ทหารกัมพูชาเหิมเกริมไม่หยุด ล่าสุดพยายามลักลอบเข้าบริเวณภูผี อ.กันทรลักษ์ จนหวิดปะทะทหารไทย “มทภ.2” ยืนยันเป็นทหารกัมพูชาลักลอบเข้าแดนไทยใกล้เขตรั้วลวดหนาม คาดจะลอบเข้ามาวางทุ่นระเบิดและยิงปืนขึ้นฟ้า หลังเจอทหารไทยสกัด-ขับไล่ จนต้องถอยกลับ ด้าน “วินธัย” แฉยับ 3 สัปดาห์ของเดือน ก.ย. พบ ทหารกัมพูชาเคลื่อนไหว 87 ครั้ง ทั้งปรับปรุงที่มั่น-เสริมกำลัง ละเมิดมาตรการหยุดยิงต่อเนื่อง ขณะที่ คนพื้นที่ช่องจอม สุรินทร์ ยันชาวกัมพูชารุกล้ำแดนไทย มากกว่าที่เป็นข่าว เข้ามาปลูกมะม่วงนานหลายปี หลังบ่อนกาสิโนกัมพูชากินพื้นที่ตลอดแนวชายแดนยาวกว่า 7 กม. ส่วนบ่อนร้างในอำเภอเมืองตราด ทร. ยันกัมพูชาสร้าง ต้องเป็นผู้รื้อถอน ขณะที่ “อนุทิน” อ้างยังสั่งอะไรไม่ได้ตอนนี้ ได้แต่มอบหมายปัญหาชายแดนให้ทหารดำเนินการเต็มที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ฝั่งจังหวัดภาคอีสานใต้ พื้นที่ดูแลของกองทัพภาค 2 ที่พบการก่อกวนจากฝั่งกัมพูชาอย่างต่อเนื่อง แม้มีข้อตกลงจากประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา (GBC) เมื่อวันที่ 10 ก.ย.ที่ผ่านมา ทั้งพบการลอบเข้ามาวาง ทุ่นระเบิดสังหาร บินโดรนสอดแนม ล่าสุดวันที่ 23 ก.ย. สถานการณ์ตึงเครียดขึ้น เมื่อช่วงบ่ายเกิดเสียงปืน ดังขึ้นเป็นชุด บริเวณภูผี ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ทำให้ประชาชนบางส่วนรู้สึกไม่มั่นใจ และทยอยเก็บข้าวของออกจากพื้นที่ไปพักอาศัยกับญาติในอำเภอใกล้เคียง ส่วนสถานศึกษาในพื้นที่ ได้ประกาศเลิกเรียนเวลา 14.00 น. ส่งเด็กนักเรียนกลับบ้าน เพื่อความปลอดภัยต่อมา พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ออกมาเปิดเผยถึงเรื่องนี้ว่า กองทัพบกได้รับรายงานจากกองทัพภาค 2 ว่า เมื่อเวลาประมาณ 13.20 น. ตรวจพบทหารกัมพูชายิงปืนเล็กจำนวน 3-5 นัด คาดว่าเป็นการยิงเพื่อทดสอบปฏิกิริยาการโต้ตอบของ ฝ่ายไทย ทั้งนี้ฝ่ายไทยยังคงเฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดทั้งนี้ พล.ต.วินธัยกล่าวก่อนหน้านี้ด้วยว่า ในห้วง เดือน ก.ย. ฝ่ายยุทธการ ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบก รายงานผลการตรวจพบความเคลื่อนไหวของฝ่ายกัมพูชา จำนวน 87 ครั้ง พื้นที่กองกำลังบูรพา พบการปรับปรุงที่มั่น 7 ครั้ง และพื้นที่กองกำลังสุรนารี พบการใช้ โดรน 36 ครั้ง การปรับปรุงที่มั่น 14 ครั้ง การละเมิด มาตรการหยุดยิง 4 ครั้ง การเพิ่มเติมกำลัง 25 ครั้ง และการลักลอบวางทุ่นระเบิด 1 ครั้ง ที่แสดงถึงการ ละเมิดมาตรการหยุดยิงอย่างต่อเนื่องจากนั้นเวลา 14.50 น. พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาค 2 เปิดเผยว่า ได้รับรายงานเหตุการณ์ดังกล่าวแล้ว เบื้องต้นทหารฝ่ายไทยตรวจพบทหารกัมพูชา มีลักษณะท่าทางจะเข้ามาในอธิปไตยไทย ใกล้กับเขตรั้วลวดหนาม เจ้าหน้าที่ทหารฝ่ายไทยจึงแจ้งเตือน ทำให้ทหารกัมพูชาใช้อาวุธปืนเล็กประจำกายยิงขึ้นฟ้า ทหารฝ่ายไทยจึงยิงตอบโต้ไป กระทั่งทหารกัมพูชาคาดว่าน่าจะมาจำนวน 2-3 นาย ล่าถอยกลับไป ขณะนี้ยืนยันว่าเหตุการณ์ปกติ และกองทัพภาค 2 มีการตรวจเฝ้าระวังทหารกัมพูชาที่รุกล้ำ และลักลอบเข้ามาวางทุ่นระเบิดอย่างใกล้ชิดนอกจากนี้ พล.ท.บุญสินได้กล่าวก่อนหน้านี้ ถึงการเกษียณอายุราชการในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้ ยืนยันว่าจะยังคงช่วยงานของกองทัพอย่างแน่นอน แต่ไม่ใช่งานด้านการเมือง แม้มีคนติดต่อเข้ามาให้ตำแหน่งระดับสูงทางการเมือง แต่ก็ไม่เอาและมั่นใจว่า แม่ทัพภาค 2 คนใหม่ มีความหนักแน่น เมื่อถึง เวลาตัดสินใจต้องทำ มั่นใจในฝีมือในเวลาต่อมา นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกฯและ รมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ที่พรรคภูมิใจไทย กรณีทหารกัมพูชายิงปืนเล็กยั่วยุเข้ามาในเขตแดนไทย ที่ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ว่า บอกแนวทางไปแล้ว เรื่องของการจัดการสถานการณ์ชายแดน กองทัพดำเนินการได้อย่างเต็มที่ ตอนนี้ยังสั่งการอะไรไม่ได้ ต้องรอแถลงนโยบายก่อน คำถามพวกนี้ไม่ต้องมา ถามจนกว่าจะเข้าไปอย่างเต็มที่ ตอนนี้เป็นได้เพียง ความคิด และการประสานงานเท่านั้น ยอมรับกังวลใจ ตลอด เวลาคุยกันนอกรอบ ให้เตรียมตัวทุกอย่างให้ พร้อมในเรื่องของการปะทะ หากทหารต้องการการสนับสนุนจากรัฐบาล เมื่อเข้าไปบริหารประเทศเต็มตัวแล้ว พร้อมที่จะให้การสนับสนุนอย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นอกจากกัมพูชารุกล้ำแดนไทย ทั้งที่บ้านหนองจาน จ.สระแก้ว พื้นที่ภูมะเขือ จ.ศรีสะเกษ ช่องอานม้า จ.อุบลราชธานี ปราสาทตาเมือนธม และปราสาทตาควาย อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ แล้ว ยังพบอีกหนึ่งพื้นที่ใน ต.ด่าน อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ โดยนายศิริวุฒิ วงษ์เจริญ กำนัน ต.ด่าน อ.กาบเชิง เปิดเผยว่า ชายแดนช่องจอมเป็นอีกจุดหนึ่ง ที่กัมพูชารุกล้ำเขตแดนไทยเข้ามาปลูกมะม่วง ตั้งแต่หลังบ่อนกาสิโน มาทางช่องจอม ตลอดไปจนถึงช่อง คลาคมุม รุกเข้ามาเยอะเกือบร้อยเมตร ยาวตลอดแนว เป็นช่วงๆไปจนถึงช่องระยี ใกล้กับผาลับตะวันและช่องปลดต่าง ตรงข้ามหมู่บ้านสกล ต.ตะเคียน อ.กาบเชิง โดยจุดนั้นรุกพื้นที่เข้ามาหลายร้อยเมตร รวมตลอดแนวชายแดนกว่า 7 กม. นอกจากนี้ ยังพบหมู่บ้าน ปริศนาโผล่บริเวณรุกล้ำดังกล่าวอีกด้วยกำนัน ต.ด่าน กล่าวอีกว่า แม้ที่ผ่านมาหลายปีก่อน ฝ่ายปกครอง อ.กาบเชิง และทหารเข้าไปเจรจา กับ นอภ.กรุงสำโรง จ.อุดรมีชัย กัมพูชา แล้ว เขาขอ เก็บผลผลิตก่อน จนปัจจุบันก็ยังไม่ตัดต้นมะม่วงออก และปล่อยให้มีการรุกล้ำเข้ามาโดยตลอด ล่าสุดมีรายงานว่า ทหารกัมพูชาได้ตั้งฐานปฏิบัติการบริเวณ หลังบ่อนกาสิโนใกล้กับพื้นที่ที่รุกล้ำ และเสริมกำลังเข้ามาจำนวนมากอีกด้วย จึงอยากให้ทหารมีมาตรการเด็ดขาด ยึดทุกพื้นที่กลับคืนด้วยสำหรับแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ที่ติดชายฝั่งทะเลอย่าง จ.ตราด พื้นที่ดูแลของกองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด (กปช.จต.) ที่กัมพูชารุกแดนไทยถึง 17 จุด รวมถึงบ่อนกาสิโนของกัมพูชา บริเวณด่านท่าเส้น อ.เมืองตราด แต่กลับยังไม่มีการรื้อถอนนั้น พล.ร.ต.ปารัช รัตนไชยพันธ์ รองโฆษกกองทัพเรือ ออกมาชี้แจงว่า กาสิโนที่เป็นประเด็นอยู่ ก่อนหน้านี้ผู้บัญชาการทหารเรือได้ให้ข้อมูลไปแล้วว่า จะต้องดำเนินการตามกติกากฎหมายระหว่างประเทศ คือมีการประท้วงไปตั้งแต่ตรวจพบว่ากัมพูชาสร้างอาคารอยู่ในพื้นที่ที่เราอ้างสิทธิ์ทับซ้อนรองโฆษกกองทัพเรือระบุอีกว่า จากการตรวจสอบอาคารที่สร้างปัจจุบันยังไม่มีการใช้งาน ไม่มีผู้อยู่อาศัย เจตนารมณ์ของฝ่ายไทยคือ การผลักดันให้ฝ่ายตรงข้ามที่รุกล้ำเข้ามายังเขตแดนอธิปไตยของไทยในพื้นที่อ้างสิทธิ์ให้ออกไปจากพื้นที่ทั้งหมด ขณะนี้ทั้ง 17 จุด และกาสิโนไม่ปรากฏว่ามีการเข้าใช้ประโยชน์ทั้งฝ่ายทหารและฝ่ายพลเรือน ส่วนการดำเนินการหลังจากนี้ เนื่องจากเป็นพื้นที่อ้างสิทธิ์ทับซ้อน จะดำเนินการจากเบาไปหาหนักเริ่มจากการเจรจารื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง ไม่ใช่แค่กาสิโน แต่รวมไปถึงคูเลต และฐานปฏิบัติการของฝั่งตรงข้ามทั้งหมด จะต้องปรับพื้นที่ให้อยู่ในสภาพเดิม จากการพูดคุยท่าทีของฝั่งกัมพูชามีการตอบรับในขั้นต้น เข้าใจว่าตามระบบของกัมพูชา จะต้องดำเนินการตั้งแต่ทหารระดับพื้นที่รายงานไปตามชั้นภูมิภาค ก่อนจะรายงานกลับไปที่พนมเปญพล.ร.ต.ปารัชกล่าวว่า วันนี้กองทัพเรือและ กปช.จต.ติดตามทวงถามอย่างใกล้ชิดว่า ฝั่งกัมพูชาจะมีปฏิกิริยาตอบสนองอย่างไรบ้าง แต่ยอมรับว่าเรื่องนี้ไม่ได้มีกำหนดระยะเวลาว่าจะต้องรื้อถอน และผลักดันให้กลับไปสู่สภาพเดิมเมื่อไหร่ ฝั่งไทยไม่อยากพูดคำว่ากดดัน แต่จะใช้ช่องทางเจรจาให้เป็นไปตามกติกา ส่วนการทุบสิ่งปลูกสร้างที่กัมพูชารุกล้ำนั้นฝั่งกัมพูชาเป็นผู้สร้าง ต้องเป็นฝ่ายรื้อถอน และปรับให้อยู่ในสภาพเดิม เนื่องจากพื้นที่นั้นเป็นอธิปไตยของไทย แต่ถ้ายังดื้อดึงไม่ยอมรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างตามที่พูดคุยตกลงกันไว้ ไทยอาจจะมีการยกระดับต่อไปด้าน พล.ร.อ.จิรพล ว่องวิทย์ ผบ.ทร.กล่าวถึงสถานการณ์ขณะนี้ โดยยอมรับว่า มีแนวโน้มลากยาวไปถึงปีหน้า เพราะการเจรจาระหว่างสองฝ่ายยังล่าช้า แนวโน้มความขัดแย้งจะยืดเยื้อต่อไป แต่ถ้าสามารถบรรลุข้อตกลงตามที่ไทยต้องการได้ ความขัดแย้งจะยุติได้เร็ว สิ่งสำคัญคือจะต้องหาจุดลงตัวที่ประชาชนของทั้งสองฝ่ายสามารถยอมรับ เช่น ต้องใช้คนกลางหรือไม่ แต่ถ้าคุยกันสองฝ่ายแล้วตกลงกันได้ก็ควรยุติตรงนี้ แต่ทุกเรื่องมีกระบวนการและขั้นตอนในการดำเนินงาน หากเราต้องการข้อตกลงที่นำไปสู่สันติภาพที่ยั่งยืน ต้องเกิดจากความเห็นชอบร่วมกันส่วนความเคลื่อนไหวด้านบ้านหนองจาน-บ้านหนองหญ้าแก้ว อ.โคกสูง จ.สระแก้ว ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงสาย ฝั่งกัมพูชามีการเคลื่อนไหวอย่างชัดเจนและต่อเนื่อง โดยมีพระสงฆ์ชาวกัมพูชาจำนวนหนึ่งนำหน้าชาวบ้านทั้งชายหญิง ผู้สูงอายุ เด็ก และผู้พิการ รวมแล้วกว่า 100 คน เดินทางเข้าพื้นที่อย่างเป็นระเบียบ ใช้เส้นทางจากหมู่บ้านเปรยจันและหมู่บ้านใกล้เคียงเข้ามาปักหลักอาศัยในเพิงพักชั่วคราว ตรงข้ามบ้านหนองจาน-หนองหญ้าแก้ว ซึ่งรายงานจากฝ่ายความมั่นคงระบุ การเคลื่อนไหวครั้งนี้ได้รับการสนับสนุนโดยตรงจากนายอุม เรียตรัย ผู้ว่าราชการจังหวัดบันเตียเมียนเจย สั่งการให้ทุกหน่วยงานในจังหวัด รวมถึงจังหวัดใกล้เคียง จัดเตรียมอาหาร น้ำดื่ม และสิ่งของจำเป็นแจกจ่ายกลุ่มผู้ชุมนุมอย่างไม่จำกัด เพื่อสร้างความมั่นใจว่าประชาชนที่เข้ามาปักหลักจะอยู่ในพื้นที่ได้ต่อเนื่องต่อมา พล.ร.ต.สุรสันต์ คงสิริ โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวมาตรการหากถึงเดดไลน์วันที่ 10 ต.ค.นี้ ที่ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดบันเตียเมียนเจย ส่งแผนอพยพประชาชนออกนอกพื้นที่ตลอดแนว จ.สระแก้ว ว่า ตาม ข้อตกลงที่ประชุม GBC ที่ผ่านมา ได้มอบหมายให้คณะกรรมาธิการชายแดนส่วนภูมิภาค หรือ RBC ในพื้นที่ไปหารือระหว่างผู้ว่าราช การจังหวัดทั้งสองฝ่าย ซึ่งยังคงมีความเห็นที่แตกต่างกัน ต้องปล่อยให้ระดับพื้นที่พูดคุยกัน โดยหากเป็นการรุกล้ำอธิปไตยก็มีกฎหมายบังคับใช้ในข้อหารุกล้ำอธิปไตยของไทย ไทยสามารถดำเนินการตามกฎหมายได้เลย หากยังมีการรุกล้ำอยู่เหมือนเดิม ต้องดำเนินมาตรการจากเบาไปหาหนัก โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารในพื้นที่ดูแลเรื่องของบูรณภาพแห่งดินแดน เชื่อว่าเรื่องนี้ไม่น่าเป็นห่วงอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่