โฆษกกองทัพภาคที่ 1 ขู่ดำเนินคดีชาวกัมพูชาอย่างเด็ดขาดหากรุกล้ำทำลายป้ายแจ้งเตือนที่บ้านหนองจาน อ.โคกสูง จ.สระแก้ว พร้อมประสานทหารกัมพูชาให้ดูแลคนของตัวเอง หลังชาวกัมพูชาที่บุกรุกดินแดนไทย ที่บ้านหนองจานยกพวกมาป่วนยั่วยุทหารไทยที่กำลังติดป้ายแจ้งให้ออกจากพื้นที่ สถานการณ์ตึงเครียดหวิดบานปลาย ตำรวจควบคุมฝูงชนต้องเข้ามาตรึงกำลัง แม่ทัพภาคที่ 1 ควง ผวจ.สระแก้วลงพื้นที่บ้านหนองจาน ตรวจเยี่ยมทหารชายแดน ย้ำพื้นที่เป็นของไทย โฆษกกองทัพบกซัดกัมพูชายั่วยุละเมิดข้อตกลงหยุดยิง ผู้ว่าฯกัมพูชาตอบกลับจดหมายผู้ว่าฯสระแก้ว อ้างไม่มีอำนาจย้ายชาวกัมพูชารุกบ้านหนองจานต้องใช้ที่ประชุม GBCชายแดนไทย-กัมพูชา ด้าน จ.สระแก้ว วุ่นวายปั่นป่วนตึงเครียดอีกครั้งเมื่อช่วงสายวันที่ 4 ก.ย.หลังชาวกัมพูชากว่า 200 คน ก่อความวุ่นวายบุกเข้ามาประชิดรั้วลวดหนามชายแดนไทย บริเวณหลักเขตแดนที่ 46 บ้านหนองจาน ต.โนนหมากมุ่น อ.โคกสูง จ.สระแก้ว ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ยังอยู่ในพื้นที่อ้างสิทธิ์ เพราะไม่พอใจที่ทางการไทยปักป้ายประกาศให้ชาวกัมพูชาที่ปลูกบ้านรุกล้ำดินแดนไทย 170 หลังคาเรือนออกจากพื้นที่ โดยชาวกัมพูชานำอาวุธทั้งมีด ทั้งท่อนไม้มายืนด่าทอทหารไทยเพื่อกดดันและแสดงท่าทีจะทำร้ายทหารไทยที่กำลังปักป้ายอยู่ ขณะที่ชาวกัมพูชาส่วนหนึ่งพากันใช้โทรศัพท์มือถือไลฟ์สดส่งเสียงดังตลอดเวลา ทั้งนี้ ชาวกัมพูชาบางรายมีลักษณะเป็นแกนนำมวลชน สังเกตจากการใช้และพกพาวิทยุสื่อสารประจำตัว ซึ่งทหารไทยได้ยืนตรึงกำลังประจันหน้าชาวกัมพูชาที่ส่งเสียงด่าทอยั่วยุอย่างอดทนอดกลั้นต่อมากองกำลังบูรพาได้รับรายงานจึงมอบหมายให้หน่วยเฉพาะกิจ ฉก.12 จัดกำลังพลเข้าตรวจสอบควบคุมสถานการณ์และประสานไปยังผู้บังคับการกองพลทหารราบที่ 51 ให้ทหารกัมพูชาเข้ามาควบคุมประชาชนชาวกัมพูชาไม่ให้มายั่วยุเพิ่มเติมในแนวชายแดน และประสานตำรวจภูธรจังหวัดสระแก้วนำกำลังตำรวจชุดควบคุมฝูงชน (คฝ.) มาตรึงกำลังป้องกันไม่ให้เหตุการณ์บานปลาย กระทั่งเวลา 13.30 น. มีชาวกัมพูชานอกพื้นที่กลุ่มหนึ่งปิดถนนหมายเลข 58 ฝั่งกัมพูชายั่วยุและกีดขวางผู้สัญจรเข้ามาในพื้นที่เรียกร้องให้เข้าร่วมประท้วง ถือเป็นการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงของทั้งสองฝ่าย ขอยืนยันว่าจะดำรงไว้ซึ่งอธิปไตยแห่งชาติ ไม่ยอมให้มีการรุกล้ำอาณาเขต พร้อมทั้งจะปฏิบัติหน้าที่ในการดูแลความมั่นคงและความปลอดภัยของประชาชนบริเวณแนวชายแดนอย่างเต็มกำลังความสามารถขณะเดียวกัน พล.ท.อมฤต บุญสุยา แม่ทัพภาคที่ 1 และนายปริญญา โพธิสัตย์ ผวจ.สระแก้ว ลงพื้นที่บ้านหนองจาน ติดตามสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา และพบปะพูดคุยกับชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ซึ่งการลงพื้นที่ครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของการติดตามการแก้ไขปัญหาการบุกรุกพื้นที่ชายแดน โดยเฉพาะกรณีชาวกัมพูชาเข้ามารุกล้ำดินแดนไทย กองทัพภาคที่ 1 อยู่ระหว่างดำเนินการแก้ไขปัญหาตามขั้นตอนที่กำหนดไว้ในแผน พร้อมเร่งรัดการทวงคืนพื้นที่ให้กับประชาชน พล.ท. อมฤตได้กล่าวขอบคุณ ชรบ.ที่ช่วยกันดูแลความสงบเรียบร้อยในหมู่บ้านและยืนยันว่ากองทัพจะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด พร้อมดำเนินการแก้ไขปัญหาชายแดนตามกรอบที่กำหนด เพื่อรักษาความมั่นคงและสิทธิของประชาชนในพื้นที่แม่ทัพภาคที่ 1 กล่าวอีกว่า ส่วนการผลักดันประชาชนชาวกัมพูชาที่รุกล้ำดินแดน ทหารกับผู้ว่าฯจะร่วมมือกันอย่างไรนั้นต้องดูผลการประชุม GBC ทุกอย่างต้องบรรลุผลสำเร็จในสิ่งที่เราต้องการ เพื่อเป็นประโยชน์ของชาติ ส่วนจะมีการรื้อถอนบ้านเรือนจำนวน 7 หลังที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ข้อพิพาทหรือไม่ เราต้องดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายอย่างเคร่งครัด พื้นที่ดังกล่าวเป็นดินแดนของไทยอย่างแน่นอน ประชาชนไม่ควรกังวล แต่ควรมั่นใจว่ารัฐบาลและกองทัพยืนหยัดเคียงข้างประชาชน ปกป้องสิทธิ์ในที่ดินของไทย ส่วนการปฏิบัติขั้นตอนในวันที่ 10 ก.ย.ที่จะมีการประชุม GBC ได้รวบรวมข้อมูลต่างๆไว้จากผลการประชุม RBC ทั้งหมดในทุกพื้นที่ พื้นที่กองทัพภาคที่ 1 และกองทัพภาคที่ 2 นำไปรวบรวมเพื่อไปทำข้อเสนอยื่นกับกัมพูชา เพื่อพูดคุยร่วมกันให้ได้ข้อสรุปออกมา ขอให้ประชาชนใจเย็นๆ เพราะต้องไม่เดินไปในเกมของเขา ต้องให้เข้ามาในเกมของเราด้าน พล.ต.สุรวิชญ์ แดงจันทร์ เสนาธิการกองทัพภาคที่ 1 ในฐานะโฆษกกองทัพภาคที่ 1 กล่าวถึงกรณีชาวกัมพูชารวมตัวกดดันทหารไทยที่บ้านหนองจาน หลังมีการติดป้ายเตือนให้ชาวกัมพูชา 170 ครัวเรือนที่รุกล้ำดินแดนออกจากพื้นที่ของไทย หากเพิกเฉยไม่ดำเนินการจะดำเนินคดีและต้องรับโทษในราชอาณาจักรไทยตามกฎหมายดังนี้ 1.พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 มาตรา 11 มาตรา 62 และมาตรา 81 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี และปรับไม่เกิน 20,000 บาท 2.พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2484 มาตรา 54 และมาตรา 72 ตรี ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 50,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หากกระทำในพื้นที่เกินกว่า 25 ไร่ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 2 ปีถึง 15 ปี ปรับตั้งแต่ 10,000 ถึง 100,000 บาทพล.ต.สุรวิชญ์กล่าวอีกว่า ทหารในพื้นที่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้และเป็นเรื่องที่ไม่เหนือความคาดหมาย การติดป้ายดังกล่าวอยู่ในพื้นที่ของไทย หากฝ่าฝืนเข้ามารุกล้ำหรือทำลายป้าย เหมือนกรณีการรื้อรั้วลวดหนามที่ผ่านมา ยืนยันจะดำเนินคดีตามกฎหมาย ทหารไทยไม่อยากแจ้งข้อกล่าวหากับชาวกัมพูชาจึงประสานฝ่ายกัมพูชา ให้เข้ามาจัดระเบียบคนของตัวเอง ไม่ให้รุกล้ำเข้ามาฝั่งไทยหรือทำลายป้าย แต่หากยังฝ่าฝืนจะดำเนินการตามกฎหมายไทยอย่างถึงที่สุด เมื่อถามว่าหลังติดป้ายเตือนแล้วต้องใช้เวลากี่เดือน ก่อนที่ฝ่ายไทยจะบังคับใช้กฎหมายกับคนกัมพูชาที่รุกล้ำพื้นที่บ้านหนองจาน พล.ต.สุรวิชญ์กล่าวว่า การจัดระเบียบชายแดน อยู่ระหว่างการหารือในการประชุมคณะกรรมการชายแดนไทยทั่วไป ไทย-กัมพูชา อีกครั้งต่อไปนี้ เพื่อกำหนดกติกากรอบการปฏิบัติที่ชัดเจนช่วงบ่ายสถานการณ์ที่บ้านหนองจาน เกิดความปั่นป่วนอีกครั้ง เมื่อทหารกัมพูชากับชาวบ้านรวมกว่า 300 คน มาตั้งแถวประจันหน้ากับทหารไทย เข้าสู่พื้นที่แนวรอยต่อ บริเวณใกล้กับหลักเขตที่ 46 ห่างจากเส้นเขตแดนไทยราว 10-15 เมตร โดยให้ชาวบ้านอยู่ด้านหลังทหาร อีกทั้งมีการเกณฑ์พระสงฆ์ สามเณร วัยรุ่นฉกรรจ์ กลุ่มสก๊อยชาวกัมพูชา ใช้เป็น “โล่มนุษย์” กดดันเจ้าหน้าที่ไทย ทั้งทหารกองกำลังบูรพาและตำรวจควบคุมฝูงชน แหล่งข่าวด้านความมั่นคงระบุว่า การเคลื่อนไหวดังกล่าวมีเป้าหมายเพื่อกดดันให้ฝ่ายไทยลดการตรึงกำลังและไม่สามารถดำเนินการจัดการพื้นที่พิพาทได้สะดวก ขณะที่กองกำลังไทยยังคงรักษาความสงบไม่ตอบโต้ เน้นใช้มาตรการทางการทูตควบคู่กับการเฝ้าระวังพื้นที่มีรายงานด้วยว่า ที่ ต.ท่าข้าม ต.ป่าไร่ อ.อรัญ ประเทศ และ ต.โนนหมากมุ่น ต.โคกสูง อ.โคกสูง จ.สระแก้ว ช่วงบ่ายวันเดียวกันนี้ มีการเตรียมพื้นที่สำหรับการก่อสร้างรั้วถาวรและเส้นทางลูกรัง ตามแผนพัฒนาแนวชายแดนพล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวถึงสถานการณ์บ้านหนองจานว่า ช่วงเวลา 13.30 น.กองกำลังบูรพารายงานเพิ่มเติมว่า กัมพูชาเกณฑ์ประชาชนทั้งจากนอกพื้นที่และที่สัญจรผ่านไปมาเข้ามาร่วมประท้วงแสดงท่าทียั่วยุต่อทหารไทยในพื้นที่เพิ่มเติม การกระทำครั้งนี้ถือเป็นการละเมิดต่อข้อตกลงหยุดยิงที่ทั้งไทยและกัมพูชามีมติเห็นพ้องร่วมกันในการดำเนินการ จากการประชุม GBC และ RBC ที่ผ่านมา ย้ำว่าขอให้กัมพูชายึดถือและปฏิบัติตามข้อระเบียบต่างๆที่กำหนด ทั้งที่เคยได้ให้ไว้ร่วมกันและที่เป็นสมาชิกภาคีในอนุสัญญาต่างๆ ในระดับสากลกองทัพบก โดยกองทัพภาคที่ 1 ยืนยันถึงความพร้อมในการปฏิบัติภารกิจ หากตรวจพบการกระทำผิดของประชาชนชาวกัมพูชา ภายใต้ขอบเขตอำนาจหน้าที่ที่มีอยู่ เพื่อดำรงไว้ซึ่งอธิปไตยของชาติ ไม่ให้มีใครมารุกราน ตลอดจนดูแลความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนชาวไทยตามแนวชายแดนอย่างเต็มกำลังความสามารถขณะที่เพจเฟซบุ๊ก “ศูนย์เฉพาะกิจฯ ชายแดนไทย-กัมพูชา Team Thailand” โพสต์ข้อความว่า ตามที่มีรายงานข่าวว่าศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) มีมติอนุมัติการสร้างรั้วบริเวณหลักเขตแดน 50-51 ศบ.ทก. ขอชี้แจงข้อเท็จจริงตามการแถลงเมื่อวันที่ 3 ก.ย.ว่า ที่ประชุมได้รับทราบแนวทาง จ.สระแก้ว ถึงการจัดการพื้นที่ ประกอบด้วย 1.แผนการสร้างรั้วในหลักเขตแดนที่ 50-51 ระยะทาง 16 กม. 2.มาตรการเสริมสร้างความมั่นคงปลอดภัยให้แก่พี่น้องประชาชนในพื้นที่ เช่น การสำรวจสิทธิการครอบครองที่ดินในพื้นที่อย่างละเอียด ตลอดจนมีมาตรการดำเนินการตามกฎหมายของไทย ในการประกาศใช้กฎหมายกับชาวกัมพูชาที่บุกรุกพื้นที่ และแจ้งความดำเนินคดีกับราษฎรกัมพูชาที่บุกรุกพื้นที่ป่าไม้ ตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 54 และมาตรา 72 โดยในชั้นนี้ ยังมิได้มีการอนุมัติแต่อย่างใด แต่เป็นการรับทราบและเห็นชอบในหลักการ เป็นไปตามกฎหมายไทยและขั้นตอนที่เกี่ยวข้องส่วนกรณีนายปริญญา โพธิสัตย์ ผวจ.สระแก้ว ทำหนังสือถึงนายโอม เรียเตรย ผวจ.บันเตียเมียนเจย ของกัมพูชา เมื่อวันที่ 29 ส.ค. ขอความร่วมมือดำเนินการย้ายราษฎรกัมพูชาที่รุกล้ำปลูกสร้างบ้านเรือนและสิ่งปลูกสร้างในพื้นที่บ้านหนองจานและบ้านหนองหญ้าแก้ว อ.โคกสูง จ.สระแก้ว ซึ่งเป็นพื้นที่นอกพื้นที่อ้างสิทธิ ต่อมา ผวจ.บันเตียเมียนเจย ทำหนังสือตอบกลับมาถึง ผวจ.สระแก้ว ระบุว่า ปัญหานี้อยู่ในความรับผิดชอบของคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) และคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (JBC) ไทย-กัมพูชา ต้องดำเนินการตามข้อตกลงที่มีอยู่ขอให้ท่าน ผวจ.สระแก้วได้โปรดรักษาเสถียรภาพสถานการณ์ชายแดนในปัจจุบันและสภาพความเป็นอยู่ของประชาชนไว้ก่อน พร้อมมอบหมายงานนี้ให้ GBC และ JBC ซึ่งเป็นกลไกเขตที่มีอำนาจดำเนินการต่อไปวันเดียวกัน นสพ.ขแมร์ ไทม์ส ของทางการกัมพูชารายงานว่า รัฐบาลกัมพูชาแถลงปฏิเสธต่อข้อกล่าวหาของนายสม รังสี อดีตประธานพรรคกู้ชาติกัมพูชาที่โพสต์บนเฟซบุ๊กว่า นายฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา มีส่วนเกี่ยวข้องกับการซื้อหุ้นของบริษัทบางจาก คอร์ปอเรชั่น ซึ่งเป็นกลุ่มบริษัทพลังงานชั้นนำของไทย ผ่านนายหน้าชื่อ เบนจามิน เมาเออร์เบอร์เกอร์ ชาวแอฟริกาใต้สัญชาติกัมพูชา แต่ถูกปฏิเสธทำให้ฮุน เซน ไม่พอใจ ทางการกัมพูชาประณามคำกล่าวอ้างเป็นเท็จดังกล่าวและถือว่าเป็นการทรยศ พร้อมระบุว่ากองทัพไทยโดยเฉพาะกองทัพภาคที่ 2 ยังคงแสดงท่าทียั่วยุกัมพูชา เช่นกรณีที่ พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ได้เสนอแนวทางให้ไทยทวงคืนปราสาทพระวิหารด้วยการการยื่นฟ้องใหม่ต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ หรือการใช้กำลังทหารอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่