารไทย ฝ่ายไทยมีการเตรียมกำลังที่มีความพร้อมอย่างเข้มงวด เน้นย้ำกำลังพลปฏิบัติงานด้วยความอดทนอดกลั้นและไม่ประมาท เพื่อเฝ้าระวังสังเกตการณ์อย่างใกล้ชิด หากพบการรุกล้ำในอาณาเขต หรือการกระทำที่เป็นปรปักษ์ กองทัพบกพร้อมใช้สิทธิป้องกันตนเองตามกฎบัตรสหประชาชาติ เพื่อดูแลรักษาปกป้องอธิปไตยไทยในทันทีวันเดียวกัน พล.ท.อมฤต บุญสุยา แม่ทัพภาคที่ 1 เดินทางมาตรวจเยี่ยมหน่วยปฏิบัติการชายแดน ณ กอง กก.ตชด.ที่ 12 อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว รับฟังบรรยายสถานการณ์จาก พล.ต.เบญจพล เดชาติวงศ์ ณ อยุธยา ผบ.กอง พลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์/ผบ.กองกำลังบูรพา และรับฟังแผนรองรับสถานการณ์ จากนายปริญญา โพธิสัตย์ ผวจ.สระแก้วและพล.ต.ต. ถาวร ดุลยวิทย์ ผบก.ภ.จ.สระแก้ว จากนั้นพบปะกำลังพลและเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน ณ ลานหน้ากองบังคับการ กก.ตชด.ที่ 12 แม่ทัพภาคที่ 1 ได้กล่าวให้กำลังใจมอบแนวทางในการปฏิบัติงาน พร้อมทั้งขอบคุณในความเสียสละของทุกภาคส่วนในการปฏิบัติหน้าที่เพื่อรักษาอธิปไตย การดูแลความสงบเรียบร้อยตามแนวชายแดน การดูแลประชาชนชาวไทยที่ได้รับผลกระทบในพื้นที่ ก่อนมอบของให้เจ้าหน้าที่เป็นขวัญกำลังใจในการทำงานส่วนบรรยากาศที่บ้านหนองจาน อ.โคกสูง จ.สระแก้ว ชายแดนไทย-กัมพูชา เริ่มกลับมาคึกคักหลังมีประชาชนทั้งในพื้นที่และต่างจังหวัดทยอยเดินทางเข้ามาให้กำลังใจทหารที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่แนวหน้าอย่างต่อเนื่อง อย่างเช่นชาวบ้านหนองจาน นำโดย “ป้าน้อย” และกลุ่มเพื่อน ที่ร่วมแรงร่วมใจกันทำข้าวต้มใบมะพร้าว อาหารพื้นบ้านดั้งเดิมของชุมชนมาแจกจ่ายให้กำลังพลที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่บริเวณชายแดนให้ได้รับประทานนอกจากนี้ยังมีกลุ่มชาว จ.สมุทรปราการ เดินทางมาให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ทุกหน่วยที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่แนวชายแดนและรวมตัวยืนร้องเพลงชาติ เสียงกึกก้องที่หน้าแนวชายแดน แสดงออกถึงความเป็นไทย สร้างพลังใจให้กับทหารที่กำลังปฏิบัติหน้าที่และสร้างบรรยากาศแห่งความสามัคคี ปลุกขวัญกำลังใจให้กับทุกฝ่ายขณะที่ฝั่งกัมพูชาบริเวณตรงข้ามบ้านหนองจาน มีชาวบ้านกัมพูชาและทหารประจำการอยู่ ส่วนใหญ่ปักหลักอยู่ในเต็นท์สีฟ้าที่ใช้เป็นเพิงพัก แต่จนถึงเย็นวันเดียวกันนี้ไม่พบมีการรวมตัวทำกิจกรรม หรือการแสดงออกใดๆหรือการเคลื่อนไหวตอบโต้และไม่มีเหตุปะทะหรือความตึงเครียดเพิ่มเติมอีกด้านกองกำลังบูรพาและ จนท.หน่วยเฉพาะกิจอรัญประเทศ จับกุมชาวกัมพูชา 4 คน เป็นชาย 2 คน หญิง 2 คน ขณะกำลังเดินเท้าผ่านช่องทางธรรมชาติจากกัมพูชาเข้าไทย พื้นที่บ้านดงงู อ.อรัญประเทศ จากการสอบสวนทั้งหมดให้การว่า เคยทำงานเป็นคนสวนตัดแต่งต้นไม้ประดับใน จ.ปราจีนบุรี มานาน 8 ปี เข้าออกไทยผ่านช่องทางปกติมาตลอด เมื่อเดือนก.ค. ต้องกลับภูมิลำเนาตามคำสั่งรัฐบาลกัมพูชาพอกลับไปถึงไม่มีงานให้ทำเหมือนที่นายกฯกัมพูชาโฆษณาชวนเชื่อไว้ ทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ยากลำบากจึงตัดสินใจกลับมาไทยเพื่อทำงานที่เคยทำเพราะรายได้ดีกว่า จึงว่าจ้างคนพาค่าเดินทางมาตามช่องทางธรรมชาติ คนละ 7,000 บาท ขณะกำลังเดินลัดเลาะมาก็ถูกจับได้ นำส่ง ตร.สภ.คลองลึกดำเนินคดีต่อไปนอกจากนี้กองกำลังบูรพาร่วมกับหน่วยเฉพาะกิจอรัญประเทศ จับกุมชาวไทย 8 คน เป็นชาย 3 คน หญิง 3 คน และเด็กติดตาม 2 คน ขณะพยายามว่ายน้ำข้ามคลองกั้นเขตแดนไทย-กัมพูชา ที่บ้านทุ่งรวงทอง อ.อรัญประเทศ จากการตรวจสอบพบทั้งหมดเป็นครอบครัวเดียวกัน ไปทำงานในเมืองปอยเปตและพนมเปญ แต่ตกงาน เนื่องจากสถานการณ์ชายแดนตึงเครียด ทำให้ร้านอาหารและบริษัทขนส่งบางแห่งต้องปิดกิจการ อีกทั้งค่าครองชีพในกัมพูชาสูงขึ้น ส่งผลให้ไม่สามารถดำรงชีวิตต่อไปได้น.ส.อรปรียา ฟุ้งขจรนำโชค หนึ่งในผู้ถูกจับกุม เผยว่า เคยทำงานเป็นคอลเซ็นเตอร์ในกรุงพนมเปญแต่ถูกนายจ้างทำร้ายร่างกายเมื่อทำยอดไม่ถึงเป้า ต้องให้ครอบครัวในไทยโอนเงิน 1 แสนบาทแลกอิสรภาพเพื่อกลับบ้าน ทั้ง 8 คนยอมจ่ายเงินค่าจ้างผู้นำพาชาวกัมพูชา คนละ 5,000-6,000 บาท ให้นำทางกลับเข้าประเทศ ถูกพามาถึงริมคลองกั้นเขตแดนและถูกสั่งให้ว่ายน้ำข้ามฝั่ง อ้างว่าจะมีรถรอรับอีกฝั่งหนึ่ง แต่ระหว่างทางทหารพรานร้อย. ทพ.1206 ที่ลาด ตระเวนอยู่ตรวจพบและเข้าควบคุมตัวทั้งหมดไว้ได้ก่อนส่งมอบให้ สภ.คลองน้ำใสดำเนินคดีช่วงสายวันที่ 25 ก.ย. บิณฑ์พร้อมด้วยเอกพัน บรรลือฤทธิ์ ทับทิม อัญญารินทร์ และ จนท.มูลนิธิร่วมกตัญญูกว่า 50 นาย เดินทางมายังวัดตาเตียว ต.ตาเบา อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ ร่วมกันมอบถุงยังชีพจากมูลนิธิร่วมกตัญญู ให้ชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบไทย-กัมพูชาที่ผ่านมา มีนายสมมารถ ปล้องไหม ปลัดอาวุโส อ.ปราสาท นำคณะให้การต้อนรับ ขณะที่บิณฑ์นำเงินสดกว่า 1 ล้านบาท มามอบให้กับชาวบ้านครอบครัวละ 500 บาท จำนวน 2,000 ครอบครัวและมอบเงินให้กับเด็กพิเศษที่ศูนย์ดูแลเด็กพิเศษในจังหวัดสุรินทร์คนละ 1 พันบาทอีก 10 คน พร้อมถุงยังชีพหลังจากคณะมูลนิธิร่วมกตัญญูมอบถุงยังชีพและเงินเยียวยาช่วยเหลือประชาชนเสร็จแล้ว ได้มีโอกาสพูดคุยกับตัวแทนทหารแนวหน้าที่ประจำการในพื้นที่ใกล้ปราสาทตาควาย มีการสอบถามความเป็นอยู่และสิ่งที่ต้องการเร่งด่วน พบว่าทหารที่อยู่หน้าแนวตามจุดต่างๆยังขาดแคลนน้ำดื่ม น้ำใช้ในชีวิตประจำวัน ทำให้บิณฑ์ไม่รอช้ารีบโอนเงินจำนวน 3 หมื่นบาทผ่านนายวีรศักดิ์ พิษณุวงษ์ ประธานหอการค้าอาวุโส จ.สุรินทร์ดำเนินการสั่งซื้อถังเก็บน้ำสำรองขนาด 2 พันลิตร จำนวน 5 ถัง นำขึ้นไปมอบให้กับทหารแนวหน้าที่เนิน 350 ไว้ใช้ และยังมอบน้ำดื่มอีก 2 พันแพ็กด้วยอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่